dallas buyer club (ช่วงที่ 1) : 10 สิ่งประทับใจหลังจากดูเรื่องนี้
ถ้าใครคิดว่า อย่างไรก็คงดูเรื่องนี้อยู่แล้ว
เพราะนักแสดงได้รางวัลลูกโลกทองคำ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์
ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านบทความนี้ เพราะมีสปอยแน่ๆ
แต่ถ้ากำลังลังเล และคิดว่าจะไม่ดูเรื่องนี้
ลองอ่านข้างล่างดูก่อน เผื่อจะเปลี่ยนใจลองไปดูในโรงครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้.
.
.
.
.
.
1) หนังเรื่องนี้บุคลากรทางการแพทย์ แนะนำให้ "ควรไปดูอย่างยิ่ง"
เพราะหนังเล่นถึงประเด็นทางการแพทย์อย่างชัดเจน
ประเด็นของบริษัทยา กับ อย.อเมริกา จรรยาบรรณ การวิจัย
และอำนาจในการชี้นำ อย. จากบริษัทผู้ผลิตยา อย่างชัดเจนมากๆ
ตอนแรกผมก็เคยคิดว่า ที่อเมริกา คงจะไม่มีปัญหานี้หรอก
แต่หนังเรื่องนี้ ได้ตีแผ่ปัญหานี้ได้อย่างไม่เกรงกลัวใคร
2) ประเด็นปัญหาเรื่องเกย์ และผู้ป่วยเอดส์ ผู้สร้างได้พยายามแทรกประเด็นเหล่านี้ลงไป
ได้อย่างน่าสนใจมากๆ ในเรื่องของผู้ป่วยเอดส์ ในยุคนั้น (และในยุคนี้ด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ)
สังคมรังเกียจ ถูกไล่ออกจากงาน และถ้าไม่พยายาม ก็คงจะถูกทิ้งให้ตายอยู่อย่างนั้น
ในเรื่องของประเด็นของเกย์ จากพระเอกที่เกลียดเกย์เลยก็ว่าได้ หลังจากได้สัมผัส (เอ๊ยไม่ใช่)
ได้ทำความรู้จักกับเกย์ให้มากขึ้น (แม้จะด้วยความจำเป็นทางธุรกิจในตอนต้นเรื่องก็ตาม)
ก็เกิดมิตรภาพ ที่เหนือกว่าแค่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
เรียกได้ว่า หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอประเด็นของเพศที่ 3 ได้อย่างชัดเจนจริงๆ
3) เป็นหนังที่เครียดนะครับ เครียดด้วยเนื้อหาที่เรียกว่าหนักอึ้งเอามากๆ
แต่ทั้งนี้ หนังก็ยังไม่ลืมสอดแทรกมุขตลก (ที่ไม่ฝืด) ลงไปอย่างต่อเนื่อง
เรียกว่าดูจบ ไม่ถึงขั้นกุมขมับออกจากโรงแน่นอน รับรองได้
ลืมบอกไป ถึงหนังจะเครียด แต่ก็ดูไม่ยากนะครับ
การเล่าเรื่อง ไม่สลับซับซ้อน ไม่ซ่อนเงื่อนอะไร
แถมเฉลยปมไว้ทันที เมื่อถึงเวลา ดังนั้น ดูหนังเรื่องนี้ ไม่ต้องกลัวงง
ต้องปีนกะไดดูแบบหนังเข้าชิงออสการ์ทั่วๆไป
4) การแสดง ระดับเทพมากๆๆ แมทธิว แมคคอนนาเฮย์ ถ้าใครที่ติดตามการโปรโมทหนัง
จะรู้ว่า เขายอมลดน้ำหนักมาหลายสิบโล เพื่อให้ดูโทรมสมจริงเพื่อรับบทนักแสดงนำ
ก็เรียกได้ว่าทุ่มเทสุดๆ แถมบทส่งและเปิดโอกาสให้แสดงได้อย่างเต็มที่จริงๆ
5) นักแสดงสมทบ อย่าง จาเร็ต เล็ตโต (Jared Leto) แม้จะแสดงเป็นกระเทยแต่งหญิง
แต่กลับโดดเด่นมากอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกว่ากระเทยตัวจริงอย่างเดย์ฟรีแมน
ยังดูแมนกว่าด้วยซ้ำ การแสดงออกก็ชัดเจนถึงอารมณ์สุดๆ ทั้งๆที่การแต่งหน้า
เธอต้องโกนคิ้วออกทั้งหมด แต่ก็สามารถแสดงอารมณ์ให้ผู้ชมรับรู้ได้อย่างถึงกึ๋น
รูปประกอบ คือรูปนายจาเร็ด เล็ตโต ที่ลดน้ำหนักเพื่อการถ่ายทำเรื่องนี้
คลิกอ่านต่อ ข้อ 6 ถึง 9 ได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้6) ตัวละครอีกคนที่หลายๆคนมองข้ามอย่าง เจนนิเฟอร์ การ์ตเนอร์
เธอได้รับบทเป็นคุณหมอใส่แว่นหนาเตอะ ที่เรียกว่าแทบจะไม่มีโอกาสแสดงอะไรมากนัก
ตอนแรกผมจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังคิดอยู่เลย ใครนะ ทำไมแสดงได้ดีออกหน้าออกตาขนาดนี้
แม้จะถูกแว่นตา บดบังการแสดงทางสีหน้า แต่เธอก็ทะลุกรอบ
สื่อให้เห็นถึงความห่วงใย ความกังวลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
(น่าเสียดาย ที่เธอไม่ได้ถูกเสนอชิ่อเข้าชิงรางวัลอะไร อาจเพราะบทที่ดูไม่เด่นพอมั้ง
แต่ส่วนตัวผม เธอขโมยซีนแมทธิวไป เรียกว่า แมทธิวดูจืดไปเลยเมื่อประกบกับเธอ)
7) ฉากโป๊ ฉากเซ็กซ์ ฉากระบำเปลื้องผ้า โอ้โห...แบบมันเต็มตาและสมจริงสุดๆ
แต่ทว่า...มันไม่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศหรอกนะ แต่สะท้อนถึงสภาวะทางจิตใจ
ของพระเอกในแต่ละช่วงเวลาเสียมากกว่า (แต่ใครที่ชอบดูฉากโบนัส ก็มีให้เห็นกันเต็มๆอยู่ดี)
(อ้อ แมธธิว โชว์ก้น เต็มๆตาอีกต่างหาก
แต่กลับเป็นตลกร้าย ที่หนังใส่ไว้ผ่อนคลายอารมณ์แทน)
8) ใครที่ชอบหนังสัญลักษณ์ การตีความ แน่นอนว่า ได้ตีความเยอะแยะสมใจแน่
ทั้งเรื่องแอบซ่อนอะไรไว้เยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะคุณหมอ ที่ช่วงเปิดเรื่องจะใส่แว่นตลอด
แต่หลังจากได้สัมผัสและเรียนรู้ชีวิตของพระเอกและกระเทย เธอก็ค่อยๆเปิดใจ ช่วงท้ายเธอ
ไม่ได้ใส่แว่นตาซึ่งเสมือนเป็นกรอบปิดกั้นมุมมองชีวิต และทลายกรอบความคิดเดิมๆ
แบบคุณหมอออกไปจนหมดสิ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายฉาก หลายซีน
ไม่ว่าจะฉากดอกไม้, ฉากวัวกระทิง, เพื่อนตำรวจ ฯลฯ ต้องลองไปติดตามดูเอง
9) ผมชอบบทภาพยนตร์เรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงตัวละครที่เติบโตขึ้น เมื่อพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ
รู้สึกเหมือนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของตัวละครหลักทั้ง 3 ที่ค่อยๆพัฒนาไปพร้อมๆกัน
(ตอนแรกกะจะบรรยายว่าพัฒนาได้อย่างไร แต่เขียนๆไปมันดูจะสปอยเกินพอดี
เอาเป็นว่า ไปติดตามในหนังเองจะดีกว่าครับ) แต่เนื่องจากเนื้อหาในเรืองมันเยอะมากๆ
ดังนั้น แน่นอน บทก็อาจจะมีช่องโหว่ให้ชวนสงสัยอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้สับสนเท่าไหร่หรอกนะ
10) 30วัน (หมอบอกว่าคุณ) ต้องตาย คุณจะทำอย่างไร?
(แถมใครๆยังหนีหน้าคุณอีกต่างหาก)
เรื่องนี้ยังเล่นกับประเด็นการให้กำลังใจต่อสู้ชีวิต แม้จะในรูปแบบที่แปลกๆไปก็ตาม
"อย่ายอมแพ้ แม้ทางจะดูมืดมน
อย่ายอมแพ้ แม้อาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้
แต่วันนี้ ถ้าทำอะไรได้ ทำไปก่อน
อย่างน้อย พรุ่งนี้คงไม่เลวร้ายกว่าวันนี้แน่ๆ"
รูปประกอบ คือรูปของทีมนักแสดงหลังจากถ่ายทำเรื่องนี้เสร็จ
เรียกว่าสวยหล่อ ผิดหูผิดตา จนจำกันแทบไม่ได้เลยทีเดียว
โดยเฉพาะนายจาเร็์ต ไม่บอกว่าคนเดียวกัน แทบจะไม่เชื่อเลยทีเดียว
*******************************************
รอติดตาม dallas buyer club (ช่วงที่ 2)
"แซวหนัง... ไม่แคร์สปอย" ที่จะโพสในเร็วๆนี้ครับ
แน่นอน ไม่แคร์สปอยจริงๆนะเออ...
****************************
ว่างๆแวะไป add friend พูดคุยเรื่องหนังกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k
[SR] Dallas Buyers Club หนังดี ที่ตีแผ่ประเด็นลับทางการแพทย์สหรัฐอเมริกา ได้อย่างถึงกึ๋น
ถ้าใครคิดว่า อย่างไรก็คงดูเรื่องนี้อยู่แล้ว
เพราะนักแสดงได้รางวัลลูกโลกทองคำ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์
ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านบทความนี้ เพราะมีสปอยแน่ๆ
แต่ถ้ากำลังลังเล และคิดว่าจะไม่ดูเรื่องนี้
ลองอ่านข้างล่างดูก่อน เผื่อจะเปลี่ยนใจลองไปดูในโรงครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปประกอบ คือรูปนายจาเร็ด เล็ตโต ที่ลดน้ำหนักเพื่อการถ่ายทำเรื่องนี้
คลิกอ่านต่อ ข้อ 6 ถึง 9 ได้เลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
10) 30วัน (หมอบอกว่าคุณ) ต้องตาย คุณจะทำอย่างไร?
(แถมใครๆยังหนีหน้าคุณอีกต่างหาก)
เรื่องนี้ยังเล่นกับประเด็นการให้กำลังใจต่อสู้ชีวิต แม้จะในรูปแบบที่แปลกๆไปก็ตาม
"อย่ายอมแพ้ แม้ทางจะดูมืดมน
อย่ายอมแพ้ แม้อาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้
แต่วันนี้ ถ้าทำอะไรได้ ทำไปก่อน
อย่างน้อย พรุ่งนี้คงไม่เลวร้ายกว่าวันนี้แน่ๆ"
รูปประกอบ คือรูปของทีมนักแสดงหลังจากถ่ายทำเรื่องนี้เสร็จ
เรียกว่าสวยหล่อ ผิดหูผิดตา จนจำกันแทบไม่ได้เลยทีเดียว
โดยเฉพาะนายจาเร็์ต ไม่บอกว่าคนเดียวกัน แทบจะไม่เชื่อเลยทีเดียว
*******************************************
รอติดตาม dallas buyer club (ช่วงที่ 2)
"แซวหนัง... ไม่แคร์สปอย" ที่จะโพสในเร็วๆนี้ครับ
แน่นอน ไม่แคร์สปอยจริงๆนะเออ...
****************************
ว่างๆแวะไป add friend พูดคุยเรื่องหนังกันได้นะครับที่ fb ของผม
https://www.facebook.com/choord.k