นั่งคิดอยุ่นานสองนานเหมือนกันครับว่าจะลงดีหรือเปล่า
แต่คิดไปคิดมาเล่าสู่กันฟังก้ไม่เลวนะ
เผื่อมีประโยชน์กับบางคนเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ
ผมเป็นผู้ชายสูง 175 ซม.น้ำหนัก 65 กก.ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่มาตรฐานชายไทยทั่วไป
แต่ดันแปลกที่ไม่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์เหมือนคนทั่วไป
นี่ถ้าเกิดสาวๆ ชอบของแปลก ผมคงโชคดีมากๆ...แหะๆ
ผมชอบการเดินทางด้วยมอไซด์มากกว่า
ปีนี้ปีที่ 7 กับการเดินทางทั่วประเทศไทยแบบนี้
และแน่นอนครับ sportbike สัญชาติญี่ปุ่นผมใช้มาแล้วทั้ง 4 ค่าย จึงค่อนข้างคุ้นมือกับเจ้าพวกปลาดิบ
ผมชอบการเดินทางครับ สำหรับต่างแดนผมเคยเดินทางไป 13 ประเทศ (ไม่ได้เกี่ยวเล้ยยยย แต่อยากอวด...แฮ่)
เสียดายเงินไม่หนาพอ ไม่งั้นพาหนะคงเป็นมอไซด์แน่นอน
เหตุเกิดมา2เดือนแล้ว แต่ร่างกายผมไม่ปกติเท่าไร
ปกติเวลาเดินทางไกล ผมไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้าเท่าไรครับ ค่ำไหนนอนนั่น
แต่ก่อนเดินทางทุกผมจะวางแผนไว้นิดหน่อย จากนั้นก็เดินทางเลย
วันนั้นผมอยุ่เชียงใหม่ ปลายทางคือเชียงราย ซึ่งมันถือว่าไม่ไกลมากนัก
และผมเองก็ใช้เส้นทางนี้บ่อย จึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่แล้วมันก็มีจริงๆ
ก่อนสตาร์ทรถผมนั่งคำนวณไว้หมดแล้ว ว่าใช้เวลาเท่าไร ความเร็วเท่าไร แล้วจะไปถึงเวลาเท่าไร?
แต่...ผมลืมไปอย่างครับ นั่นคือฝน
ฝนตกกับถนนบนยอดดอย จากความสนุกจะกลายเป็นนรกทันที เพราะมันลื่นมาก
ยิ่ง Pirelli ที่ว่าแน่ เป๋มาเยอะแล้วน๊ะะะะะะ
ผมทำความเร็วไม่ได้เลย ทำได้เพียงวิ่งประคองไป และอีกอย่างเพื่อนร่วมเดินทางก็สำคัญครับ
เราต้องคิดถึงความปลอดภัยของพวกเขาด้วย
มาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆที่กำลังอ่านอยู่อาจจะเป็นว่า ฝนคือสาเหตุ
ไม่ใช่หรอกครับ ฝนเป็นเพียงแค่ตัวแปร ที่ทำให้ผม ต้องเจอความมืดกลางทางเท่านั้นเอง
มืดครับผมเจอความมืดทั้งๆที่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย
ข้างหน้าของผมเป็นโค้งซ้าย โค้งขี้หมา ดีๆนี่แหล่ะ
พวกเราเรียกกันขำๆ เล่นนะครับ เพราะมันเป็นโค้งง่ายๆ ไม่หักไม่งอเกินไป และไม่ต้องใช้ทักษะใดๆในการวิ่งเข้า
ทั้ง lean-with ,lean-out, lean-in,หรือแม้แต่ hang-on
แม้แต่ป้าขนผักเต็มคันก็ยังเข้าได้เนียนๆ พูดง่ายๆ มันไม่มีอะไรเลยครับ
แต่ความไม่มีอะไร มักจะมีอะไรเสมอ
ข้างหน้าผมมีรถยนต์วิ่งสวนมา ผมเห็นแล้วแหล่ะ
แต่...อสูรร้าย ในร่างคน ก็โผล่ออกมา พร้อมไฟ 4 ดวงสาดเข้ามา
แน่นอนหนึ่งในนั้นต้องมีไฟตัดหมอกสุดแสบตารวมอยู่ด้วยแน่นอน
วันนี้ผมเข้าใจคำว่าเสี้ยววินาทีได้อย่างสุดซึ้ง
มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมนับได้แค่หนึ่ง สองไม่ต้องพูดถึง
เสียงดัง...ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!
....สนั่นดอย
ผมถุกเหวี่ยงและลอยหมุนอยุ่กลางอากาศและหล่นดัง...แอ๊กกกกกกกก!!!!!
แค่นั้นยังไม่พอ แรงเฉื่อยยังคงส่งร่างผอมๆแห้งๆโค่โร่ๆของผมกลิ้งไปอีกหลายตลบ
ไปหยุดตรงพุ่มไม้เล็กๆ ที่ส่งกิ่งน้อยๆ มาทิ่มตูดดังฉึก แจ็กพ็อตรอบสองครับ…T_T
ดึกๆบนดอย องค์ประกอบรวม แน่นอน ผมมองไม่เห็นไรเลย เวรกรรมจริงๆ
ภาพที่โรโบคอบ เริ่มขยับแขนขา ตอนออกจากห้องทดลอง แหม...มันดูเท่ห์จริงๆ
แน่นอนครับ ผมเริ่มต้นตั้งสติใหม่ด้วยการทำแบบนั้น
แขนซ้าย-ขวา ขาซ้าย และก็ขาขวา เฮ...มันยังอยุ่ครบทุกส่วน
แต่...
ผมลุกไม่ขึ้น (ในใจก็ภาวนา ขอให้อย่าไข่แตก...แหะๆ)
แลซ้ายแลขวา
สงสัยลอยมาไกลเกิน มองไม่เห็นแม้แต่หมาสักตัว
เตชะบุญมีรถวิ่งผ่านมา ไฟหน้าที่สาด แบบไม่เกรงใจ คนที่วิ่งสวนมา
เป็นไกด์อย่างดี นั่นแหล่ะ ปลายทางของผม
ฮึบๆๆๆ...แขนซ้ายเพียงข้างเดียว ที่ยังใช้ได้โกยตัวเองขึ้นมา
พรืดๆๆๆ เหมือนหมาขาหัก ลากตัวเองอยุ่นาน
สุดท้ายก็เอาหัวมาเกยไหล่ทางจนได้
แต่เริ่มใช้คำว่า “ช่วยด้วยๆ” เป็นครั้งแรกในชีวิต (จริงๆนะ)
เงียบบบบบบบ...ฉี่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
(
แล่ะ สงสัยไม่ดังพอ)
พอกำลังจะอ้าปาก ตุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ไม่ได้โดนตีงครับ แต่มีเสียงคนวิ่งเข้ามา)
พร้อมกับมือสองข้าง จะช้อนผมขึ้น
อย่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมตะโกนสุดซอย เอ้ย สุดเสียง “ผมไม่รู้ว่าอะไรหักมั่ง(ขออย่าเป็น…XP) เรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อยครับ”
พ่อพระในร่างคนก็เต็มกำลังสามารถ แกช่วยเต็มที่เลยครับ
แต่อย่าคิดว่าเป็นคู่กรณีผมล่ะ เพราะเขาโผล่ไปหลังจากผมนอน รพ.อยุ่หลายวันเลยล่ะ
หลังจากถึง รพ.ทั้งนายและนางพยาบาล 4-5 คนปล้ำกับชุด safety ราคาสุดแพงอยุ่นานสองนาน
ผล x-ray ผมมีปัญหาเรื่องกระดูกอยู่ 2 ที่ครับ
ข้อมือซ้ายแตก กับกระดูกเชิงกรานขวาหัก
และไม่มีแผลฉีกขาดใดๆ
ทีนี้คงไม่มีใครสงสัยอีกแล้วนะครับ กับคำถามยอดฮิต
“ใส่แบบนั้นไม่ร้อนหรือพี่”
ผมได้รับการพยาบาล และพักฟื้นอยุ่หลายวัน
แน่นอนครับคู่กรณีก็ยังไม่โผล่มา
แต่ที่มาคือประกัน พร้อมคำถามง่าย ที่ไร้ความกังวล หรือห่วงใย
รถพี่ invoice หรือเปล่า?
“ไม่ครับ รถผมออก Redbaron”
ประกันรีบถอยฉากกลับไปตั้งตัว โดยลืมลาผมเลย!!!!!!
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน คู่กรณีก็มา ผมถอนหายใจโล่ง
อย่างไม่เคยโล่งมาก่อน
แน่นอนครับ ทั้งผม และเพื่อนๆชาวเหนือของผมต่างกังวลอยุ่เรื่องเดียว คือการไม่ยอมรับผิดของคู่กรณี
วันที่เขาเข้ามาเห็นผมในห้องกายภาพ (หัดเดินด้วยไม้เท้า)
กลับทำให้คู่กรณียิ่งตกใจเข้าไปอีก
เขาสารภาพว่า ไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง
ในจินตนาการ ผมต้องนอนบนเตียง มีเสียงดังจับชีพจรดัง ปี๊ปๆ พร้อมสายนั่นโน่นนี่ระโยงรยางค์เต็มไปหมด
เพราะตำรวจที่โรงพักก็เข้าใกล้ซากรถผมเลย (กลัวผีกัน คิดว่าคนขับคงตายห่าแล้ว)
แต่ผมกลับนั่งคุยกันเหมือนคนปกติ และรับไหว้รับคำขอโทษ
นี่แหล่ะที่ผมต้องการ คือ การยอมรับผิด
ผมไม่เรียกร้องอะไรจากคู่กรณีของผมเลยสักบาท
แม้แต่ค่ารักษาพยาบาล หรือสินน้ำใจใดๆ (พ่อพระจริงๆเรา…’0’)
ผมออกจาก รพ.หลังจากนั้นไม่กี่วัน
งานนี้ไม่มีซ่อมแน่นอนครับ
Redbaron ประเมินราคาซ่อมมา 1,2xx,xxx แน่นอนครับ ผมไม่ได้พิมพ์หรือลงตัวเลขผิดแต่อย่างใด
อยากรู้ว่าทำไม ก็แค่ลองซื้อรถมาคันหนึ่ง แล้วไปซื้ออีกคัน แต่บอกว่า sale ว่า "ผมขอซื้อเป็นชิ้นๆนะครับ เดี๋ยวประกอบเอาเอง"
อันนี้เคลียร์นะ
การเจรจากับประกัน
ผมเรียกร้องไป 3 อย่างนั้นนั่นคือ
-ค่ารถ
-ค่าเสียรายได้
-ค่าชุดและอุปกรณ์เซฟตี้
ผลลงเอยจบลงด้วยดี ผมขอไป 9 แสน แต่เราจบกันที่ 7 แสน
ไม่คุ้มหรอกครับ แต่วันนนี้ผมยังมีชีวิตอยุ่ก็ถือว่าโอเคครับ
สุดท้ายขอคุณคนเหนือน้ำใจงามทุกคน ที่ให้ความช่วยเหลือผมครับ
...ก่อนสตาร์ท ตั้งสติ ไม่ว่าคุณหรือใคร ก็มีรออยู่ที่บ้านทั้งนั้น...สวัสดีครับ
ช่างปวดหัวแน่นอนครับ ไม่รู้จะซ่อมอะไรก่อนดี
เหตุผลที่รอด เพราะไม่เข้ากลางลำเท่าไร ไม่งั้นเต็มตีนครับ
สภาพรถกับสภาพคนขับ ไม่เข้ากันเท่าไร
Fortuner ห้าวหักแซงประสานงาน cbr1000 ประกันจ่าย 7 แสน
แต่คิดไปคิดมาเล่าสู่กันฟังก้ไม่เลวนะ
เผื่อมีประโยชน์กับบางคนเวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ
ผมเป็นผู้ชายสูง 175 ซม.น้ำหนัก 65 กก.ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่มาตรฐานชายไทยทั่วไป
แต่ดันแปลกที่ไม่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์เหมือนคนทั่วไป
นี่ถ้าเกิดสาวๆ ชอบของแปลก ผมคงโชคดีมากๆ...แหะๆ
ผมชอบการเดินทางด้วยมอไซด์มากกว่า
ปีนี้ปีที่ 7 กับการเดินทางทั่วประเทศไทยแบบนี้
และแน่นอนครับ sportbike สัญชาติญี่ปุ่นผมใช้มาแล้วทั้ง 4 ค่าย จึงค่อนข้างคุ้นมือกับเจ้าพวกปลาดิบ
ผมชอบการเดินทางครับ สำหรับต่างแดนผมเคยเดินทางไป 13 ประเทศ (ไม่ได้เกี่ยวเล้ยยยย แต่อยากอวด...แฮ่)
เสียดายเงินไม่หนาพอ ไม่งั้นพาหนะคงเป็นมอไซด์แน่นอน
เหตุเกิดมา2เดือนแล้ว แต่ร่างกายผมไม่ปกติเท่าไร
ปกติเวลาเดินทางไกล ผมไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้าเท่าไรครับ ค่ำไหนนอนนั่น
แต่ก่อนเดินทางทุกผมจะวางแผนไว้นิดหน่อย จากนั้นก็เดินทางเลย
วันนั้นผมอยุ่เชียงใหม่ ปลายทางคือเชียงราย ซึ่งมันถือว่าไม่ไกลมากนัก
และผมเองก็ใช้เส้นทางนี้บ่อย จึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่แล้วมันก็มีจริงๆ
ก่อนสตาร์ทรถผมนั่งคำนวณไว้หมดแล้ว ว่าใช้เวลาเท่าไร ความเร็วเท่าไร แล้วจะไปถึงเวลาเท่าไร?
แต่...ผมลืมไปอย่างครับ นั่นคือฝน
ฝนตกกับถนนบนยอดดอย จากความสนุกจะกลายเป็นนรกทันที เพราะมันลื่นมาก
ยิ่ง Pirelli ที่ว่าแน่ เป๋มาเยอะแล้วน๊ะะะะะะ
ผมทำความเร็วไม่ได้เลย ทำได้เพียงวิ่งประคองไป และอีกอย่างเพื่อนร่วมเดินทางก็สำคัญครับ
เราต้องคิดถึงความปลอดภัยของพวกเขาด้วย
มาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆที่กำลังอ่านอยู่อาจจะเป็นว่า ฝนคือสาเหตุ
ไม่ใช่หรอกครับ ฝนเป็นเพียงแค่ตัวแปร ที่ทำให้ผม ต้องเจอความมืดกลางทางเท่านั้นเอง
มืดครับผมเจอความมืดทั้งๆที่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย
ข้างหน้าของผมเป็นโค้งซ้าย โค้งขี้หมา ดีๆนี่แหล่ะ
พวกเราเรียกกันขำๆ เล่นนะครับ เพราะมันเป็นโค้งง่ายๆ ไม่หักไม่งอเกินไป และไม่ต้องใช้ทักษะใดๆในการวิ่งเข้า
ทั้ง lean-with ,lean-out, lean-in,หรือแม้แต่ hang-on
แม้แต่ป้าขนผักเต็มคันก็ยังเข้าได้เนียนๆ พูดง่ายๆ มันไม่มีอะไรเลยครับ
แต่ความไม่มีอะไร มักจะมีอะไรเสมอ
ข้างหน้าผมมีรถยนต์วิ่งสวนมา ผมเห็นแล้วแหล่ะ
แต่...อสูรร้าย ในร่างคน ก็โผล่ออกมา พร้อมไฟ 4 ดวงสาดเข้ามา
แน่นอนหนึ่งในนั้นต้องมีไฟตัดหมอกสุดแสบตารวมอยู่ด้วยแน่นอน
วันนี้ผมเข้าใจคำว่าเสี้ยววินาทีได้อย่างสุดซึ้ง
มันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมนับได้แค่หนึ่ง สองไม่ต้องพูดถึง
เสียงดัง...ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!
....สนั่นดอย
ผมถุกเหวี่ยงและลอยหมุนอยุ่กลางอากาศและหล่นดัง...แอ๊กกกกกกกก!!!!!
แค่นั้นยังไม่พอ แรงเฉื่อยยังคงส่งร่างผอมๆแห้งๆโค่โร่ๆของผมกลิ้งไปอีกหลายตลบ
ไปหยุดตรงพุ่มไม้เล็กๆ ที่ส่งกิ่งน้อยๆ มาทิ่มตูดดังฉึก แจ็กพ็อตรอบสองครับ…T_T
ดึกๆบนดอย องค์ประกอบรวม แน่นอน ผมมองไม่เห็นไรเลย เวรกรรมจริงๆ
ภาพที่โรโบคอบ เริ่มขยับแขนขา ตอนออกจากห้องทดลอง แหม...มันดูเท่ห์จริงๆ
แน่นอนครับ ผมเริ่มต้นตั้งสติใหม่ด้วยการทำแบบนั้น
แขนซ้าย-ขวา ขาซ้าย และก็ขาขวา เฮ...มันยังอยุ่ครบทุกส่วน
แต่...ผมลุกไม่ขึ้น (ในใจก็ภาวนา ขอให้อย่าไข่แตก...แหะๆ)
แลซ้ายแลขวา สงสัยลอยมาไกลเกิน มองไม่เห็นแม้แต่หมาสักตัว
เตชะบุญมีรถวิ่งผ่านมา ไฟหน้าที่สาด แบบไม่เกรงใจ คนที่วิ่งสวนมา
เป็นไกด์อย่างดี นั่นแหล่ะ ปลายทางของผม
ฮึบๆๆๆ...แขนซ้ายเพียงข้างเดียว ที่ยังใช้ได้โกยตัวเองขึ้นมา
พรืดๆๆๆ เหมือนหมาขาหัก ลากตัวเองอยุ่นาน
สุดท้ายก็เอาหัวมาเกยไหล่ทางจนได้
แต่เริ่มใช้คำว่า “ช่วยด้วยๆ” เป็นครั้งแรกในชีวิต (จริงๆนะ)
เงียบบบบบบบ...ฉี่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
(แล่ะ สงสัยไม่ดังพอ)
พอกำลังจะอ้าปาก ตุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ไม่ได้โดนตีงครับ แต่มีเสียงคนวิ่งเข้ามา)
พร้อมกับมือสองข้าง จะช้อนผมขึ้น
อย่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมตะโกนสุดซอย เอ้ย สุดเสียง “ผมไม่รู้ว่าอะไรหักมั่ง(ขออย่าเป็น…XP) เรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อยครับ”
พ่อพระในร่างคนก็เต็มกำลังสามารถ แกช่วยเต็มที่เลยครับ
แต่อย่าคิดว่าเป็นคู่กรณีผมล่ะ เพราะเขาโผล่ไปหลังจากผมนอน รพ.อยุ่หลายวันเลยล่ะ
หลังจากถึง รพ.ทั้งนายและนางพยาบาล 4-5 คนปล้ำกับชุด safety ราคาสุดแพงอยุ่นานสองนาน
ผล x-ray ผมมีปัญหาเรื่องกระดูกอยู่ 2 ที่ครับ
ข้อมือซ้ายแตก กับกระดูกเชิงกรานขวาหัก
และไม่มีแผลฉีกขาดใดๆ
ทีนี้คงไม่มีใครสงสัยอีกแล้วนะครับ กับคำถามยอดฮิต
“ใส่แบบนั้นไม่ร้อนหรือพี่”
ผมได้รับการพยาบาล และพักฟื้นอยุ่หลายวัน
แน่นอนครับคู่กรณีก็ยังไม่โผล่มา
แต่ที่มาคือประกัน พร้อมคำถามง่าย ที่ไร้ความกังวล หรือห่วงใย
รถพี่ invoice หรือเปล่า?
“ไม่ครับ รถผมออก Redbaron”
ประกันรีบถอยฉากกลับไปตั้งตัว โดยลืมลาผมเลย!!!!!!
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน คู่กรณีก็มา ผมถอนหายใจโล่ง
อย่างไม่เคยโล่งมาก่อน
แน่นอนครับ ทั้งผม และเพื่อนๆชาวเหนือของผมต่างกังวลอยุ่เรื่องเดียว คือการไม่ยอมรับผิดของคู่กรณี
วันที่เขาเข้ามาเห็นผมในห้องกายภาพ (หัดเดินด้วยไม้เท้า)
กลับทำให้คู่กรณียิ่งตกใจเข้าไปอีก
เขาสารภาพว่า ไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง
ในจินตนาการ ผมต้องนอนบนเตียง มีเสียงดังจับชีพจรดัง ปี๊ปๆ พร้อมสายนั่นโน่นนี่ระโยงรยางค์เต็มไปหมด
เพราะตำรวจที่โรงพักก็เข้าใกล้ซากรถผมเลย (กลัวผีกัน คิดว่าคนขับคงตายห่าแล้ว)
แต่ผมกลับนั่งคุยกันเหมือนคนปกติ และรับไหว้รับคำขอโทษ
นี่แหล่ะที่ผมต้องการ คือ การยอมรับผิด
ผมไม่เรียกร้องอะไรจากคู่กรณีของผมเลยสักบาท
แม้แต่ค่ารักษาพยาบาล หรือสินน้ำใจใดๆ (พ่อพระจริงๆเรา…’0’)
ผมออกจาก รพ.หลังจากนั้นไม่กี่วัน
งานนี้ไม่มีซ่อมแน่นอนครับ
Redbaron ประเมินราคาซ่อมมา 1,2xx,xxx แน่นอนครับ ผมไม่ได้พิมพ์หรือลงตัวเลขผิดแต่อย่างใด
อยากรู้ว่าทำไม ก็แค่ลองซื้อรถมาคันหนึ่ง แล้วไปซื้ออีกคัน แต่บอกว่า sale ว่า "ผมขอซื้อเป็นชิ้นๆนะครับ เดี๋ยวประกอบเอาเอง"
อันนี้เคลียร์นะ
การเจรจากับประกัน
ผมเรียกร้องไป 3 อย่างนั้นนั่นคือ
-ค่ารถ
-ค่าเสียรายได้
-ค่าชุดและอุปกรณ์เซฟตี้
ผลลงเอยจบลงด้วยดี ผมขอไป 9 แสน แต่เราจบกันที่ 7 แสน
ไม่คุ้มหรอกครับ แต่วันนนี้ผมยังมีชีวิตอยุ่ก็ถือว่าโอเคครับ
สุดท้ายขอคุณคนเหนือน้ำใจงามทุกคน ที่ให้ความช่วยเหลือผมครับ
...ก่อนสตาร์ท ตั้งสติ ไม่ว่าคุณหรือใคร ก็มีรออยู่ที่บ้านทั้งนั้น...สวัสดีครับ
ช่างปวดหัวแน่นอนครับ ไม่รู้จะซ่อมอะไรก่อนดี
เหตุผลที่รอด เพราะไม่เข้ากลางลำเท่าไร ไม่งั้นเต็มตีนครับ
สภาพรถกับสภาพคนขับ ไม่เข้ากันเท่าไร