[CR] เที่ยวเหนือ 9 วันแห่งความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (กำแพงเพชร-ตาก-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่) Part 3

สวัสดีครับเพื่อนเพื่อน  กลับมารีวิวต่อสำหรับทริปท่องเที่ยวฉลองปีใหม่ของผม หลังจากรีวิวไปแล้ว 2 ภาค  (http://ppantip.com/topic/31545621 และ http://ppantip.com/topic/31550088)  สำหรับวันนี้จะพาไปชมทะเลหมอกที่ "ม่อนพูนสุดา"และ"ม่อนครูบาใส" ณ.อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก  แล้วเดินทางต่อไปยัง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่  ไปติดตามชมกันได้เลยครับอมยิ้ม17


วันที่ 3 (วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2556)  อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก - มนต์เมืองแจ่ม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่  เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ของการเดินทางด้วยการขึ้นไปชมทะเลหมอก ณ.จุดชมวิว "ม่อนพูนสุดา"และ"ม่อนครูบาใส"  แต่ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะไม่ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่"ม่อนกิ่วลม" เนื่องจากครั้งที่แล้วที่มาเยือนเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วสัมผัสได้เลยว่าถนนหนทางมันเริ่มขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ  ผ่านมา 2 ปีก็คาดว่าน่าจะ"เละ"ไปมากกว่าเดิม  และอีกเหตุผลก็คือไม่อยากจะตื่นเช้ามากอยากนอนให้ได้มากหน่อย  ตื่นสักประมาณ 6 โมงเช้าค่อยขับรถขึ้นไปชมทะเลหมอกที่จุดชมวิวทั้ง 2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ มากนัก  

หลังจากได้เวลา ลุกออกจากเต็นท์ล้างหน้าล้างตาแล้วขับรถขึ้นไปชมทะเลหมอกกันที่ "ม่อนพูนสุดา"เป็นจุดแรก  "ม่อนพูนสุดา"อยู่ไม่ไกลจาก"ม่อนครูบาใส"มากนัก  ตอนที่ขับรถไปถึงมีน้องน้องจาก"แม่สอด"ขึ้นมากางเต็นท์นอนกันที่"ม่อนพูนสุดา"หลายสิบคัน ครึกครื้นกันดีมากเลย  


ที่"ม่อนพูนสุดา"นี้ นอกจากจุดชมวิวบริเวณที่จอดรถแล้วยังสามารถเดินลงไปผ่านดงไม้อีกประมาณ 200 เมตรก็จะเจออีกหนึ่งจุดชมวิวของ"ม่อนพูนสุดา" ซึ่งเห็นทะเลหมอกได้ชัดเจนและสวยงามกว่า






หน้าตายังไม่เรียบร้อย แต่ก็สู้สู้


ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้  หาไม่ได้ง่ายง่ายในเมืองกรุงฯ


เหมือน"ดินแดนในฝัน"เลยดูเลือนลางแต่สวยงาม









อยู่ที่จุดชมวิว"ม่อนพูนสุดา"ได้ประมาณเกือบชั่วโมง  แล้วก็ย้ายกายไปเยือน"ม่อนครูบาใส"กันบ้าง  ทั้ง 2 ม่อนอยู่ที่ทิศทางเดียวกัน  วิวที่ได้เห็นก็เลยไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก  แต่สรุปว่าสวยงามด้วยกันทั้งคู่




สวยสวย


ยิ่งสายยิ่งสวย  




ขอสักรูปกับป้าย"ม่อนครูบาใส"


พระอาทิตย์เริ่มขึ้นพ้นเหลี่ยมเขาแล้ว  ได้เวลากลับไปที่พักกันสักทีหลังจากใช้เวลาชื่นชมความงามของทะเลหมอกเกือบ 2 ชั่วโมง


ขับรถกลับมาถึงยังที่ทำงานอุทยานฯ  แวะเก็บบรรยากาศโดยรอบก่อนเพราะเมื่อคืนมาถึงที่นี่ค่อนข้างเย็นก็เลยไม่ได้มีโอกาสสำรวจพื้นที่  ครั้งที่แล้วมาที่นี่มากางเต็นท์บริเวณริมธารน้ำตก  เงียบและสวยงาม  


ข้ามถนนมาอีกฝั่ง จะเห็นเต็นท์ที่อยู่ข้างเต็นท์ของอุทยานฯ นั่นแหละครับที่พักของพวกเราเมื่อคืนนี้ ได้ทำเลดีและนอนฟังเสียงน้ำตกกันทั้งคืน


รูปคู่สักรูปแต่เป็นรูปคู่แบบห่างห่าง...555


กับมื้อเช้าที่ซื้อมาจากเมื่อวาน


หลังจากที่กินข้างเช้ากันเสร็จ ก็เตรียมตัวอาบน้ำแล้วมาเก็บเต็นท์เตรียมตัวเดินทางกันต่อ  จุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้คือ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่  เมื่อทุกอย่างพร้อมพวกเราก็ออกเดินทางออกจาก"อุทยานแห่งชาติแม่เมย" มุ่งหน้าสู่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยยังคงใช้เส้นทางถนนสาย 105 เหมือนเดิมแต่สิ่งที่ดูแตกต่างจากเดิมคือ  ถนนสายนี้เริ่มแย่ลงทุกวันหลังจากที่เคยใช้เส้นทางนี้เมื่อหลายปีก่อนถนนสายนี้ยังไม่ขรุขระขนาดนี้  มันแย่ขนาดที่รู้สึกได้ว่าเสียดายรถจังเลย นี่ขนาดผมใช้รถกระบะยกสูงนะครับ แล้วถ้าเป็นรถเก๋งล่ะไม่อยากรู้สึกแทนเลยจริงจริง  ระยะทางจาก"อุทยานแห่งชาติแม่เมย" ถึง อ.แม่สะเรียง ประมาณ 100 กิโลเมตร แต่ผมใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึงตัวอำเภอแม่สะเรียงจากที่เคยใช้เวลาไปไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง  
ปล.ยังงัยก็ฝากไปถึงผู้มีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับถนนหนทางด้วยนะครับ  ถนนสาย 105 นี้เป็นเส้นที่ผมมีความรู้สึกว่าเป็นถนนที่มีความสำคัญเพราะสามารถล้นระยะเวลาสำหรับผู้ที่จะเดินทางจาก จ.แม่ฮ่องสอน ไปกรุงเทพฯ หรือที่อื่นอื่นที่อยู่ใต้ จ.แม่ฮ่องสอน ลงมาได้มาก  ก็ขอฝากมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

หลังจากนั่งหัวสั่นหัวคอนกันเกือบ 2 ชั่วโมง พวกเราก็แวะพักรถกันที่"จุดชมวิวแม่น้ำ 2 สี" บริเวณปากทางเข้า"อุทยานแห่งชาติแม่เงา"


"แม่น้ำสองสี" เป็นจุดบรรจบกันระหว่างแม่น้ำเงาและแม่น้ำยวม ซึ่งโดยปกติน้ำในลำน้ำแม่เงาจะใส และน้ำในลำน้ำแม่ยวมจะขุ่น เกือบตลอดปี เมื่อแม่น้ำทั้งสองสายไหลมาบรรจบกันจะมองเห็นความแตกต่างของลำน้ำทั้งสองสายได้อย่างชัดเจน




นอกจากจุดชมวิวแล้ว ที่นี่ยังมีลานกางเต็นท์และห้องน้ำไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ


จากจุดชมวิวแม่น้ำสองสี ใช้เวลาอีกประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง  พวกเราก็มาถึง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยความบอบช้ำและหิวโหย  แวะหาอาหารเที่ยงกันในตัวอำเภอแบบง่ายง่ายด้วย ส้มตำและข้าวผัด




อิ่มท้องแล้วแต่ร่างกายยังรู้สึกตึงเครียดอยู่ พวกเราเดินทางออกจาก อ.แม่สะเรียง มุ่งหน้าสู่ อ.แม่แจ่ม โดยใช้เส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยัง อ.ฮอด  ก่อนถึง อ.ฮอด ประมาณสิบกว่ากิโลเมตรจะมีทางแยกซ้ายมือวิ่งไปยัง อ.แม่แจ่ม ระยะทางประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร  ระหว่างทางผ่าน"บ่อน้ำร้อนเทพพนม" ขอแวะแช่น้ำแร่คลายเครียดสักหน่อย  ที่นี่มีทั้งบ่อกลางแจ้งและห้องแช่น้ำแร่ พวกเราเลือกแบบเป็นส่วนตัว เสียค่าบริการคนละ 50 บาท ถือเป็นการอาบน้ำล่วงหน้าเผื่อคืนนี้อากาศหนาวร่างกายจะได้สะอาดไม่ต้องอาบน้ำเย็นยะเยือกอีก..อิอิ




ใช้เวลาแช่น้ำไม่นานรู้สึกได้ว่าร่างกายสะอาดและสดชื่นขึ้นเยอะ  ขับออกจาก"บ่อน้ำร้อนเทพพนม"มุ่งหน้าสู่ อ.แม่แจ่ม  ระหว่างทางแวะซื้อขนมขบเคี้ยวเห็นสะพานแขวนไม้อยู่ด้านข้างร้านขายของชำแล้วรู้สึกตื่นเต้นตามสไตล์คนกรุงฯ ซึ่งไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เป็นชีวิตประจำวัน  เดินขึ้นไปบนสะพานแขวนทั้งโยกทั้งคอนเพื่อถ่ายรูป  ชาวบ้านละแวกนั้นเดินผ่านไปผ่านมาก็มองแบบว่า"ไอ้สองคนนี้ตื่นเต้นอะไรกันนักหนากับสะพานที่พวกตรูใช้เป็นประจำ"...555  


กลับมาขึ้นรถด้วยความภาคภุมิใจที่ได้สัมผัสกับสะพานแขวนไม้แบบใกล้ชิด  ขับรถออกจากหมู่บ้านไปนิดเดียวก็จอดรถถ่ายรูปวิวสวยระหว่างทางอีก  เวลาเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกแบบนี้ความเป็นธรรมชาติในชนบทช่างสวยงามเกินคำบรรยาย  แตกต่างแปลกตาแต่น่าหลงใหลสำหรับคนเมืองแบบพวกเรานัก




ขับรถมาอีกเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วพวกเราก็มาถึง"มนต์เมืองแจ่ม" ที่พักสวย วิวงามงาม ราคาไม่แพงเทียบกับบรรยากาศที่ได้รับ  ห้องพักที่นี่มีอยู่ 3 หลัง  มีกระต๊อบแบบบ้านบ้านอีก 2 หลัง  มีลานกางเต็นท์กว้างขวางมีห้องน้ำให้ใช้อยู่ 2 ห้อง  โดยคอนเซ็ปในการเดินทางทริปนี้ต้องการพักกางเต็นท์ให้มากที่สุด  ก็เลยเลือกที่จะขอพื้นที่ในการเต็นท์ใช้เต็นท์ของตัวเองโดยเสียค่ากางเต็นท์คนละ 100 บาท และเสียค่าอาหารเช้าแบบง่าย กาแฟ ไข่ต้ม และข้าวต้มหมูร้อนร้อนคนละ 50 บาท (ใครสนใจที่พักที่นี่ตามลิ๊งค์นี้เลยครับ https://www.facebook.com/pages/มนต์เมืองแจ่ม)






กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย


แสงไฟดวงเล็กเล็กจากตัวอำเภอแม่แจ่ม


หลังจากกางเต็นท์เสร็จพวกเราก็ขับรถเข้าตัวอำเภอแม่แจ่ม ไปหาอาหารเย็นกินกันระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร   อำเภอแม่แจ่มยามค่ำคืนค่อนข้างเงียบสงบ  แต่ก็มีบางวัดที่จัดงามสวดมนต์ข้ามปีเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันที่ 31 ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่  กินอาหารเย็นกันเสร็จก็ขับรถวนไปวนมาสักพักแล้วก็กลับมานั่งหนาวกันต่อหน้าเต็นท์  ที่แม่แจ่มเวลานี้ค่อนข้างอากาศชื้นมากมากนั่งอยู่ข้างนอกเต็นท์ได้ไม่นานหัวก็เปียกไปด้วยน้ำค้างต้องรีบเข้าเต็นท์ห่มผ้า  สุดท้ายก็เริ่มเป็นหวัดหนาวสั่นกินยาแล้วก็นอนหลับไป  น่าเสียดายที่ตั้งใจจะไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดใกล้ใกล้กับที่พักแถมยังนัดแนะกับพี่เจ้าของ"มนต์เมืองแจ่ม"ไว้แล้วด้วย  เป็นอันจบทริปวันที่ 3 ของการเดินทางแล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้านะครับ สำหรับวันนี้โชคดีไม่เจ็บไม่จนครับ
ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยวไทย ภาคเหนือ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่