ผิดหวัง The Wolf of Wall Street

The Wolf of Wall Street (2013)



Genre: Biography, Comedy, Crime, Drama

Director: Martin Scorsese
Book: Jordan Belfort
Screenplay: Terence Winter

จะจัดเต็มว่าทำไมถึงไม่ชอบหนังเรื่องนี้ จึงต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้มีอคติอะไรกับสกอร์เซซี่นะ ฮ่าๆๆๆๆ Goodfellas นี่ก็ Top 10 ในใจผม, The Departed, Taxi Driver, Shutter Island, The Age of Innocence นี่ก็หนังที่ชอบทั้งนั้น จะมีที่เฉย ๆ ก็ Hugo, Mean Streets, Gangs of New York พวกนี้ครับ

ก่อนดูจริง ๆ ก็ทำใจไว้แล้ว เพราะเปิด IMDb ดูในส่วนของรีวิวแล้วคนให้ 1 คะแนนพร้อมด่าจัดเต็มเยอะมาก (เรื่อง 8.6 คะแนนโหวตไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจเลยครับ เพราะ 1. เดี๋ยวนี้หนังใหม่คะแนนเฟ้อมาก 2. คะแนนดูเป็นไกด์ไลน์มันอาจถูกรสนิยมคนส่วนมากเฉย ๆ ชอบมาดูรีวิวมากกว่า) ความตั้งใจเลยกะว่าถ้าหนังห่วยยังไงก็ยังได้ดูการแสดงของเฮียลีโอก็ยังดี

The Wolf of Wall Street สร้างจากชีวประวัติของจอร์แดน เบลฟอร์ธ (Leonardo DiCaprio) โบรกเกอร์ที่ร่ำรวยจากการหลอกขายหุ้นขยะ



ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามใส่ความเห็นตัวเองลงในรีวิวนี้ให้น้อยที่สุด แต่โดยส่วนตัวผมรู้สึกสนุกกับหนังแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงแรก และหลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมงได้แต่ภาวนาให้หนังจบไว ๆ

1. หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากซี๊ดยา ฉากหญิง นมหญิง โสเภณี แจกฟักแกง วีรกรรมห่าม ๆ ของกลุ่มตัวเอก คือ 3 ชั่วโมงมีไอ้พวกนี้แทรกมาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ คือดูตอนแรกก็ยังโอเค พอเยอะเกินมันก็น่าเบื่อ ถึงจะบอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงการใช้เงินจากการหลอกขายหุ้นขยะมาใช้ฟุ่มเฟือยไร้สาระมันก็เยอะเกินไปอยู่ดี

2. นี่เป็นหนังที่ไม่สนใจบุคคลที่ 3 นั่นก็คือผู้ที่ถูกหลอกขายหุ้นขยะ หนังไม่พาเราไปดูกลุ่มคนที่โดนหลอกขายหุ้นขยะแม้แต่นิดเดียว ตลอดทั้งเรื่องมีแต่นม ซี๊ดยา เมายา

3. ถ้าอยากดูวิธีการหลอกขายหุ้นขยะ อยากดูผลกระทบในตลาดหุ้น อยากดูอะไรหนัก ๆ เกี่ยวกับตลาดหุ้น ไปดู Margin Call ไปดู Wall Street ไปดูอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ The Wolf of Wall Street หนังมีฉากเบลฟอร์ธโน้มน้าวลูกค้าอยู่นิดเดียว เทคนิคการขายให้ความหวังนิดเดียว ยิ่งพวกเรื่องหุ้นหนังบอกเองเลยว่าไม่ต้องสนใจเพราะยังไงมันก็ผิดกฎหมาย จบ

4. นี่เป็นหนังอาชญากรรมที่มีพูดถึง FBI นิดนึง คือถูกใส่มาเหมือนไม่เต็มใจจะใส่ หนังยาว 3 ชั่วโมงแต่ไม่มีเวลาให้ฝ่ายสืบสวนแม้แต่นิดเดียว อันนี้ขอเปรียบเทียบกับ American Gangster ที่มีรัสเซล โครว์ยังทำออกมาได้น่าสนใจกว่าเยอะ

5. สกอร์เซซี่ปั้นเฮียลีโอสุด ๆ นี่คือหนังที่บทส่ง บทดัน บทปั้นลีโอให้ได้แสดงเยอะมาก ทั้งตลกจนอาจทำให้สตีฟ คาเรลล์ตกงาน, ทั้งฉากเมายาที่บ้ามาก ๆ จนอยากให้ไปแสดง Trainspotting, ฉากเคร่งเครียดคิ้วขมวดจนเป็นเอกลักษณ์ของแกก็ยังมี, ฉากอารมณ์ร้ายก็มีโชว์, ฉากปราศรัยบิ๊วอารมณ์แกก็มีเล่นน้ำเสียง คือไม่มีหนังเรื่องไหนจะดันนักแสดงนำให้ได้ลุ้นออสการ์ขนาดนี้แล้ว บทส่งสุด ๆ ซึ่งเฮียลีโอเป็นนักแสดงคุณภาพอยู่แล้ว เขาทำหน้าที่การแสดงได้ดี ดีมากด้วย เพียงแต่กระนั้นผมก็ยังไม่รู้สึกดูแล้ว "ว้าว" แบบที่เคยว้าวซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมนใน Capote, ดาเนียล ลูอิสใน There Will Be Blood หรือโคลิน เฟลิธใน The King's Speech ที่แบบดูจบแล้วต้องยกนิ้วว่าเป็นการแสดงระดับขึ้นหิ้ง



6. เป็นหนังชีวประวัติบางทีก็แอบอยากดู "ความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร" หรือเรียกหรู ๆ หน่อยก็คือ character development ซึ่งมันก็มีแหละแต่ไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น เข้ามาทำงานโบรกเกอร์เจอแมธธิวสอนงาน ตกงานไปสมัครหลอกขายหุ้น แล้วแยกตัวออกมา นำเสนอแนวม้วนเดียวจบ หลังจากนั้นก็นม ยา ลูกบ้า หญิง ฟักๆๆ

7. พูดถึงแง่หนังชีวประวัติ สำหรับผมมันน่าดูแค่ช่วงแรกจริง ๆ หลังจากสักประมาณชั่วโมงก็เริ่มเบื่อละ ไม่รู้จะดูอะไร ให้ดูว่าเอาเงินไปทำไรมั่ง ฟุ่มเฟือยขนาดไหน ดูลีโอเมายา ดูว่าเก็บเงินยังไง ทำไมถึงโดนจับ บลาๆๆๆ มันก็ไม่ได้น่าสนใจให้ติดตามขนาดนั้น

8. แล้วพวกตัวละครสมทบในเรื่องนี่คือเบาหวิวววววว แม้กระทั่งตัวละครดอนนี่ (Jonah Hill) มันยังไม่มีอะไรให้รู้สึกร่วม อันนี้ขอเทียบตรง ๆ กับ Goodfellas เลย ซึ่งจะเห็นว่าตัวละครรองที่แสดงโดยเด นีโรกับโจ เปสซี่ มันยังมีบุคลิก มีความน่าสนใจ แต่เหล่าตัวละครรองใน The Wolf of Wall Street มันไม่มีอะไรเลย

อันนี้ก็เป็นแค่ความเห็นของผมครับ ยังไงท่าน ๆ ก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองอยู่ดีครับ

ไม่ปลื้มครับ

6.5/10


ฝากเพจไว้ด้วยนะคร้าบ https://www.facebook.com/MyFavouriteFilms
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่