The End of Stuart Little Nongkheam
-----------------------------
เช้านี้ผมใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆกับการพยายามช่วยชีวิตเจ้าหนูน้อย ไม่ได้แสดงตัวเป็นราชสีห์ว่าสักวันหนึ่งเจ้าหนูน้อยจะกลับมาช่วยเราดั่งในนิทาน เพียงแต่มองเห็นชีวิตที่เป็น 1 ชีวิตเช่นเดียวกับเรา เราไม่อาจคิดแทนใครหรือสิ่งมีชีวิตใดใดได้ว่า..เกิดมาเพื่ออะไร มีชีวิตเพื่ออะไร หรือจะอยู่ไปทำไม นั่นคือวินาทีที่ผมตัดสินใจช่วยชีวิตเจ้าหนูน้อย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อนขณะวางอาหารให้จังโก้ กระรอกน้อยที่มาขอร่วมอาศัย ผมก็มักจะเห็นเจ้าหนูน้อย 2 ตัวเทียวมาขโมยอาหารจังโก้อยู่เป็นประจำ ซึ่งผมก็ไม่ได้รังเกียจ และยังนำอาหารไปเพิ่มให้เสมอ จนผ่านไปประมาณ 2 เดือนกว่าผมก็เห็นหนูน้อยตัวเล็กๆ 4 ตัวปีนมากินอาหารซึ่งเห็นว่าการปีนกำแพงยังไม่แข็งแรงนัก ปีนหล่นไปหล่นมา ทำให้ผมคิดว่าต้องเป็นลูกๆของหนูสองผัวเมียนั้นแน่ๆจึงได้นำอาหารมาวางไว้ให้กับพื้น เวลาผ่านไปสักระยะก็มีแมวตัวหนึ่งมาอาศัยอยู่โดยไม่ได้บอกกล่าว ทำให้เจ้าหนูทั้งหมดหายไปเลย เช้าวันหนึ่งเห็นจังโก้ร้องเรียกเสียงดัง ซึ่งทุกครั้งในการร้องแบบนี้จะมีเหตุเสมอ ผมรีบวิ่งออกมาดู เห็นแมวกำลังปีนต้นไม้ไล่กัดจังโก้ ผมจึงได้ไล่แมวตัวนั้นออกไป และก็ไม่เห็นมันกลับมาอีกเลย
หลายวันที่ผ่านมา มีความรู้สึกว่าอาหารที่เตรียมไว้ให้จังโก้ในบ้านถูกกัดแทะเกือบทุกวัน เมื่อเฝ้าสังเกตุในยามค่ำคืนก็ได้เห็นเจ้าหนูน้อยที่เป็นหัวขโมย ผมจึงหารือกับเด็กๆในบ้านเพื่อจะไล่เจ้าหนูน้อยให้ออกไปอยู่นอกบ้านเพราะเกรงว่าจะกัดสายไฟ สายคอมพิวเตอร์ ทั้งตะโกนไล่ เคาะโต๊ะ ตีพื้น แต่ก็ไม่เป็นผลจึงได้สรุปกันที่วิธีสุดท้ายคือใช้ถาดกาว เราตกลงกันว่าจะให้ผมคอยฟังเสียงถ้าได้ยินเสียงถาดให้รีบออกมาปล่อยเจ้าหนูน้อยยังนอกบ้าน แต่เราชล่าใจมากไป เช้านี้จึงได้เห็นเจ้าหนูน้อยติดกาวแบบเกินเยียวยา
สภาพหนูน้อยนอนติดกาวแน่นิ่ง ตอนแรกก็กะจะห่อถาดกาวและเจ้าหนูทิ้งถังขยะ แต่พอเดินไปใกล้ๆเจ้าหนูน้อยก็ขยับตัวแบบทุรนทุรายเ เหมือนกลัวและพยายามจะดิ้นให้หลุดเพื่อหนี ผมจึงนำถาดไปวางไว้นอกบ้านก่อนจะตัดสินใจช่วยชีวิตเจ้าหนูน้อย เมื่อเตรียมอุปกรณ์การช่วยเหลือพร้อมแล้วก็ได้ตั้งกล้องบันทึกเรื่องราวการช่วยเหลือ เพราะหวังว่าจะได้เก็บภาพเจ้าหนูน้อยไว้เปรียบเทียบเมื่อเจอกันอีกครั้ง
ผมหากระดาษมาซอยให้ชิ้นเล็กๆเพื่อใช้รองในส่วนที่ดึงหนูออกจากกาวได้แล้วไม่ให้กลับไปติดกาวอีก ใช้น้ำมันสนที่มีเช็ดให้กาวลื่นไม่ใช้ทินเนอร์เพราะกลัวจะกัดผิวหนูตายก่อน โดยเช็ดตั้งแต่หาง เช็ดเท้าทีละข้าง ค่อยๆดึงตัวเขาแยกจากกาว และใช้กระดาษเสียบรอง ทุกขั้นตอนคงสร้างความเจ็บปวดไม่ใช่น้อยแต่ก็ต้องกัดฟันทำให้ ผมไม่เชื่อตัวเองเลยว่าผมจะค่อยๆบรรจงเช็ดกาวออกจากเท้าหนูทีละข้างอย่างช้าๆเพื่อให้เขาเดินได้ ผมไล่แกะและเช็ดกาวจากตัวเขาเป็นชั่วโมงจนเหลือน้อยที่สุด เรียกว่าที่เท้าไม่มีกาวจนพอจะเดินได้สะดวกแล้ว จึงวางเจ้าหนูน้อยลงบนกระดาษ อนิจจา เจ้าหนูน้อยคงตกใจหรือดีใจจนสุดตัวที่มันหลุดจากถาดกาว มันดิ้นแรงจนหล่นจากโต๊ะช่วยเหลือ ผมคว้าไม่ทันเพราะมัวแต่ง่วนหาทางช่วยเหลือ เมื่อผมค่อยๆประคองหยิบเจ้าหนูน้อยที่ผมเพิ่งช่วยชีวิตขึ้นมา สังเกตว่ามันไม่หายใจอีกแล้ว อนิจจา อโหสิกรรมนะ เจ้าหนูน้อย
.
The End of Stuart Little Nongkheam
-----------------------------
เช้านี้ผมใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆกับการพยายามช่วยชีวิตเจ้าหนูน้อย ไม่ได้แสดงตัวเป็นราชสีห์ว่าสักวันหนึ่งเจ้าหนูน้อยจะกลับมาช่วยเราดั่งในนิทาน เพียงแต่มองเห็นชีวิตที่เป็น 1 ชีวิตเช่นเดียวกับเรา เราไม่อาจคิดแทนใครหรือสิ่งมีชีวิตใดใดได้ว่า..เกิดมาเพื่ออะไร มีชีวิตเพื่ออะไร หรือจะอยู่ไปทำไม นั่นคือวินาทีที่ผมตัดสินใจช่วยชีวิตเจ้าหนูน้อย
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อนขณะวางอาหารให้จังโก้ กระรอกน้อยที่มาขอร่วมอาศัย ผมก็มักจะเห็นเจ้าหนูน้อย 2 ตัวเทียวมาขโมยอาหารจังโก้อยู่เป็นประจำ ซึ่งผมก็ไม่ได้รังเกียจ และยังนำอาหารไปเพิ่มให้เสมอ จนผ่านไปประมาณ 2 เดือนกว่าผมก็เห็นหนูน้อยตัวเล็กๆ 4 ตัวปีนมากินอาหารซึ่งเห็นว่าการปีนกำแพงยังไม่แข็งแรงนัก ปีนหล่นไปหล่นมา ทำให้ผมคิดว่าต้องเป็นลูกๆของหนูสองผัวเมียนั้นแน่ๆจึงได้นำอาหารมาวางไว้ให้กับพื้น เวลาผ่านไปสักระยะก็มีแมวตัวหนึ่งมาอาศัยอยู่โดยไม่ได้บอกกล่าว ทำให้เจ้าหนูทั้งหมดหายไปเลย เช้าวันหนึ่งเห็นจังโก้ร้องเรียกเสียงดัง ซึ่งทุกครั้งในการร้องแบบนี้จะมีเหตุเสมอ ผมรีบวิ่งออกมาดู เห็นแมวกำลังปีนต้นไม้ไล่กัดจังโก้ ผมจึงได้ไล่แมวตัวนั้นออกไป และก็ไม่เห็นมันกลับมาอีกเลย
หลายวันที่ผ่านมา มีความรู้สึกว่าอาหารที่เตรียมไว้ให้จังโก้ในบ้านถูกกัดแทะเกือบทุกวัน เมื่อเฝ้าสังเกตุในยามค่ำคืนก็ได้เห็นเจ้าหนูน้อยที่เป็นหัวขโมย ผมจึงหารือกับเด็กๆในบ้านเพื่อจะไล่เจ้าหนูน้อยให้ออกไปอยู่นอกบ้านเพราะเกรงว่าจะกัดสายไฟ สายคอมพิวเตอร์ ทั้งตะโกนไล่ เคาะโต๊ะ ตีพื้น แต่ก็ไม่เป็นผลจึงได้สรุปกันที่วิธีสุดท้ายคือใช้ถาดกาว เราตกลงกันว่าจะให้ผมคอยฟังเสียงถ้าได้ยินเสียงถาดให้รีบออกมาปล่อยเจ้าหนูน้อยยังนอกบ้าน แต่เราชล่าใจมากไป เช้านี้จึงได้เห็นเจ้าหนูน้อยติดกาวแบบเกินเยียวยา
สภาพหนูน้อยนอนติดกาวแน่นิ่ง ตอนแรกก็กะจะห่อถาดกาวและเจ้าหนูทิ้งถังขยะ แต่พอเดินไปใกล้ๆเจ้าหนูน้อยก็ขยับตัวแบบทุรนทุรายเ เหมือนกลัวและพยายามจะดิ้นให้หลุดเพื่อหนี ผมจึงนำถาดไปวางไว้นอกบ้านก่อนจะตัดสินใจช่วยชีวิตเจ้าหนูน้อย เมื่อเตรียมอุปกรณ์การช่วยเหลือพร้อมแล้วก็ได้ตั้งกล้องบันทึกเรื่องราวการช่วยเหลือ เพราะหวังว่าจะได้เก็บภาพเจ้าหนูน้อยไว้เปรียบเทียบเมื่อเจอกันอีกครั้ง
ผมหากระดาษมาซอยให้ชิ้นเล็กๆเพื่อใช้รองในส่วนที่ดึงหนูออกจากกาวได้แล้วไม่ให้กลับไปติดกาวอีก ใช้น้ำมันสนที่มีเช็ดให้กาวลื่นไม่ใช้ทินเนอร์เพราะกลัวจะกัดผิวหนูตายก่อน โดยเช็ดตั้งแต่หาง เช็ดเท้าทีละข้าง ค่อยๆดึงตัวเขาแยกจากกาว และใช้กระดาษเสียบรอง ทุกขั้นตอนคงสร้างความเจ็บปวดไม่ใช่น้อยแต่ก็ต้องกัดฟันทำให้ ผมไม่เชื่อตัวเองเลยว่าผมจะค่อยๆบรรจงเช็ดกาวออกจากเท้าหนูทีละข้างอย่างช้าๆเพื่อให้เขาเดินได้ ผมไล่แกะและเช็ดกาวจากตัวเขาเป็นชั่วโมงจนเหลือน้อยที่สุด เรียกว่าที่เท้าไม่มีกาวจนพอจะเดินได้สะดวกแล้ว จึงวางเจ้าหนูน้อยลงบนกระดาษ อนิจจา เจ้าหนูน้อยคงตกใจหรือดีใจจนสุดตัวที่มันหลุดจากถาดกาว มันดิ้นแรงจนหล่นจากโต๊ะช่วยเหลือ ผมคว้าไม่ทันเพราะมัวแต่ง่วนหาทางช่วยเหลือ เมื่อผมค่อยๆประคองหยิบเจ้าหนูน้อยที่ผมเพิ่งช่วยชีวิตขึ้นมา สังเกตว่ามันไม่หายใจอีกแล้ว อนิจจา อโหสิกรรมนะ เจ้าหนูน้อย
.