เหตุการที่ประสบพบเจอสดๆร้อนๆ ในวันนี้ค่ะ
วันนี้ เลิกงานแล้วเราก็เดินไปลันล้า ที่ร้านหนังสือ ที่มีคนรู้จักเป็นพนักงานที่นั่น กะว่าจะไปซื้อหนังสือทำอาหารค่ะ ช่วงนี้บ้าทำพาสต้า และบ้าอ่านหนังสือการ์ตูนทำอาหาร
เมื่อไปถึงก็ทักทายน้องคนที่รู้จัก และให้เขาแนะนำหนังสือให้ ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ก็มีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งประมาณเด็กมหาลัย เดินเข้ามาขอกระดาษน้องพนักงาน โดยพูดว่า "เห็นป้ายเขียนว่าห้ามถ่ายรูป ขอปากกากับกระดาษหน่อยได้ไหมค่ะ" เราได้ยินแล้วอึ้งนิดๆค่ะ แต่ไม่ได้พูดอะไร
น้องพนักงานก็หยิบ ปากกา กับกระดาษชิ้นเล็กๆให้ไปค่ะ เราก็ถามว่า " จดก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ " เพราะมีป้าย No Copy ในร้านด้วย น้องพนักงานก็พูดว่า " อาจจะจดชื่อหนังสือ กระดาษใบเล็กแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
เราได้หนังสือที่คิดว่าจะซื้อแล้วก็ขอดูก่อน น้องพนักงานก็ไปแนะนำหนังสือให้ลูกค้าคนอื่นต่อ เราก็หันไปเห็นผู้หญิงคนที่มาขอกระดาษ นั่งลงไปกับพื้นร้านกำลังดูหนังสือแต่งบ้าน และกำลังจดข้อความ แล้วพลิกกระดาษอีกด้าน เสก็ตรูปค่ะ เราก็คิดในใจว่ามีแบบนี้ด้วย
สักพักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียง แชะ เสียงถ่ายรูปค่ะ เราก็หันไปมองคนนั้น น้องพนักงานก็เดินมาอย่างเร็ว "ขอโทษนะคะ ถ่ายรูปหนังสือไม่ได้ค่ะ" น้องพนักงานพูดแล้วก็เดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ค่ะ (น้องคนนี้ไม่ใช่คนที่เรารู้จัก พนักงานมี 2 คน) ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า "ค่ะ" และเก็บสัมภาระลุกออกจากร้านอย่างรวดเร็ว โดยเดินเลี่ยงไม่ผ่านหน้าเคาท์เตอร์ หนังสือก็วางไว้ที่เดิม ในสภาพกางหน้าที่โดนถ่ายรูป และที่สำคัญ ผู้หญิงคนนั้นลืมเพื่อนผู้ชายที่มาด้วยกันค่ะ ผู้ชายยืนมองแบบงงๆ มองซ้านทีขวาที แล้วก็เดินมาเก็บปากกาที่ผู้หญิงคนนั้นใช้จดและจะเดินตามผู้หญิงคนนั้นออกไป น้องพนักงานก็เดินมาบอกว่า "ขอโทษค่ะปากกาของทางร้านค่ะ" ผู้ชายก็บอกว่า "อ๋อ ครับ" แล้วคืนปากกาให้พนักงาน แล้วก็เดินไปทางที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไป
เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบเร็วมาก จะว่าตลกก็ตลก ผู้หญิงคนนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าห้ามถ่ายรูปหนังสือ แต่ก็ยังทำ ถ้าไม่โดนจับได้ก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือการละอายต่อการทำความผิดค่ะ ถ้าไม่มีก็คงเป็นคนที่ดีไม่ได้แน่นอน
เหตุการณ์แบบนี้ในร้านหนังสือ เกิดบ่อยแทบจะทุกวันค่ะ นอกจากร้านหนังสือจะมีกล้องวงจรปิดแล้ว สัญชาตญาณของพนักงานนี่เป็นเลิศค่ะ ถ้าได้ยินเสียงชัตเตอร์ พนักงานจะเริ่มมองหาต้นต่อของเสียงทันทีค่ะ ซึ่งอันนี้เราเห็นหลายครั้ง ปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงชัตเตอร์ ของพนักงานทุกคน ยิ่งร้านที่มีพนักงานมากๆ จะเห็นชัดมากค่ะ ทั้งชะเง้อมองหาต้นเสียง สะกิดเพื่อนรวมงานเพื่อล็อคเป้าหมาย จนไปถึงการเฝ้ากับตามองระยะประชิด เมื่อเห็นการกระทำซึ่งหน้า แล้วจะเข้าไปตักเตือนอย่างสุภาพ เรารู้สึกว่าเท่มากๆเลย
ซึ่งลูกค้าบางคนที่ดีๆก็อาจจะข้อโทษ และลบรูปทิ้ง บางคนก็แค่ขอโทษ แล้วออกจากร้าน บางคนก็ยืนอ่านต่อแต่หยุดถ่ายรูป
แต่ลูกค้าบางคนก็ตอบโต้ด้วยคำพูดกลับมา ที่เราเคยอยู่ในเหตุการณ์คือ "ผมซื้อหนังสือร้านคุณเดือนหนึ่งเป็นพันนะ ทำไมคุณพูดกับผมแบบนี้ ผมเป็นลูกค้าประจำนะ" พนักงานก็จะพูดขอโทษและบอกว่าปฏิบัติตามหน้าที่
(เดือนหนึ่งเป็นพัน ร้านนี้หนังสือเล่มเดียวก็เกินพันแล้วนะ เราซื้อเดือนหนึ่งตังหลายพันแหนะ)
และเคยเจอคนที่จดสูตรอาหารจากหนังสือ ถ่ายรูปสูตรอาหาร แล้วพนักงานเข้าไปเตือน เราว่ามันน่าเกลียดมาก ที่เขาทำแบบนี้ การคิดสูตรอาหารต้องลองผิดลองถูกมีการทดลองเป็นขั้นเป็นตอน วัด ตวง ต้องลงทุน กว่าจะออกมาเป็นสูตร ออกมาเป็นหนังสือ เขาทำออกมาจำหน่ายถ้าอยากได้ฟรีๆ ในอินเตอร์เน็ตดีไหมค่ะ
และก็เจอคุณป้าคนหนึ่ง บอกกับพนักงานว่า "ฉันไม่ได้คัดลอกหนังสือคุณนะ ฉันอ่านเสร็จแล้ว ทำความเข้าใจและมาเขียนของฉันเอง" พนักงานอึ้งค่ะ เดินหนีไปเลย
เราก็แบบว่า อ้าว คนแบบนี้ก็มีด้วย...แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้เลยเชียวหรือ แถมหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอีกต่างหาก
และก็มีพวก จะถ่ายจะทำไม...
ทำแบบนี้น่าจะไปทำในห้องสมุดนะคะ ยืมไปถ่ายเอกสาร เขาก็คงไม่ว่าอะไร
พี่ที่ทำงานบอกว่า ที่เมืองนอก ถ้าจะขอดูเนื้อหาหนังสือต้องจ่ายเงินด้วย อันนี้ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงนะคะ ฟังเขามา
แต่อีกหน่อยร้านหนังสือแพงๆ อาจจะซีนพลาสติก ปิดหมดดูเนื้อหาไม่ได้ ต้องจ่ายเงินเพื่อดูข้างในก็เป็นได้
และจะให้ร้านทำหนังสือตัวอย่างเอาไว้ให้ดูก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะหนังสือทุกเล่มมีมูลค่า คิดในมุมของร้าน หนังสือ 10เรื่อง มีตัวอย่าง10เล่ม ร้านคงแย่
สุดท้ายอยากถามคนที่รู้กฎหมายค่ะว่า การถ่ายรูป คัดลอก หนังสือ มีความผิดตามกฎหมายไหมคะ อย่างไรคะ แล้วเอาผิดได้ยังไง ใครต้องเป็นเจ้าทุกข์ เพราะบางร้านเขาไม่ทำอะไนกับกรณีนี้ เพราะบอกว่าทำอะไรไม่ได้ อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า
และคุณๆที่เป็นลูกค้าร้านหนังสือ หรือที่เคยพบเห็นกรณีแบบนี้ คิดยังไงกันค่ะ
ส่วนเราบอกตรงๆว่า สงสารนักเขียน และผู้ผลิตหนังสือค่ะ กว่าจะออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม ค่าไอเดียไม่ใช่ว่าถูกๆ แล้วยังมาโดนลอกฟรีๆอีก
ไหนๆเขาก็ให้ยืนอ่านฟรีๆ แล้วจำใส่สมองไปซิค่ะ จะได้ไม่มีใครว่าได้
แต่ห้ามผลิตออกมาเป็นสินค้านะคะ เพราะสินค้าลอกเลียนแบบผิดกฎหมายแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่อ่านค่ะ
สวัสดี
แบบนี้ก็มีด้วย ในร้านหนังสือ...
วันนี้ เลิกงานแล้วเราก็เดินไปลันล้า ที่ร้านหนังสือ ที่มีคนรู้จักเป็นพนักงานที่นั่น กะว่าจะไปซื้อหนังสือทำอาหารค่ะ ช่วงนี้บ้าทำพาสต้า และบ้าอ่านหนังสือการ์ตูนทำอาหาร
เมื่อไปถึงก็ทักทายน้องคนที่รู้จัก และให้เขาแนะนำหนังสือให้ ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ก็มีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งประมาณเด็กมหาลัย เดินเข้ามาขอกระดาษน้องพนักงาน โดยพูดว่า "เห็นป้ายเขียนว่าห้ามถ่ายรูป ขอปากกากับกระดาษหน่อยได้ไหมค่ะ" เราได้ยินแล้วอึ้งนิดๆค่ะ แต่ไม่ได้พูดอะไร
น้องพนักงานก็หยิบ ปากกา กับกระดาษชิ้นเล็กๆให้ไปค่ะ เราก็ถามว่า " จดก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ " เพราะมีป้าย No Copy ในร้านด้วย น้องพนักงานก็พูดว่า " อาจจะจดชื่อหนังสือ กระดาษใบเล็กแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
เราได้หนังสือที่คิดว่าจะซื้อแล้วก็ขอดูก่อน น้องพนักงานก็ไปแนะนำหนังสือให้ลูกค้าคนอื่นต่อ เราก็หันไปเห็นผู้หญิงคนที่มาขอกระดาษ นั่งลงไปกับพื้นร้านกำลังดูหนังสือแต่งบ้าน และกำลังจดข้อความ แล้วพลิกกระดาษอีกด้าน เสก็ตรูปค่ะ เราก็คิดในใจว่ามีแบบนี้ด้วย
สักพักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียง แชะ เสียงถ่ายรูปค่ะ เราก็หันไปมองคนนั้น น้องพนักงานก็เดินมาอย่างเร็ว "ขอโทษนะคะ ถ่ายรูปหนังสือไม่ได้ค่ะ" น้องพนักงานพูดแล้วก็เดินกลับไปที่เคาท์เตอร์ค่ะ (น้องคนนี้ไม่ใช่คนที่เรารู้จัก พนักงานมี 2 คน) ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า "ค่ะ" และเก็บสัมภาระลุกออกจากร้านอย่างรวดเร็ว โดยเดินเลี่ยงไม่ผ่านหน้าเคาท์เตอร์ หนังสือก็วางไว้ที่เดิม ในสภาพกางหน้าที่โดนถ่ายรูป และที่สำคัญ ผู้หญิงคนนั้นลืมเพื่อนผู้ชายที่มาด้วยกันค่ะ ผู้ชายยืนมองแบบงงๆ มองซ้านทีขวาที แล้วก็เดินมาเก็บปากกาที่ผู้หญิงคนนั้นใช้จดและจะเดินตามผู้หญิงคนนั้นออกไป น้องพนักงานก็เดินมาบอกว่า "ขอโทษค่ะปากกาของทางร้านค่ะ" ผู้ชายก็บอกว่า "อ๋อ ครับ" แล้วคืนปากกาให้พนักงาน แล้วก็เดินไปทางที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกไป
เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบเร็วมาก จะว่าตลกก็ตลก ผู้หญิงคนนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าห้ามถ่ายรูปหนังสือ แต่ก็ยังทำ ถ้าไม่โดนจับได้ก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญคือการละอายต่อการทำความผิดค่ะ ถ้าไม่มีก็คงเป็นคนที่ดีไม่ได้แน่นอน
เหตุการณ์แบบนี้ในร้านหนังสือ เกิดบ่อยแทบจะทุกวันค่ะ นอกจากร้านหนังสือจะมีกล้องวงจรปิดแล้ว สัญชาตญาณของพนักงานนี่เป็นเลิศค่ะ ถ้าได้ยินเสียงชัตเตอร์ พนักงานจะเริ่มมองหาต้นต่อของเสียงทันทีค่ะ ซึ่งอันนี้เราเห็นหลายครั้ง ปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงชัตเตอร์ ของพนักงานทุกคน ยิ่งร้านที่มีพนักงานมากๆ จะเห็นชัดมากค่ะ ทั้งชะเง้อมองหาต้นเสียง สะกิดเพื่อนรวมงานเพื่อล็อคเป้าหมาย จนไปถึงการเฝ้ากับตามองระยะประชิด เมื่อเห็นการกระทำซึ่งหน้า แล้วจะเข้าไปตักเตือนอย่างสุภาพ เรารู้สึกว่าเท่มากๆเลย
ซึ่งลูกค้าบางคนที่ดีๆก็อาจจะข้อโทษ และลบรูปทิ้ง บางคนก็แค่ขอโทษ แล้วออกจากร้าน บางคนก็ยืนอ่านต่อแต่หยุดถ่ายรูป
แต่ลูกค้าบางคนก็ตอบโต้ด้วยคำพูดกลับมา ที่เราเคยอยู่ในเหตุการณ์คือ "ผมซื้อหนังสือร้านคุณเดือนหนึ่งเป็นพันนะ ทำไมคุณพูดกับผมแบบนี้ ผมเป็นลูกค้าประจำนะ" พนักงานก็จะพูดขอโทษและบอกว่าปฏิบัติตามหน้าที่
(เดือนหนึ่งเป็นพัน ร้านนี้หนังสือเล่มเดียวก็เกินพันแล้วนะ เราซื้อเดือนหนึ่งตังหลายพันแหนะ)
และเคยเจอคนที่จดสูตรอาหารจากหนังสือ ถ่ายรูปสูตรอาหาร แล้วพนักงานเข้าไปเตือน เราว่ามันน่าเกลียดมาก ที่เขาทำแบบนี้ การคิดสูตรอาหารต้องลองผิดลองถูกมีการทดลองเป็นขั้นเป็นตอน วัด ตวง ต้องลงทุน กว่าจะออกมาเป็นสูตร ออกมาเป็นหนังสือ เขาทำออกมาจำหน่ายถ้าอยากได้ฟรีๆ ในอินเตอร์เน็ตดีไหมค่ะ
และก็เจอคุณป้าคนหนึ่ง บอกกับพนักงานว่า "ฉันไม่ได้คัดลอกหนังสือคุณนะ ฉันอ่านเสร็จแล้ว ทำความเข้าใจและมาเขียนของฉันเอง" พนักงานอึ้งค่ะ เดินหนีไปเลย
เราก็แบบว่า อ้าว คนแบบนี้ก็มีด้วย...แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้เลยเชียวหรือ แถมหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอีกต่างหาก
และก็มีพวก จะถ่ายจะทำไม...
ทำแบบนี้น่าจะไปทำในห้องสมุดนะคะ ยืมไปถ่ายเอกสาร เขาก็คงไม่ว่าอะไร
พี่ที่ทำงานบอกว่า ที่เมืองนอก ถ้าจะขอดูเนื้อหาหนังสือต้องจ่ายเงินด้วย อันนี้ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงนะคะ ฟังเขามา
แต่อีกหน่อยร้านหนังสือแพงๆ อาจจะซีนพลาสติก ปิดหมดดูเนื้อหาไม่ได้ ต้องจ่ายเงินเพื่อดูข้างในก็เป็นได้
และจะให้ร้านทำหนังสือตัวอย่างเอาไว้ให้ดูก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะหนังสือทุกเล่มมีมูลค่า คิดในมุมของร้าน หนังสือ 10เรื่อง มีตัวอย่าง10เล่ม ร้านคงแย่
สุดท้ายอยากถามคนที่รู้กฎหมายค่ะว่า การถ่ายรูป คัดลอก หนังสือ มีความผิดตามกฎหมายไหมคะ อย่างไรคะ แล้วเอาผิดได้ยังไง ใครต้องเป็นเจ้าทุกข์ เพราะบางร้านเขาไม่ทำอะไนกับกรณีนี้ เพราะบอกว่าทำอะไรไม่ได้ อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า
และคุณๆที่เป็นลูกค้าร้านหนังสือ หรือที่เคยพบเห็นกรณีแบบนี้ คิดยังไงกันค่ะ
ส่วนเราบอกตรงๆว่า สงสารนักเขียน และผู้ผลิตหนังสือค่ะ กว่าจะออกมาเป็นหนังสือสักเล่ม ค่าไอเดียไม่ใช่ว่าถูกๆ แล้วยังมาโดนลอกฟรีๆอีก
ไหนๆเขาก็ให้ยืนอ่านฟรีๆ แล้วจำใส่สมองไปซิค่ะ จะได้ไม่มีใครว่าได้
แต่ห้ามผลิตออกมาเป็นสินค้านะคะ เพราะสินค้าลอกเลียนแบบผิดกฎหมายแน่นอนค่ะ
ขอบคุณที่อ่านค่ะ
สวัสดี