สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
- เดิมทีผมจบ ปวช.ช่าง ออกมาเป็นลูกจ้างกรมชลประทาน เขาให้ถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ กับขุดดิน ปะยางรถยนต์ มองไปข้างหน้าว้าเหว่ยิ่งนัก
- เลยกลับมาเรียนต่อ ปวส.อีก 2 ปี ระหว่างที่เรียนก็ขายเสื้อผ้าตามตลาดงานวัดบ้าง เป็นคนงานก่อสร้างบ้าง ไปทำงานเป็นลูกจ้างแบกท่อ เชื่อม ติดตั้งเครื่องจักรและซ่อมบำรุง ค่าแรงวันละ 80 บาท เอากล่องกระดาษมาปูนอน ตอนพักกลางวัน
- เร่ร่อนไปทำงานหลายๆ ที่ สะสมประสพการณ์มามากมาย โชคดีวันหนึ่งสอบติดงานบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง ทำไปทำมาเงินเดือนเริ่มมากขึ้น
- พออายุ 28 ปี เลยไปเรียนต่อ ป.ตรี ม.ราชภัฏ จบมาก็มีจังหวะดีดีมาให้เลือกอีก
- ทำงานอยู่หลายปี พออายุ 39 ไปเรียนต่อ ป.โท MBA
- 15 ปีหลังๆมานี้มีรายได้ต่อปี จากเงินเดือน 1.7 ล้านบาท/ปี และยังลงทุนส่วนตัวอื่นๆบ้างเล็กน้อย มีรายได้พอสมควร
- มาวันนี้ มีเงินเก็บมากมาย พออยู่ได้โดยไม่ต้องทำอะไร แบบกินดีอยู่ดี ประมาณ 30 ปี มีบ้านราคาระดับ 5 ล้าน มีรถยนต์ มีสมบัติ พอสมควร
- อยากเป็นกำลังใจให้กับ ทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ คุณไม่ต้องทำอะไรให้ยิ่งใหญ่มากนัก แค่ทำทุกวันของคุณให้ดี มีการพัฒนาตนเองไปเรื่อยอย่างไม่หยุดยั้ง และซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น เท่านั้นก็พอ
- เลยกลับมาเรียนต่อ ปวส.อีก 2 ปี ระหว่างที่เรียนก็ขายเสื้อผ้าตามตลาดงานวัดบ้าง เป็นคนงานก่อสร้างบ้าง ไปทำงานเป็นลูกจ้างแบกท่อ เชื่อม ติดตั้งเครื่องจักรและซ่อมบำรุง ค่าแรงวันละ 80 บาท เอากล่องกระดาษมาปูนอน ตอนพักกลางวัน
- เร่ร่อนไปทำงานหลายๆ ที่ สะสมประสพการณ์มามากมาย โชคดีวันหนึ่งสอบติดงานบริษัทชั้นนำแห่งหนึ่ง ทำไปทำมาเงินเดือนเริ่มมากขึ้น
- พออายุ 28 ปี เลยไปเรียนต่อ ป.ตรี ม.ราชภัฏ จบมาก็มีจังหวะดีดีมาให้เลือกอีก
- ทำงานอยู่หลายปี พออายุ 39 ไปเรียนต่อ ป.โท MBA
- 15 ปีหลังๆมานี้มีรายได้ต่อปี จากเงินเดือน 1.7 ล้านบาท/ปี และยังลงทุนส่วนตัวอื่นๆบ้างเล็กน้อย มีรายได้พอสมควร
- มาวันนี้ มีเงินเก็บมากมาย พออยู่ได้โดยไม่ต้องทำอะไร แบบกินดีอยู่ดี ประมาณ 30 ปี มีบ้านราคาระดับ 5 ล้าน มีรถยนต์ มีสมบัติ พอสมควร
- อยากเป็นกำลังใจให้กับ ทุกคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ คุณไม่ต้องทำอะไรให้ยิ่งใหญ่มากนัก แค่ทำทุกวันของคุณให้ดี มีการพัฒนาตนเองไปเรื่อยอย่างไม่หยุดยั้ง และซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น เท่านั้นก็พอ
ความคิดเห็นที่ 25
จังหวะชีวิต โอกาส และ ดวงชะตาชีวิต ของแต่ละคน ไม่เหมือนกันครับ
- บางคน ออกมาทำเองแล้วรุ่ง ร่ำรวย ก้อเยอะ
- บางคน ออกมาทำเอง แต่หมดเนื้อ หมดตัว แถมเป็นหนี้สิน ทั้งๆ ที่ วางแผน ศึกษา และ มีประสบการณ์พอตัว แต่ก้อล้มเหลว
เพราะดวงชะตา จังหวะ ชีวิต กำหนดให้เป็น..ก้อมีไม่น้อย
ตัวอย่าง เพื่อนสนิทผม..เคยทำงานด้วยกัน....
เป็น เซล บริษัท โลจิสติกส์ มีลูกค้าในมือ มากมาย เป็นเซลล์มือ 1 ของบริษัทหางานเข้ามาได้เยอะกว่าคนอื่น
ขอโบนัส 10 เดือน บริษัท ยังต้องให้ เพราะกลัวว่า จะลาออก และเอางาน เอาลูกค้าในมือ ไปให้ บริษัทอื่นทำ...
สุดท้าย สะสมทุน และประสบการณ์มากพอ ก้อลาออกมา เปิด บริษัทเอง ตอน อายุ 40
ผ่านไปแค่ 2 ปี กลายเป็น บุคคล ล้มละลาย เพราะ
- จังหวะ ที่ออกมาทำเอง ลูกค้า ที่เคยป้อนงานให้ ย้ายไปใช้เจ้าอื่น เพราะ มีคนเสนอราคาต่ำกว่า
- ลูกค้า ที่ยังใช้บริการอยู่ เริ่ม ไม่จ่าย ตามกำหนด บางเจ้า ขอผ่อนจ่าย 3 งวด
- แต่ ตัวเองต้อง ออกตังค์ ค่าใช้จ่ายต่างๆไปก่อน แล้วเรียกเก็บ กับลูกค้าทีหลัง
ออฟิศ ก้อยังต้องเช่าอยู่ รถวิ่งรับ ส่งสินค้า ก้อ ยังผ่อนอยู่ เงินเดือนลูกน้อง ก้อ ต้องจ่ายทุกเดือน
ค่าใช้จ่ายแฝงอีก ค่า ไฟ ค่า โทรศัพท์ ค่า ชั่วโมงเน็ท ค่าน้ำมันรถขนส่ง
ทำให้ เงินหมุนเวียนเริ่ม มีปัญหา ต้องไปกู้เงินมา ทำธุรกิจ
สุดท้าย ลูกค้า บางเจ้า เบี้ยว ไม่จ่ายเลย เลย ต้องฟ้องร้อง ขึ้นศาล เป็นว่าเล่น
สุดท้าย รายจ่าย มากกว่ารายรับ โดนเจ้าหนี้ ฟ้อง....
เงินทุนหมด และกลายเป็นหนี้นับสิบล้าน ภายในเวลา 2 ปี...
ดังนั้น การที่ ออกจากงานประจำมาทำเอง อย่าคิดว่าจะประสบผลสำเร็จเหมือนกันทุกคน
เหรียญมี 2 ด้านเสมอครับ....ทำใจเผื่อไว้ด้วยนะครับ ใครจะคิดเป็นเถ้าแก่เอง.....
- บางคน ออกมาทำเองแล้วรุ่ง ร่ำรวย ก้อเยอะ
- บางคน ออกมาทำเอง แต่หมดเนื้อ หมดตัว แถมเป็นหนี้สิน ทั้งๆ ที่ วางแผน ศึกษา และ มีประสบการณ์พอตัว แต่ก้อล้มเหลว
เพราะดวงชะตา จังหวะ ชีวิต กำหนดให้เป็น..ก้อมีไม่น้อย
ตัวอย่าง เพื่อนสนิทผม..เคยทำงานด้วยกัน....
เป็น เซล บริษัท โลจิสติกส์ มีลูกค้าในมือ มากมาย เป็นเซลล์มือ 1 ของบริษัทหางานเข้ามาได้เยอะกว่าคนอื่น
ขอโบนัส 10 เดือน บริษัท ยังต้องให้ เพราะกลัวว่า จะลาออก และเอางาน เอาลูกค้าในมือ ไปให้ บริษัทอื่นทำ...
สุดท้าย สะสมทุน และประสบการณ์มากพอ ก้อลาออกมา เปิด บริษัทเอง ตอน อายุ 40
ผ่านไปแค่ 2 ปี กลายเป็น บุคคล ล้มละลาย เพราะ
- จังหวะ ที่ออกมาทำเอง ลูกค้า ที่เคยป้อนงานให้ ย้ายไปใช้เจ้าอื่น เพราะ มีคนเสนอราคาต่ำกว่า
- ลูกค้า ที่ยังใช้บริการอยู่ เริ่ม ไม่จ่าย ตามกำหนด บางเจ้า ขอผ่อนจ่าย 3 งวด
- แต่ ตัวเองต้อง ออกตังค์ ค่าใช้จ่ายต่างๆไปก่อน แล้วเรียกเก็บ กับลูกค้าทีหลัง
ออฟิศ ก้อยังต้องเช่าอยู่ รถวิ่งรับ ส่งสินค้า ก้อ ยังผ่อนอยู่ เงินเดือนลูกน้อง ก้อ ต้องจ่ายทุกเดือน
ค่าใช้จ่ายแฝงอีก ค่า ไฟ ค่า โทรศัพท์ ค่า ชั่วโมงเน็ท ค่าน้ำมันรถขนส่ง
ทำให้ เงินหมุนเวียนเริ่ม มีปัญหา ต้องไปกู้เงินมา ทำธุรกิจ
สุดท้าย ลูกค้า บางเจ้า เบี้ยว ไม่จ่ายเลย เลย ต้องฟ้องร้อง ขึ้นศาล เป็นว่าเล่น
สุดท้าย รายจ่าย มากกว่ารายรับ โดนเจ้าหนี้ ฟ้อง....
เงินทุนหมด และกลายเป็นหนี้นับสิบล้าน ภายในเวลา 2 ปี...
ดังนั้น การที่ ออกจากงานประจำมาทำเอง อย่าคิดว่าจะประสบผลสำเร็จเหมือนกันทุกคน
เหรียญมี 2 ด้านเสมอครับ....ทำใจเผื่อไว้ด้วยนะครับ ใครจะคิดเป็นเถ้าแก่เอง.....
ความคิดเห็นที่ 2
เพื่อนผมครับ ไม่ถึงแสน แค่ 5-6 หมื่น แต่ตัวเงินเดือนจริงๆ แค่ 12000 บ. ที่เหลือเป็นค่าคอม
ขายสารเคมีให้ รง ได้ 2% ทุกเดือนเฉลี่ยได้ประมาณ 5-6 หมื่น
ตอนนี้ออกมาเปิด บ. เองแล้ว รวยไปแล้ว เดือนๆ ตอนนี้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสน
มีทั้ง คอนโด บ้าน รถ ที่ดิน
ไม่น่าเชื่อมากๆ จากเด็กเกือบโดนไทร์ มาเป็น พนง ขายไอติม มาเป็นแม่ค้าตลาดนัด มาเป็นเลขาเงินเดือน 6000 มาเป็น เซลล์เงินเดือน 12000 จนปัจจุบัน 10 ปีผ่านมา รายได้เดือนละ 2 แสนเป็นอย่างต่ำ
มันมาไกลมากๆครับ ที่มาได้ขนาดนี้ เพราะหลังชนฝา ที่บ้านไม่ได้รวย ไม่ทำก็อดตาย ทั้งๆที่มันเป็นคนสวยนะ รักสวยรักงามด้วย แต่เพราะคำว่าไม่ทำอดตาย นี้แหละ มันเลยต้องทำหมดอะไรได้เงิน
บวกกับคำว่าจน และมันไม่อยากจนแบบนี้ตลอด ทุกงานที่ทำ มันหาช่องทางเสมอ งานไหนดี มันโดดไปลองหมด
อย่างตอนมันขายเสื้อผ้าตลาดนัด กำไรอย่างไม่ได้ๆ วันละ 700 ขายห้าโมงเย็น - 4 ทุ่ม นะ ถ้าเป็นคนง่ายๆ คงพอใจแค่นั้น แต่มันไม่ใช่ มันว่างานสบายก็จริง แต่เหนื่อยและอย่างมากก็ได้ประมาณนี้ มันไม่อยากเป็นแม่ค้าตลาดนัดจนตาย
เจองานใหม่ มันโดดลองทันที
ลองดูครับ ของแบบนี้
ขายสารเคมีให้ รง ได้ 2% ทุกเดือนเฉลี่ยได้ประมาณ 5-6 หมื่น
ตอนนี้ออกมาเปิด บ. เองแล้ว รวยไปแล้ว เดือนๆ ตอนนี้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสน
มีทั้ง คอนโด บ้าน รถ ที่ดิน
ไม่น่าเชื่อมากๆ จากเด็กเกือบโดนไทร์ มาเป็น พนง ขายไอติม มาเป็นแม่ค้าตลาดนัด มาเป็นเลขาเงินเดือน 6000 มาเป็น เซลล์เงินเดือน 12000 จนปัจจุบัน 10 ปีผ่านมา รายได้เดือนละ 2 แสนเป็นอย่างต่ำ
มันมาไกลมากๆครับ ที่มาได้ขนาดนี้ เพราะหลังชนฝา ที่บ้านไม่ได้รวย ไม่ทำก็อดตาย ทั้งๆที่มันเป็นคนสวยนะ รักสวยรักงามด้วย แต่เพราะคำว่าไม่ทำอดตาย นี้แหละ มันเลยต้องทำหมดอะไรได้เงิน
บวกกับคำว่าจน และมันไม่อยากจนแบบนี้ตลอด ทุกงานที่ทำ มันหาช่องทางเสมอ งานไหนดี มันโดดไปลองหมด
อย่างตอนมันขายเสื้อผ้าตลาดนัด กำไรอย่างไม่ได้ๆ วันละ 700 ขายห้าโมงเย็น - 4 ทุ่ม นะ ถ้าเป็นคนง่ายๆ คงพอใจแค่นั้น แต่มันไม่ใช่ มันว่างานสบายก็จริง แต่เหนื่อยและอย่างมากก็ได้ประมาณนี้ มันไม่อยากเป็นแม่ค้าตลาดนัดจนตาย
เจองานใหม่ มันโดดลองทันที
ลองดูครับ ของแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
มีเยอะมั้ยครับที่คนเงินเดือนระดับแสนกลางๆ จะลาออกมาทำธุรกิจเอง
อยากลาออกจากงานที่ทำ ออกมาทำงานของตัวเอง
เพราะเริ่มไม่สนุกกับงานที่ปัจจุบันทำอยู่
ตอนนี้เริ่มมีการวางแผนและศึกษาการตลาดไว้บ้างแล้ว
แต่ยังไม่ได้วางบัดเจททั้งหมดว่าจะเป็นเท่าไหร่ รวมทั้งคนที่จะมาร่วมงานกับเราด้วย
ประเด็นคือ มาถึงตรงนี้แล้วอยากทราบว่า
เพื่อนๆ ที่ทำงานในหน้าทีการงานแบบนี้ จะเลือกอะไรกัน ระหว่างทนทำ เปลี่ยนงาน หรือลาออก
ใจนึงก็เสียดายเงินเดือนที่ได้รับปัจจุบัน
แต่ก็อยากลองที่จะเติบโตในงานที่เราเป็นเจ้าของเอง และถ้ารอไปอีก
ก็กลัวที่จะติดกับดักในงาน ไม่กล้าที่จะออกมาลุย
ก็ทราบว่าทางเลือกนี้ มันเหมือนเส้นบางๆระหว่างล้มเหลวกับสำเร็จ
แต่อยากได้แรงผลักดันจากคนที่กล้าครับ
มีใครกล้าแล้ว รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่ได้ตัดสินใจลาออกในวันนั้นบ้างครับ