==== วันนั้นถ้าเราทำกันแบบนี้ วันนี้เราคงไม่ต้องมานั่งลุ้น Civil War ว่าจะเกิดหรือไม่หรอกครับ ====

วันนี้ผมว่ายังไม่สายนะครับ ที่จะหยุด Civil War ด้วยกัน

มันเริ่มจาก  อภัยกัน  ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ก่อนครับ
ไม่งั้น อะไรก็เกิดไม่ได้ครับ !!

==== พวกเราทำได้ครับ มาหยุดทศวรรษแห่งความแตกแยก กันในปีนี้เถอะครับ ====
กระทู้สนทนา รัฐศาสตร์ รัฐธรรมนูญ ประชามติ พุทธศักราช  2547 – 2556 ทศวรรษแห่งความแตกแยกแห่งประเทศไทย
นับตั้งแต่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ลงมือสร้างความแตกแยกตั้งแต่ ปี 47 ก่อเกิดรัฐประหารในปี 49 ดังที่ผมได้กล่าวไว้แล้วในกระทู้ข้างล่าง

http://ppantip.com/topic/31222207

วันนี้ 2556 ผ่านไปแล้ว 10 ปีเต็ม หรือ หนี่ง ทศวรรษ  ผมขอนิยามและ อธิบาย ทศวรรษนี้ของเราดังต่อไปนี้ครับ

•    ทศวรรษที่ รอยยิ้ม ของ ชาวสยามเมืองยิ้มที่หายไป และต่างชาติเลิกพูดเรื่องสยามเมืองยิ้ม อีกต่อไป

•    ทศวรรษหนึ่งที่เป็นระยะเวลาที่เด็กน้อยคนหนึ่งจะเติบโตจากชั้น ป.2 มาจนโตเป็นหนุ่มสาวชั้น ม.6 ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา  ความขัดแย้งในหมู่เพื่อนๆ ครูอาจารย์ หรือแม้แต่ในพ่อแม่ คนในครอบครัวเดียวกัน  ลองจินตนาการเป็นลูกสาวหรือลูกชาย น้องสาวหรือน้องชาย หลานสาวหรือหลานชายของเพื่อนๆ ดูสิครับ ว่ามันน่าสงสารเพียงใด
         o    แล้วหนุ่มสาวรุ่นนี้ ที่จะเติบโตต่อจากนี้ต่อไป คงไม่สามารถที่จะเข้าใจ ความสามัคคี ความสมานฉันท์ ความปรองดอง ของหมู่ชนได้อีกต่อไป  วัฒนธรรมที่อยากได้อะไร ก็ปลุกม๊อบขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มน้อยสาวน้อยในยุคนี้ไป  

•    ทศวรรษที่ ความขัดแย้งนี้จะมีผลต่อการหล่อหลอมเยาวชน ที่พวกเราคาดหวังจะให้เป็นอนาคตของชาติต่อไป  วัฒนธรรมของการประท้วง ความขัดแย้ง การปลุกม๊อบ การขนม๊อบมาชนกัน การใช้ปืนอุดปากประชาชน การใช้สไนเปอร์ จะอยู่ในจิตใต้สำนึกของ เยาวชน ของเรา ผู้ใหญ่ในบ้านเราปลุกความกลัวในใจ ปลุกความคิดของการเล่นพรรคเล่นพวก Double Standard กันในบ้านเมืองเราขึ้นมา

•    ทศวรรษที่  มีการนำองค์กรอิสระที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ประหนึ่งไม่จำกัดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ กฎหมายสูงสุด และแม้แต่อนาคตทางเดินของประเทศ จะทำให้เป็นทางตัน ก็ได้ ทางโล่ง ก็ได้  มันน่าแปลกที่ประชาชนคนไทยปล่อยให้คนไม่กี่คนในองค์กรอิสระเหล่านี้ ที่ไม่ได้มาจากประชาขนเสียด้วยซ้ำ มากำหนดชะตาชีวิตของประเทศ เช่นนั้นหรือ

•    ทศวรรษที่ม๊อบสามารถปิดถนนได้อย่างเสรี ปิดที่ไหน ปิดอย่างไร ทำได้หมด ลำพังไม่ปิดถนนรถก็ติดจนไม่อยากทำการทำงานอยู่แล้ว พอยิ่งปิดเข้าไปอีกงานการในบริเวณนั้น เสียหายหมด โรงเรียนต้องหยุด นักเรียนหยุดเรียน ออฟฟิซต้องหยุดงาน เศรษฐกิจเสียหายหลายครั้งหลายครา  ประเทศเดินช้าลงอย่างมากมาย เพื่อนบ้านคงขำกลิ้งทุกครั้ง ที่เราปิดถนน  คงคิดว่า เออดี เงินลงทุนจะได้มาประเทศฉันแทน

•    ทศวรรษ ที่คำว่า “สามัคคีคือพลัง” หายไปจากสื่อทุกแขนง  หน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ  โทรทัศน์ทุกช่อง  ประชาชนทุกหมู่เหล่า ไม่มีคนเรียกร้องสามัคคีอีกต่อไป “สามัคคี” กลายเป็นคำล้าสมัยไปเสียแล้ว

•    ทศวรรษที่ ประชาชนคนธรรมดาต้องถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และสื่ออื่นๆ เป็นกลางทางการเมืองหรือไม่ เสนอข่าวได้ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่  ถือหางแดง หรือ เหลือง อยู่หรือไม่ จงใจสร้างความแตกแยกหรือไม่  นี่ยังไม่ต้องนับ สื่อออนไลน์ อื่นๆ เช่น Facebook / Twitter / Line / Whatsapp / Web Board / e-mail / etc..  มีความเป็นกลางในการเสนอข่าวหรือไม่
          o    ผมขอให้แยก ข่าว กับ ความคิดเห็นนะครับ ข่าว ก็คือ ข่าว  สื่อควรเสนอแต่ความจริงไม่มี Bias แต่ความคิดเห็น ก็คือความคิดเห็น สื่ออาจจะนำเสนอความเห็น วิเคราะห์ได้ แต่ควรแยกชัดเจนว่า จุดใดคือ ข่าว Fact จุดใดคือความคิดเห็น จากที่ผมรับสื่อมาสิบปีนี้  สื่อยังมีปัญหาตรงนี้มากครับ  ข่าวกับความคิดเห็นของนักข่าวมันปนกันเสียจนแยกไม่ออกกันเสียแล้ว  ปัญหาของคนรับสื่อก็อาจจะมีเช่นเดียวกัน ไปคิดว่า ความเห็นคือ Fact บ้าง Fact คือ ความเห็นบ้าง ปนกันจนไม่รู้ว่าอะไรคือ ความจริง อะไรคือ ความคิดเห็น

=> มาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะเรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกท่าน ว่าหลายคนคงคิดเหมือนผม  …  
ให้มันจบๆกันไปเสียทีเถอะครับ มันไม่ไหวแล้วครับผ่านไปแล้วหนึ่งทศวรรษ หรือ 10ปีครับ อย่าให้ความแตกแยกนี้อยู่กันต่อไปเลยครับ
มันจะกลายเป็น ยี่สิบปี สามสิบปี หรือยาวกว่านั้นอีก ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น คนรุ่นเราจะมีตราบาปติดตัวกันทุกคนว่าไม่ได้มีส่วนร่วมทำให้เกิดความสมานฉันท์อย่างยุติธรรม

=> ผมคิดว่าควรจะทำให้มันจบในรุ่นๆของเราครับ (ผมอายุ 40 กว่าแล้วครับ) อย่าให้รุ่นเราต้องตายไปโดยไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งของประเทศแม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเราเลยครับ พวกเราทุกคนมีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน โดยทำให้ประเทศชาติสงบเรียบร้อย มีความเจริญยิ่งๆขึ้นไป ให้ทันเพื่อนบ้าน หรือเป็น ผู้นำของเพื่อนบ้านนะครับ

และก็อย่าผลักภาระไปให้รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลานเลยครับ ช่วยกันทำมันให้จบทุกสิ่งทุกอย่างเสียในรุ่นเราเถิดครับ

ท่านอำมาตย์ครับ คุณทักษิณ ครับ ถอยกันคนละก้าวครับ ทุกอย่างจบแน่ครับ

NO PEACE WITHOUT JUSTICE
NO JUSTICE WITHOUT FORGIVENESS
MESSAGE
OF HIS HOLINESS
POPE JOHN PAUL II
FOR THE CELEBRATION OF THE
WORLD DAY OF PEACE
1 JANUARY 2002

ความสงบเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีความยุติธรรมครับ  ความยุติธรรมก็เกิดไม่ได้ถ้าไม่มีการให้อภัยซึ่งกันและกัน ในสิ่งที่ได้กระทำต่อกันในอดีตครับ อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ครับ  ก่อนพวกเราคนไทยต้องกลายเป็น เรฟูจี  จากสงครามกลางเมืองนะครับ อย่าเลยครับ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกครับ

แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายเอาแต่ใส่เกียร์เดินหน้า แยกเขี้ยว และ ฮึ่มๆใส่กันอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ความเสี่ยงของสงครามกลางเมืองก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และ สักวันมันอาจจะเกิดได้ครับ  ถ้ามีการปะทะกันของประชาชนสองฝ่าย มีคนบาดเจ็บล้มตาย ผมเชื่อว่าจะหยุดได้ยากมาก

=>  หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงบอกว่า ปัญหาน่ะรู้แล้ว เสนอทางแก้มาสิ หาทางออกมาหน่อยสิ Show me the Solutions, ผมก็อยากจะนำเสนอทางออกของประเทศไทยเราดังนี้ครับ

ผมขออนุญาต เนื่องจากใกล้วันที่ 5 ธันวาคม วันเฉลิมฯ แล้ว  ซึ่งวันนี้เป็นวันที่คนไทยมีความสุขที่สุดโดยรวม ผมขอนำเสนอ “มหกรรมเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ” ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ครับ รายละเอียดคร่าวๆ มีดังต่อไปนี้ครับ

1.    งานจะเป็นมหกรรมเพื่อการทำลายล้าง สัญลักษณ์ของความขัดแย้งทั้งหมด  โดยการเขิญชวน ประชาชนทุกฝ่าย ทุกเหล่า ข้าราชการ ห้างร้าน บริษัท นำเสื้อแดง เสื้อเหลือง มือตบ ตีนตบ หน้ากากขาว นกหวีด มาเผาร่วมกัน เสียให้หมดครับ

2.    ต่อจากนั้น ทำพิธีกรรมสาบานว่าจะเป็น คนดี เดินตามครรลองของศาสนา นั่นคือ ให้ทุกท่านสาบานต่อหน้าวัดพระแก้ว หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนา อิสลาม คริสต์ แล้วแต่ ว่าแต่ละคนนับถือศาสนาใด  ว่า จะ
•    เป็นคนดี ไม่โกง ไม่คอรัปชั่น
•    ไม่เล่นพรรค เล่นพวก เล่นเส้น  และ ไม่เอาระบบอุปถัมภ์
•    ไม่กล่าวใส่ร้ายป้ายสี  ทุกคนต่างพยายามตั้งมั่นใน สังคหวัตถุ 4  ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา
•    จะไม่คิดร้าย คิดเล่นงาน ต่อฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป
ถ้าแต่ละคนทำไม่ได้ ก็ขอให้พบแต่โชคร้าย หรือ ตาย ใน สามวัน เจ็ดวัน  
ก็จะทำให้ต่างฝ่ายก็จะไว้ใจซึ่งกันและกันขึ้นอย่างมาก เพราะคนไทยโดยทั่วไปเชื่อเรื่องสาบานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

3.    สร้างสรรค์สามัคคี โดยการนำร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี และ สดุดีมหาราชา แล้วปิดงานด้วย เพลง สามัคคีชุมนุม เพื่อสร้างสรรค์ ความสามัคคีของประชาขน บังเกิดเป็น มหาสมานฉันท์ ของ มวลมหาประชาชน นำโดย มหาราชที่เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย

สุดท้าย ทุกฝ่ายก็จะเข้าใจ มหาสมานฉันท์ของปวงชนชาวไทย และนำไปสู่ ความสงบ สามัคคี และ ความเจริญของประเทศเราต่อๆไปครับ
ใครเห็นด้วยกับแนวทางของผม ต้องการความสงบ ความสามัคคี มหาสมานฉันท์ ของประเทศไทยเรา  รบกวน
•    ช่วยกด Like หรือ ถูกใจ และ โหวตดันให้เป็นกระทู้แนะนำ  เพื่อให้ เพื่อนๆ ได้เห็นบทความนี้กันมากขึ้น มากขึ้น นะครับ
•    ช่วยกันแชร์บทความนี้ไปให้ทั่ว  Social Network ครับ Facebook / Twitter / Line / Whatsapp / Web Board / e-mail / etc.. ครับ
•    ช่วยกัน Post ถึงสัญลักษณ์ ของแนวทางสันติวิธีครับ (Peace Symbol) ครับ




เพื่อให้ประเทศเราเดินหน้าต่อไป ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ก้าวต่อไปอย่างแข็งแรง ก้าวต่อไปอย่างภาคภูมิ ให้คนรุ่นหลังได้ภูมิใจ ไม่ให้เป็นที่ดูถูก หัวเราะเยาะ จากประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้แต่ ฟิลิปปินส์ อินโดฯ เวียดนาม ก็แอบยิ้ม แอบหัวเราะคิกคัก ทุกครั้งที่ประเทศเรา มีม๊อบ มีความแตกแยก
มันถึงเวลาของ ความสงบสุข แล้วครับ

ท่านที่เห็นด้วย รบกวนช่วยโหวตด้วยครับ เพื่อนๆ จะได้อ่าน และ เห็น กันอย่างทั่วถึงครับ

==== พวกเราทำได้ครับ  มาหยุดทศวรรษแห่งความแตกแยก กันในปีนี้เถอะครับ ====
แก้ไขข้อความเมื่อ 24 พฤศจิกายน เวลา 16:24:10 น.

Starfish
24 พฤศจิกายน เวลา 15:18:30 น.

==>  No Civil War ครับ อย่าให้มันเกิดเลยครับ อย่าให้ถึง จุด Point of No Return !!
Logo ใหม่ครับ
====
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่