บ้านผมอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในนนทบุรี ซึ่งก็อยู่ชานๆเมืองครับ ผมเองเป็นลูกบ้าน (แต่ตอนนี้เป็นเจ้าบ้านแล้ว) เดิมที แม่ผมเป็นผู้ซื้อบ้านครับ ในปัจจุบันก็ยังผ่อนอยู่ ซื้อบ้านมาได้ 7 ปีแล้วครับ บ้านราคาเดิมอยู่ที่ 5 ล้าน ต่อเติมตกแต่งอีก รวมแล้วประมาณ 6 ล้านได้ครับ ผ่อนต่อเดือนก็หลายหมื่น แต่เริ่มเดิมที หมู่บ้านได้เก็บค่าบำรุงล่วงหน้า 3 ปีครับ อยู่ที่ประมาณ 25บาท/ตรว/เดือน ซึ่งบ้านผมมีเนื้อที่ประมาณ 72 ตรว ก็จะเป็นเงินที่ต้องจ่ายต่อเดือนประมาณ 1800 บาท/เดือน ซึ่งถือว่าไม่แพงนัก (โดยส่วนตัว หมู่บ้านที่ผมเคยอยู่ถูกกว่านี้ แต่ก็คิดเอาเองว่า มาตราฐานบริการอาจจะมีมากกว่าหมู่บ้านที่เคยอยู่) พอหมดสัญญา 3 ปี ทางเจ้าของโครงการก็ได้ส่งมอบให้ ทางนิติที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยได้รับมอบฉันทะจากลูกบ้านทั้งหมด (รวมถึงบ้านผมด้วย) โดยในขณะนั้น ทางนิติมิได้กำหนดราคาค่าส่วนกลางต่อเดือนมาก่อน และจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลา 5 เดือนแล้วจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้น โดย ที่ทางผมเองมิได้เข้าประชุม แต่มีการส่งหนังสือเข้ามาบอก ว่าจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นแล้ว โดยอาศัยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกหมู่บ้าน (สมาชิกเข้าร่วมประชุมเกินกึ่งหนึ่ง แต่ไม่ถึง 75 เปอเซนต์) ทางผมก็รอรับข่าวอยู่เรื่ิอยๆ แล้วปรากฏว่าวันนึง ก็ได้มีจดหมายเรียกเก็บค่าส่วนกลาง โดยอยู่ที่ 60บาท/ตรว/เดือน!!!!!!! หรือก็คือ 4320 บาท/เดือน!!!!!!!!!! ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก เพราะว่า ค่าส่วนกลางได้ขึ้นมา 2-3 เท่า จากแต่เดิม ซึ่งทางผมก็เคยเรียนถามจากทางกรรมการผ่าน รปภ หมู่บ้านแล้วว่า ทำไม ค่าส่วนกลางถึงได้แพงขึ้นอย่างน่าใจหาย ก็ได้คำตอบว่า เก็บ เพราะค่านู้น ค่านี้ ซึ่ง ผมเองก็งงว่า แต่เดิมเจ้าของโครงการก็มิได้เก็บแพงขนาดนี้ ทั้งที่ สิ่งก่อสร้างส่วนกลางก็เท่าเดิม การดูแลก็เท่าเดิม ทำไม ถึงแพงขึ้น งง เลยปรึกษากันว่า จะลองไปคุยกับทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคดูว่าจะได้คำตอบใดๆ บ้าง

ขอเล่าแบบสั้นๆ นะครับ >>> ทางสำนักฯ ก็ให้เราไปตกลงกันเองที่ คณะกรรมการ ของกรมที่ดิน จากนั้นคณะกรรมการฯกรมที่ดิน ก็บอกให้เราไปตกลงกันเองอีก (ในส่วนนี้ ผมเองไม่ได้เข้าประชุม คุณแม่เป็นผู้เข้าประชุม) กำๆๆๆ แล้วจะตกลงกันอย่างไร!!!? ปรากฏเรื่องก็จบลงที่ หาข้อสรุปมิได้ ทางผมเองก็เลยไม่ได่ดำเนินการอะไรต่อ ทางคุณแม่ก็คิดว่า แพงไป ถ้ามีคนเห็นด้วยกับเราเด๋วเค้าก็ต้องออกมาฟ้องเหมือนเราเนี่ยแหละ แค่รอเวลา ปรากฏว่า มีการริดรอนการใช้สาธารณะประโยชน์หลายอย่าง อาทิเช่น
- การออกประตูโดยรถต้องเดินลงไปกดจากในป้อมยามด้วยตนเอง [ปกติจะใช้คีย์การ์ดในการผ่านเข้าออก มีการออกนโยบายว่าเพื่อความปลอดภัยต้องทำคีย์การ์ดใหม่เพราะมีการทำหายกันบ่อย โดยทางนิติบอกว่าไม่สามารถทำให้เราได้เพราะเราไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ซึ่งทางเราเคยแย้งแล้วว่าเราจ่ายคีย์การ์ดให้ก็ได้ แต่ทางเค้าก็ไม่ยอม]
- การงดใช้สระว่ายน้ำ [ปกติผมไม่ใช้]
- การงดใช้ฟิตเนส [ปกติไม่ใช้ เพราะเปิด 8:00-17:00 เปิดปิดเวลาทำงาน ใครจะได้ใช้ฟระ!!!]
- การเก็บขยะน้อยลงกว่าเดิม [เค้าบอกว่ามีการจ่ายใต้โต๊ะให้ เทศบาลเพื่อที่จะเก็บขยะบ่อยๆ เค้าบอกว่าจะงดจ่ายในส่วนนี้ให้บ้านเรา]
- การงดการรับของแทน [ปกติพัสดุที่ส่งในหมู่บ้านแบบลงทะเบียน จะมีการรับแทนโดยรปภของหมู่บ้าน]
- การงดจอดรถหน้าบ้าน [ไม่เคยล้นครับ]
- การงดส่งของ [ไม่ให้ส่งของเข้าบ้าน อาทิเช่น พิซซ่า เคเอฟซี ถังแก๊ส ซึ่งทางนิติบอกว่า เพื่อความปลอดภัย### ไม่อยากไม่สุภาพเลย ผมเกลียดอันนี้ที่สุด และเห็นว่าเกินไปด้วย นิติให้ทางสมาชิกที่ำไม่จ่ายต้องออกมารับเอง และหากว่า เพื่อนมาหาก็ต้องออกมารับเช่นกัน]

โดยมีการกลั่นแกล้ง (ในความคิดเห็นส่วนตัว) เมื่อก่อนการส่งใบเรียกเก็บค่าส่วนกลางผ่านการหย่อนในตู้จดหมายของบ้านแต่ละหลัง แต่พอมีนโยบาย งดการรับของแทนจากไปรษณีย์ไทย ปรากฏว่าเดือนที่มีการงดรับของแทน ก็มีการเปลี่ยนนโยบายในส่วนของการส่งค่าส่วนกลางด้วยโดยส่งเป็นจดหมายลงทะเบียน(หมายความว่า หากไม่มีลายเซน ไปรษณีย์จะไม่จ่ายของ ให้ไปรับทีหลังได้ที่สำนักงานประจำเขต) ซึ่งผมก็ได้ร้องเรียนถึงกับแจ้งกับทาง ที่ประชุมใหญ่(ปกติผมไม่เข้าประชุม) ว่าอันนี้มันกลั่นแกล้งกันเกินไป โดยให้เราไปรับทุกเดือนแค่ใบแจ้งหนี้ ทำไมไม่ส่งเหมือนการไฟฟ้าล่ะ ไม่ต้องมีคนอยู่ก็ส่งได้

จนในปัจจุบัน มีการฟ้องร้องจากหมู่บ้านว่าเราค้างค่าส่วนกลางเป็นจำนวน 18 เดือน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 77,760 บาท !!!! OMG เซ็งระเบิด แต่ทางผมเองก็ได้เตรียมหลักฐานไว้สู้คดีแล้ว อาทิเช่นสลิปต่างๆ การริดรอนสิทธิ์ต่างๆที่มีเอกสาร ซึ่งในระหว่างนี้ก็รอศาลเรียก ปรากฏว่ามีนโยบายแปลกๆ มาอีกแล้วครับท่าน!!!
- เนื่องจากมีการทดลองประหยัดไฟ จากการเปิดปิดที่กั้นจราจร โดยถ้าเป็นสมาชิกปกติ จะมีรปภ ยืนยกให้ (ที่กั้นของหมู่บ้านผม เป็นแบบไฟฟ้า แต่ตัวคานโยก มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ ไม่เหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆ ที่ใช้ระบบน้ำหนักถ่วง) โดยสมาชิกที่ค้างชำระ จะต้องยกขึ้นลงเอง เริ่มตั้งแต่ อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมเองไม่มีปัญหาในการยกหรอกครับ อายุยังน้อย แต่แม่ผมและน้า อายุก็จะ 60 แล้ว เค้าต้องมาจากต่างจังหวัด มาพักกทม เป็นประจำ เสา-อาทิตย์ ซึ่งผมเห็นว่า แค่ขึ้นลงเพื่อเปิดปิดสวิตส์ก็ลำบากแล้ว นี่ยังต้องยกคันโยกขึ้นลงอีก!! ผมจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเพื่อหาข้อเจรจาและบันทึกไว้เ้ป็นหลักฐาน ทางรปภหมู่บ้านพอเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจึงได้เรียกกรรมการและ ผู้จัดการหมู่บ้านมา เพื่อชี้แจง หลังจากถกเถียงและเรียนถามสถาณการณ์จากฝ่ายต่างๆ ซึ่งผมเองก็ยืนยันว่า ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีนโยบายนี้ (ไม่มีการส่งเป็นลายลักษ์อักษร) ผมเองจึงเรียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่า "แม่ผมก็อายุมากแล้ว ยังต้องมานั่งยกที่กั้นจราจรอีก ลำบากมาก ซึ่งปกติไม่มีการกลั่นแกล้งนี้เกิดขึ้น ซึ่งทางผมเองก็มองว่าเป็นการบีบให้เรายอมในชั้นศาลแบบอ้อมๆ ในขณะนี้ก็อยู่ในช่วงฟ้องร้องกัน ทำไมถึงมีเหตุการณ์เช่นนี้ " ทางนิติและกรรมการก็ได้ชี้แจงว่าเป็นนโยบายทดลองประหยัดไฟ ซึ่งขอทดลอง 1 เดือน โดยทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า อยากให้สรุปกันเพราะทางนี้ก็มองว่ากลั่นแกล้ง ทางผมจึงได้เรียนขอว่างั้นช่วยเปิดให้แม่ผมกับน้าซึ่งอายุมากแล้ว ทางกรรมการก็ได้ตกลงยอมเปิดให้ 1 เดือน ซึ่งผมเองก็ถือว่า เคลียร์ จบครับ แต่มันไม่จบแค่นั้น

พออาทิตย์นี้ เวลา 24:04 เที่ยงคืนของวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2557 คุณแม่ผมได้ขับรถกลับมาบ้าน ปรากฏว่าทางรปภได้บอกว่า ทางนิติบังคับให้เปิดให้เพียงคันเดียว !!!! ผมจึงได้แจ้งกับทางสน พื้นที่ไว้แล้ว แต่ผมเองก็คิดว่า เหตุนี้คงเกินไปหน่อยแล้ว อยากให้เรายอมในชั้นศาลขนาดนี้เชียวหรือ

วันนี้ผมอยากถามผู้รู้ นักวิชาการ ผู้มีประสบการณ์ ทุกท่านว่า หากลดหย่อนได้ ควรจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนไหนดัครับ สำหรับของใช้ส่วนกลาง ผมอยากลิสให้ดูว่ารายละเอียดของหมู่บ้านผมมีอะไรบ้างดังนี้ครับ
- หมู่บ้านขนาดกลาง มีสมาชิกประมาณ 110 หลัง มี สวนขนาดใหญ่ตรงกลาง และมีอาคารส่วนกลาง(ฟิตเนสและสระว่ายน้ำ)
1. ฟิตเนสพร้อมสระว่ายน้ำ
2. รปภ 12 คนต่อกะ (ใช้บริษัทเอกชนชื่อ G4S)
3. คนงานตัดแต่งต้นไม้และกวาดขยะ 5 คน
4. คนบริหารส่วนกลาง 2 คน เงินเดือนประมาณ 20,000 บาท/คน
5. ค่าไฟส่วนกลาง 40,000 บาท/เดือน
6. ค่าบริหารส่วนกลางโดยบริษัทเอกชน 30,000 บาท/เดือน
7. ค่าน้ำค่าใช้จ่ายต่างๆ จิปาถะ

ได้โปรดช่วยด้วยครับ ผมไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรแล้ว ปกติผมอยู่คนเดียวครับ รถก็ไม่มีครับ