สายการบิน ANA ทิ้งเด็ก 14 ปี ที่สนามบิน นาริตะ(ญี่ปุ่น) ช่วยกันโหวตด้วยครับ

รบกวนช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ คงเป็นประโยชน์กับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะเด็กที่เดินทางคนเดียวกับสายการบิน ANA เพราะเหตุการณ์นี้เป็น เรื่องจริง ( 06/01/2014 ) ที่เกิดกับลูกชายผมเองครับ

สายการบิน ANA ทิ้งเด็ก 14 ปี ที่สนามบิน นาริตะ(ญี่ปุ่น)

บุตรชายของเราเป็นนักเรียนอายุ 14 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนใกล้เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากไปเรียนได้เพียง 4 เดือน ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดคริสมาสต์ และวางแผนเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาในวันที่ 5 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นการเดินทางโดยลำพังเป็นครั้งแรก เราจึงเลือกสายการบินอย่างรอบคอบ และได้ตัดสินใจเลือกสายการบิน All Nippon Airways (ANA) ด้วยเชื่อมั่นว่าสายการบินจะให้บริการและดูแลบุตรชายของเราอย่างดีที่สุด

เที่ยวบินกลับสหรัฐอเมริกาวันที่ 5 มกราคม 2557 มีรายละเอียดดังนี้

1. เที่ยวบินที่ NH 916 กรุงเทพฯ - นาริตะ (ประเทศญี่ปุ่น) ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 00:25 น. ถึงนาริตะเวลา 08:05 น.
2. เที่ยวบินที่ NH 012 นาริตะ – ชิคาโก ออกจากนาริตะเวลา 11:00 น. ถึงชิคาโก เวลา 07:35 น
3. เที่ยวบินที่ NH 7480 ชิคาโก - บอสตัน ออกจากชิคาโกเวลา 10:07 น. ถึงบอสตันเวลา 13:22 น.

แนวปฏิบัติโดยทั่วไปของสายการบิน ผู้เยาว์ที่เดินทางโดยลำพังจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และถ้าการเดินทางเกิดปัญหาเจ้าหน้าที่ของสายการบินจะติดต่อผู้ปกครองของเด็กโดยทันที และเนื่องจากบุตรชายของเรายังเป็นผู้เยาว์ เราจึงขอให้ฝ่าย ANA Airport Support ให้ความดูแลเป็นพิเศษในระหว่างการเดินทาง โดยได้ระบุความต้องการดังกล่าวตั้งแต่ซื้อบัตรโดยสาร ซึ่ง ANA จะให้บริการเฉพาะเด็กที่เดินทางโดยลำพัง และมีอายุไม่เกิน 16 ปีโดยจะจัดเจ้าหน้าที่มารับเด็กที่จุดเช็คอินไปส่งถึงประตูขึ้นเครื่อง (Gate) และกรณีการเดินทางเกิดปัญหาเจ้าหน้าที่จะติดต่อผู้ปกครองของเด็กโดยทันที ANA เรียกบริการนี้ว่า “ Kids Rakunori” บริการนี้จะให้กับผู้ปกครองที่ร้องขอเท่านั้น ในวันเดินทางบุตรชายของเราได้เช็คอินที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และได้รับบอร์ดดิ้งพาส 3 ใบ เนื่องจากเราได้ขอให้ฝ่าย ANA Airport Support ดูแลเป็นพิเศษ จึงมีเจ้าหน้าที่คอยรับบุตรชายของเราที่เคาน์เตอร์เช็คอิน และนำทางไปส่งที่ประตูขึ้นเครื่อง หลังจากนั้นจึงได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ และถึงสนามบินนาริตะอย่างปลอดภัยเวลา 08:05 น. ตามเวลาท้องถิ่น

เมื่อถึงสนามบินนาริตะ มีเจ้าหน้าที่สายการบินมาหาบุตรชายของเราและนำทางไปส่งที่ประตูขึ้นเครื่อง (Gate 42) เมื่อมีการประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง มีเจ้าหน้าที่ของสายการบิน ANA แจ้งกับบุตรชายของเราว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินจากชิคาโกไปบอสตัน(NH7480)จากปัญหาด้านสภาพอากาศ ทำให้ต้องรอที่สนามบิน O’Hare Airport เมืองชิคาโก เป็นเวลา 3 วัน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สายการบินแจ้งว่าทางสายการบินจะไม่จัดหาหรือชดเชยค่าโรงแรมสำหรับระยะเวลา 3 วันดังกล่าว บุตรชายของเราจึงโทรมาแจ้งให้เราทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว ข้าพเจ้าพยายามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของ ANA แต่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวดีนัก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ดังกล่าวยังตัดบทสนทนาอย่างรวดเร็ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่ละความพยายาม และได้โทรศัพท์เข้าไปใหม่อีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะพูดกับข้าพเจ้า

จากปัญหาการสื่อสารภาษาอังกฤษของเจ้าหน้าที่ ANA ดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้บุตรสาวของเพื่อนแม่ที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของ ANA ที่นาริตะ ได้ความว่าสายการบินมี 3 ทางเลือกให้กับบุตรชายของเรา ได้แก่

1) เดินทางไปยังชิคาโกตามกำหนดเดิมและรอที่สนามบิน O’Hare Airport เป็นเวลา 3 วัน เพื่อรอเที่ยวบินถัดไปที่จะเดินทางไปบอสตัน โดยที่ทางสายการบินจะไม่จัดหาหรือชดเชยค่าโรงแรมให้
2) รอที่สนามบินจนกว่าผู้ปกครองจะสามารถหาเที่ยวบินไปยังบอสตันให้ได้ โดยสายการบินไม่จัดหาหรือชดเชยค่าโรงแรมให้
3) ซื้อตั๋วโดยสารใหม่ให้บุตรชายของเราเดินทางกลับบ้าน (นาริตะ – กรุงเทพฯ)

ในตอนแรก ข้าพเจ้าตั้งใจหาบัตรโดยสารกลับบอสตันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงเริ่มหาบัตรโดยสารจากอินเตอร์เน็ต และพบเที่ยวบินไปซานฟรานซิสโก จึงมีความคิดที่จะซื้อบัตรโดยสารดังกล่าวก่อน แล้วจึงหาเที่ยวบินต่อไปยังบอสตัน เนื่องจากมีเพื่อนอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ข้าพเจ้าพยายามซื้อบัตรโดยสารจากอินเตอร์เน็ตแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงได้บอกให้บุตรชายขอให้เจ้าหน้าที่สายการบิน ANA ช่วยเหลือ แต่ได้รับการปฏิเสธ และบอกให้เราซื้อเองจากอินเตอร์เน็ต ณ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบว่าสายการบินไม่อนุญาตให้ซื้อบัตรโดยสารทางอินเตอร์เน็ตในวันเดินทาง นอกจากนั้นข้าพเจ้าไม่สามารถซื้อบัตรโดยสารจากตัวแทนสายการบินได้ เนื่องจากทุกที่ปิดทำการในวันอาทิตย์ (5 มกราคม 2557)

ในขณะที่ข้าพเจ้าพยายามหาบัตรโดยสาร บุตรชายก็พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าของ ANA แต่ไม่ได้รับการใส่ใจแต่อย่างใด เมื่อบุตรชายโทรหาข้าพเจ้าอีกครั้ง ข้าพเจ้าจึงขอคุยกับเจ้าหน้าที่ของ ANA หรือเจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าที่ประจำอยู่ที่ประตูขึ้นเครื่อง เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่โชคไม่ดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสนใจให้ความช่วยเหลือเลย เชื่อหรือไม่ว่า ถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหัวเราะใส่บุตรชายของเราเมื่อเขาบอกว่าข้าพเจ้าไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เมื่อเที่ยวบินไปชิคาโกใกล้ถึงกำหนดเวลาเดินทางออกจากนาริตะ เจ้าหน้าที่ ANA กระตุ้นให้บุตรชายของเราเดินทางไปกับเที่ยวบินดังกล่าว ทั้งๆที่ทราบดีว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่สนามบิน O’ Hare Airport เป็นเวลาถึง 3 วัน ขอย้ำว่าบุตรชายของเราอายุ 14 ปี ไม่มีบัตรเครดิต (อายุยังไม่ถึง 15 ปี ไม่สามารถมีบัตรเครดิตได้) สำหรับจ่ายค่าโรงแรม และตามกฎหมายของสหรัฐแล้ว บุคคลต้องมีอายุอย่างต่ำ 18 ปีก่อน ถึงจะสามารถเช็คอินเข้าพักในโรงแรมได้

ในที่สุด ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจไม่ให้บุตรชายบินไปชิคาโก แต่ให้รออยู่ที่สนามบินนาริตะแทน ซึ่งหลังจากเที่ยวบินดังกล่าวออกจากสนามบินนาริตะไป บุตรชายของเราก็พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งแต่ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะยุ่งจนไม่อาจพูดคุยกับเขาได้ หลังจากมีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง บุตรชายของเราจึงถามหาเที่ยวบินอื่นๆเพื่อเดินทางไปยังบอสตัน แต่เจ้าหน้าแจ้งว่าเต็มทุกเที่ยวบิน หลังจากรอเป็นเวลา 3 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่แจ้งกับบุตรชายของเราว่าสามารถหาบัตรโดยสารเดินทางกลับกรุงเทพฯ ให้ได้ในเย็นวันนั้น โดยบัตรโดยสารดังกล่าวมีราคา 80,000 บาท เมื่อบุตรชายของเราถามว่าจะสามารถซื้อบัตรโดยสารดังกล่าวได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ท่านนั้นบอกว่าสามารถซื้อให้ได้โดยใช้บัตรเครดิตของข้าพเจ้า เราไม่แน่ใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถซื้อตั๋วไปซานฟรานซิสโกให้ได้ แต่ในเวลาต่อมากลับมีเจ้าหน้าที่สามารถซื้อตั๋วกลับกรุงเทพฯโดยช้บัตรเครดิตของเราได้

ในที่สุด เจ้าหน้าที่ของ ANA ปล่อยให้บุตรชายของเราอยู่ที่ประตูขึ้นเครื่องบินเพียงลำพัง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่มาให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด บุตรชายของเราไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ Narita Airport Connecting Flight เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่หาบัตรโดยสารไปยังบอสตัน และมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกให้บุตรชายของเราไปติดต่อเคาน์เตอร์สายการบิน United Airlines หรือ เคาน์เตอร์ ANA ซึ่งเปิดให้บริการในเวลา 14:30 น. (ขณะนั้นเป็นเวลา 13:30 น.) และให้เบอร์โทรศัพท์ของสายการบิน Japan Airlines (ซึ่งมีบริการเที่ยวบินตรงไปยังบอสตัน) รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ของตัวแทน ANA

ในขณะเดียวกัน สามีของข้าพเจ้าได้ติดต่อกับสำนักงาน ANA ประจำสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำแหน่ง duty manager คือคุณ ธนเศรษฐ์ ภิญโญธนุพงศ์ หลังจากที่เราเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่บุตรชายของเราต้องติดอยู่ที่สนามบินเพียงลำพังให้กับคุณธนเศรษฐ์ทราบ คุณธนเศรษฐ์ แจ้งว่าจะขอให้เจ้าหน้าที่ ANA ที่นาริตะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังบอกให้ลูกชายของเราไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ ANA Transit (ใกล้กับประตูขึ้นเครื่อง Gate 52)

ในระหว่างที่เราพยายามติดต่อสำนักงาน ANA ที่ประจำสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ณ สนามบินนาริตะ บุตรชายของเราเดินไปติดต่อเคาน์เตอร์สายการบิน United Airlines ซึ่งอยู่ไกลออกไปค่อนข้างมาก เพื่อหาบัตรโดยสารไปบอสตัน และพบว่าเที่ยวบินไปบอสตันเต็มทุกเที่ยว ดังนั้นจึงเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ใกล้ๆกับ Gate 42 อีกครั้ง และโทรหาสายการบิน Japan Airlines เพื่อหาเที่ยวบินไปบอสตัน และพบว่ามีที่นั่งว่างในเที่ยวบินที่จะออกในวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าบอกให้บุตรชายรอ เนื่องจากต้องสอบถามถึงเรื่องที่พัก ก่อนจะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น บุตรชายของเราต้องรอ 20 นาที กว่าจะได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่เป็นตัวแทนของ ANA เกี่ยวกับบัตรโดยสาร และเช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ตัวแทนดังกล่าวแทบจะไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลย ดังนั้นบุตรชายของเราจึงได้เดินทางกลับไปที่เคาน์เตอร์ Narita Connecting Flight เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยแปลให้ ในที่สุดตัวแทน ANA ดังกล่าวจึงตกลงที่จะช่วยหาบัตรโดยสารให้ และสัญญาว่าจะติดต่อกลับ แต่ท้ายสุดแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

ข้าพเจ้าจึงบอกให้บุตรชายรีบไปพบกับเจ้าหน้าที่ ANA ที่อาจกำลังรออยู่ตามที่คุณธนเศรษฐ์(เจ้าหน้าที่ตำแหน่ง duty manager สำนักงาน ANA ประจำสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ)แจ้ง บุตรชายของเราจึงรีบไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ ANA Transit แต่ก็ไม่พบผู้ใดรออยู่ จึงรอต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งๆที่คุณธนเศรษฐ์ ยืนยันว่าจะมีเจ้าหน้าที่ ANA มาพบเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่กลับไม่มีใครมา ต่อมาคุณธนเศรษฐ์แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ ANA ยังไม่ได้ออกจากสำนักงาน จึงจะต้องใช้เวลาอีก 20 นาทีกว่าจะมาถึงจุดนัดพบ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกให้บุตรชายหาอาหารรับประทานก่อน เพราะยังไม่ได้รับประทานอะไรตั้งแต่เช้า ไม่ถึง10นาทีต่อมา คุณธนเศรษฐ์แจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ไปถึงที่จุดนัดพบแล้ว ข้าพเจ้าจึงรีบโทรบอกบุตรชายและบอกให้เลิกรออาหาร แต่ให้รีบกลับไปยังจุดนัดพบแทน แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบผู้ใดรออยู่ ข้าพเจ้าจึงโทรหาคุณธนเศรษฐ์ อีกครั้งและถามว่าเหตุใดจึงไม่มีเจ้าหน้าที่มารอที่จุดนัดพบตามแจ้ง และได้รับคำอธิบายว่า ถึงมีเจ้าหน้าที่ไปพบก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้

ในขณะที่รอให้บุตรชายได้พบกับเจ้าหน้าที่ของ ANA คุณธนเศรษฐ์ และข้าพเจ้าได้หารือเพื่อหาทางออกอื่นๆ อาทิ หาบัตรโดยสารไปบอสตัน หรือ กลับกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าแจ้งกับคุณธนเศรษฐ์ ว่าอยากหาบัตรโดยสารไปบอสตันตามความประสงค์ของบุตรชายมากกว่า อันที่จริงแล้วบุตรชายของเราสามารถหาที่นั่งว่างของสายการบิน Japan Airlines แต่ต้องเดินทางในวันรุ่งขึ้น (6 มกราคม 2557) ซึ่งหมายความว่าจะต้องพักค้างคืนในโรงแรมใกล้เคียงสนามบินนาริตะ 1 คืน ข้าพเจ้าจึงหาโรงแรมให้กับบุตรชาย และขอให้คุณธนเศรษฐ์ ถามเจ้าหน้าที่ ANA ที่นาริตะว่าจะสามารถไปส่งบุตรชายของเราที่โรงแรมและรับกลับมาที่สนามบินในวันรุ่งขึ้นได้หรือไม่ และได้รับคำตอบว่าเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงไปส่งที่สถานีรถโดยสาร และให้บุตรชายของเราหาทางไปโรงแรมและกลับไปยังสนามบินด้วยตนเองในวันรุ่งขึ้น

ในที่สุด ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจให้บุตรชายเดินทางกลับกรุงเทพ และถามคุณธนเศรษฐ์ เรื่องการชำระค่าโดยสาร คุณธนเศรษฐ์แจ้งว่าไม่จำเป็นต้องชำระค่าโดยสารแต่อย่างใด เนื่องจากมีบัตรโดยสารไปกลับ กรุงเทพ – บอสตัน อยู่แล้ว ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่ ANA สนามบินนาริตะแจ้งก่อนหน้านี้ว่า จะต้องชำระค่าโดยสารสำหรับนาริตะ – กรุงเทพฯ จำนวน 80,000 บาท
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
อ่านที่คุณโพสแล้ว จากประสบการณ์ใช้หลายสายการบินและเคยติดอยู่ที่O’Hare และไม่มีไฟล์ทในอีกสองวันถัดไปมาเหมือนกัน

และเพิ่งเจอยกเลิกเที่ยวบินที่คุนหมิงมาสดๆร้อน ถือว่าขอแชร์ความคิดเห็นก็แล้วกันนะคะ

กรณีจัดหาที่พักและอาหารกรณีเที่ยวบินยกเลิกหรือดีเลย์

ทุกสายการบินเหมือนกันนะคะ ถ้ายกเลิกกระทันหันประมาณว่าไปเช็คอินแล้วดีเลย์ยกเลิก แบบนี้สายการบินต้องรับผิดชอบจัดหาที่พักและอาหารให้ แต่ถ้าสายการบินแจ้งยกเลิกล่วงหน้าแบบนี้ไม่มีสายการบินไหนจัดหาที่พักและอาหารให้ค่ะ

กรณีของลูกคุณมันเป็นการยกเลิกล่วงหน้า และจากวันเวลาที่ระบุ สภาพอากาศเลวร้ายที่เที่ยวบินยกเลิกมามีมาต่อเนื่องก่อนหน้าเที่ยวบินของลูกคุณอีก กรณีนี้สายการบินไหนก็ไม่รับผิดชอบจัดหาที่พักให้ค่ะ

การบริการดูแลเด็กทีไ่ม่มีผู้ปกครองไปด้วย

ก็เห็นมีบริการทุกสายการบินโดยเขาบริการ point to point โดยพนักงานภาคพื้น ส่งต่อให้กับพนักงานบนเครื่องเป็นจุดต่อจุด ไม่ได้มีพนักงานดูแลเด็กไปตลอดทาง ที่สำคัญสายการบินเขาดูแลในเรื่องการเดินทางต่อเครื่องส่วนกรณีมีเที่ยวบินดีเลย์ยกเลิก มันจำเป็นต้องอาศัยการตัดสินใจของตัวผู้โดยสารเองซึ่งกรณีนี้ผู้โดยสารก็ตัดสินใจเองไม่ได้

ดิฉันเข้าไปดูรายละเอียดบริการที่คุณระบุมา

http://www.ana.co.jp/wws/sg/e/asw_common/checkin/rakunori/kids/#anch01


เที่ยวบินที่ NH 7480 ชิคาโก - บอสตัน ออกจากชิคาโกเวลา 10:07 น. ถึงบอสตันเวลา 13:22 น. เที่ยวบินนี้น่าจะเป็น code share flight กับ UA หรือ US airways

ปัญหาคือ sector BKK-NRT-ORD มันไม่ได้มีปัญหาใดๆ และสายการบินเขาก็ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่าง

แต่ Sector ORD-BOS มันถูกยกเลิกล่วงหน้าแล้ว ในกรณีนี้แม้ว่าผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่ก็จะได้รับการแจ้งข้อมูลให้ทราบตั้งแต่เคาว์เตอร์เชคอินหรือจุดทรานสิทที่นาริตะ เพื่อผู้โดยสารต้องตัดสินใจว่าจะเดินทางต่อหรือไม่

ถ้าเดินทางต่อ ผู้โดยสารได้รับทราบแล้วว่าจะต่อไฟล์ทต่อไปไม่ได้ ต้องจัดการปัญหานี้เอง หรือจะเลื่อนไฟล์ท เปลี่ยนเส้นทาง หรือทำอะไรตามที่ตัดสินใจ โดยเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงตามตั๋วที่ซื้อมา

กรณีนี้ถ้าผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่ก็จะไม่ได้รับการจัดหาที่พักใดๆ่เช่นกัน

คงมีหลายคนถามว่า อ้าวแล้วถ้าเกิดแบบนี้จะให้ทำอย่างไร  คำตอบคือ ซื้อประกันการเดินทางค่ะ

แต่สำหรับกรณีเด็กที่ตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ แม้ว่าจะซื้อประกันการเดินทาง ซึ่งต้องขอเอกสารจากสายการบินมาเคลมและหาที่พักเอง ก็คงลำบากที่จะทำได้ค่ะ

สายบินจัดการปัญหาเที่ยวบินที่ชิคาโกให้ไม่ได้ค่ะ แม้ว่าจะ code share หรือซื้อรวมในตั๋วเีดียวกันก็ตาม ทำได้มากที่สุดคือหาเที่ยวบินหรือเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินให้เท่าที่จะทำได้

อยากบอกว่าเวลามีไฟล์ทยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงจากสภาพอากาศซึ่งจะไม่ใช่ไฟล์ทเดียวหรือไม่กี่ไฟล์ทนี่ สภาพเคาว์เตอร์สายการบินคือ จะถูกมุงไปด้วยผู้โดยสารที่เดือดร้อนจากการยกเลิกเที่ยวบินเต็มไปหมด

ที่จีนมีทะเลาะกัน เึถียงกัน ด่ากัน แทบจะวางมวยกันด้วยซ้ำไป

มันจึงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่สายการบินบริการให้คุณได้ทันใจแบบที่คุณคิดไ้ม่ได้

ที่สำคัญการจะได้ย้ายไฟล์ทหรือไม่ไปไฟล์ทไหนได้บ้าง จะเป็นการตัดสินใจจากพนักงานที่ชิคาโก และดูเหมือนว่ายกเลิกหมดและหลายวันด้วย มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปรอต่อไฟล์ทที่สนามบินปลายทางถ้าไม่เปลี่ยนเส้นทาง

เราคิดว่ากรณีนี้มันต้องเป็นการตัดสินใจของผู้โดยสารหรือผู้ปกครองเองไม่ใช่สายการบิน ซึ่งลำบากมากในกรณีลูกคุณ

จากรายละเอียดข้างบน อายุลูกคุณสามารถเดินทางเองได้และมีบริการ on request เท่านั้นไม่ได้ถือว่าจำเป็นต้องมีด้วยซ้ำ และมีเงื่อนไขว่าเด็กต้องดูแลตัวเองได้

หลายๆอย่างที่คุณร้องขอสายการบินทำให้มันเกินขอบเขตของการบริการดูแลเด็กไปแล้วคะ่ และคิดว่าสายการบินไหนก็ทำให้คุณไม่ได้เช่น

ในตอนแรก ข้าพเจ้าตั้งใจหาบัตรโดยสารกลับบอสตันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงเริ่มหาบัตรโดยสารจากอินเตอร์เน็ต และพบเที่ยวบินไปซานฟรานซิสโก จึงมีความคิดที่จะซื้อบัตรโดยสารดังกล่าวก่อน แล้วจึงหาเที่ยวบินต่อไปยังบอสตัน เนื่องจากมีเพื่อนอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ข้าพเจ้าพยายามซื้อบัตรโดยสารจากอินเตอร์เน็ตแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงได้บอกให้บุตรชายขอให้เจ้าหน้าที่สายการบิน ANA ช่วยเหลือ แต่ได้รับการปฏิเสธ และบอกให้เราซื้อเองจากอินเตอร์เน็ต ณ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบว่าสายการบินไม่อนุญาตให้ซื้อบัตรโดยสารทางอินเตอร์เน็ตในวันเดินทาง นอกจากนั้นข้าพเจ้าไม่สามารถซื้อบัตรโดยสารจากตัวแทนสายการบินได้ เนื่องจากทุกที่ปิดทำการในวันอาทิตย์ (5 มกราคม 2557)

ตรงนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เจ้าหน้าที่หน้าประตูทางออกขึ้นเครื่องจะทำอะไรให้คุณได้คะ

ในขณะที่ข้าพเจ้าพยายามหาบัตรโดยสาร บุตรชายก็พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าของ ANA แต่ไม่ได้รับการใส่ใจแต่อย่างใด เมื่อบุตรชายโทรหาข้าพเจ้าอีกครั้ง ข้าพเจ้าจึงขอคุยกับเจ้าหน้าที่ของ ANA หรือเจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าที่ประจำอยู่ที่ประตูขึ้นเครื่อง เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่โชคไม่ดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสนใจให้ความช่วยเหลือเลย เชื่อหรือไม่ว่า ถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหัวเราะใส่บุตรชายของเราเมื่อเขาบอกว่าข้าพเจ้าไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เมื่อเที่ยวบินไปชิคาโกใกล้ถึงกำหนดเวลาเดินทางออกจากนาริตะ เจ้าหน้าที่ ANA กระตุ้นให้บุตรชายของเราเดินทางไปกับเที่ยวบินดังกล่าว ทั้งๆที่ทราบดีว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่สนามบิน O’ Hare Airport เป็นเวลาถึง 3 วัน ขอย้ำว่าบุตรชายของเราอายุ 14 ปี ไม่มีบัตรเครดิต (อายุยังไม่ถึง 15 ปี ไม่สามารถมีบัตรเครดิตได้) สำหรับจ่ายค่าโรงแรม และตามกฎหมายของสหรัฐแล้ว บุคคลต้องมีอายุอย่างต่ำ 18 ปีก่อน ถึงจะสามารถเช็คอินเข้าพักในโรงแรมได้

กรณีที่เกิดกับลูกคุณนี่ ต่อให้ผู้โดยสารเป็นผู้ใหญ่เดินทาง ก็ต้องแก้ปัญหากันหัวหมุนอยู่แล้ว นี่เป็นเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย น่าสงสารเด็กมากเลยคะ่


เรื่องการซื้อตั๋ว ราคาตั๋ว มันต้องซื้อในจุดขายตั๋วอยู่แล้วค่ะไม่ใช่ีว่าจะซื้อตรงไหนก็ได้
จากที่คุณเล่ามาสายการบินผิดตรงที่ เมื่อผู้โดยสารไม่ได้ขึ้นเครื่องไปแล้ว ทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่มาดูแลเด็กหรือนำเด็กไปส่งต่อให้พนักงานภาคพื้นที่จะต้องดูแลเด็กต่อ ปล่อยใ้ห้เด็กอยู่คนเดียวได้อย่างไร แต่ก็อีกแหละ กฏของสายการบินเขาอายูเท่าลูกคุณสามารถเดินทางคนเดียวได้


จากกรณีนี้มันต้องมาดูตั้งแต่

การตัดสินใจให้เด็กเดินทางคนเดียวว่า เส้นทางเป็นอย่างไร ต่อเครื่องกี่ต่อ เด็กช่วยเหลือตัวเองได้แค่ไหน ถ้าเกิดเที่ยวบินดีเลย์ยกเลิกจะทำอย่างไร เด็กสามารถตัดสินใจหรือแก้ปัญหาได้ไหม ก่อนจะตัดสินใจให้เด็กเดินทางคนเดียว

ศึกษาบริการของสายการบินด้วยว่า มันครอบคลุมแค่ไหน มีเงื่อนไขอะไรบ้าง  สิ่งที่คุณคาดหวังให้สายการบินดำเนินการดูแลลูกคุณนั้นไม่ใช่แค่ดูแลระหว่างเดินทาง แต่ต้องขนาดให้พนักงานสายการบินเป็นเสมือนผู้ปกครองของเด็กเลยที่เดียว

ส่วนเรื่องตั๋วกลับราคาแพงนั้น การซื้อตั่วเที่ยวเดียวหรือซื้อในวันเดินทางราคาแพงอยู่แล้ว และตั๋วเครื่องบินแต่ละเส้นทางมันเอามาใช้แทนกันไม่ได้ ที่คุณถามว่ามีตั๋วไปชิคาโก บอสตันยังไม่ได้ใช้ทำไมต้องเสียค่าตั๋วกลับถึงแปดหมื่น ก็เพราะมันคนละตั๋วกันไงคะ ตั๋วเครื่องบินไม่ใช่ธนบัตรจะได้เอามาใช้ซื้อตั๋วใหม่ได้ ถ้าซื้อไม่ได้ใช้ก็รีฟันด์คืนตามเงื่อนไขตั๋ว ต้องแยกแยะออกจากกันค่ะ

ที่มาแสดงความเห็นนี้ไม่ได้เป็นพนักงานสายการบิน ขึ้น ANA ครั้งสุดท้าย 2010 แต่ไม่อยากให้มีการด่าตามน้ำโดยที่คนด่าก็ไม่รู้ว่า้ข้อเืท็จจริงคืออะไร

จะใช้บริการอะไรควรศึกษาเงื่อนไขและขอบเขตของบริการด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าซื้อแล้วจะได้ดั่งใจทุกอย่างค่ะ
ความคิดเห็นที่ 19
ผมเบื่อเหลือเกินครับกับการยกเงื่อนไขการบริการมาเป็นตั้งๆ ใช่ครับเราว่ากันด้วยเงื่อนไข และยึดถือเงื่อนไขกันเป็นหลัก

แต่ในเมื่อมันมีเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วเด็กอยู่ในภาวะอยู่เพียงลำพัง โดยที่วุฒิภาวะน้อยไปจนมิอาจจะตัดสินใจใดๆ ได้นั้น
ต่อให้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สายการบิน เป็นคนทั่วๆ ไป ก็ควรเข้ามาให้ความช่วยเหลือ มาดูแลเป็นกรณีพิเศษแล้วครับ ไม่ใช่ปล่อยเด็กไว้ตามลำพังแบบนั้น

ยิ่งเป็นพนักงานบริการ ยิ่งเป็นบริการที่ต้องดูแลเด็กด้วยแล้ว จิตสำนึกของการบริการ ก็ต้องทราบดีว่าควรดูแลเด็กเป็น priority แรกสุดที่จะให้การช่วยเหลือแล้วล่ะครับ เพราะเขาคือ "เด็ก" นะครับ อย่างน้อยการช่วยเหลือของสายการบิน มันก็ต้องอยู่ในจุดที่พิเศษกว่าปกติอยู่แล้ว แม้ว่าสายการบินจะอ้างได้ว่าเป็นเพราะสภาพอากาศจึงงดไฟลท์บินก็ตาม แต่ใช่ว่าทุกอย่างต้องว่าไปตามนั้น กรณีช่วยเหลือผู้โดยสารเป็นกรณีพิเศษนั้นสายการบินสามารถทำได้ถ้ามีจิตการบริการมากพอ โดยเฉพาะกับเด็ก

เด็ก ไม่ใช่ผู้ใหญ่ และอย่าเอามาตรฐานการดูแลของผู้ใหญ่ มาใช้กับเด็ก
ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะคำว่า การดูแลเด็ก มันคงอยู่ในจิตสำนึกของทุกคนอยู่แล้ว ว่าต้องทำอย่างไร
แต่ถ้าอธิบายแล้วจิตใจของผู้รับฟังนั้นหยาบกระด้างไป ก็อาจจะไม่เข้าใจ
ความคิดเห็นที่ 22
ฉันก็เบื่อเหลือเกินพวกไม่สนกฏ กติกา แต่สนความต้องการของตัวเอง แทนที่จะรักษาสิทธิ์ด้วยการรู้กฏ กติกา กลับไม่ดูแลรักษาสิทธิและหน้าที่ตัวเอง กลับไม่สนใจ พอปัญหาเกิดกลับเรียกร้องให้สังคมแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อ

เอะอะก็จิตสำนึกของการบริการ แต่ไม่เคยเห็นคำนึงถึงจิตสำนึกของผู้รับบริการ จิตสำนึกขั้นพื้นฐานที่จะดูแลตัวเอง

เด็ก ไม่ใช่ผู้ใหญ่ และอย่าเอามาตรฐานการดูแลของผู้ใหญ่ มาใช้กับเด็ก

มันไม่มีมาตรฐานเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่มีมาตรฐานของผู้โดยสาร  กลับไปอ่านเงื่อนไขก่อนซื้อตั๋วก่อนดีไหมก่อนจะมาอ้าง

หรือว่าทั้งชีวิตไม่เคยคิดอะไรไกลกว่าปลายหัวแม่เท้าตัวเองเลย รู้แค่นั้นแหละ ทีเ่หลือสังคมต้องรับผิดชอบ
ความคิดเห็นที่ 4
เราอยากสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับลูกเราว่า

มันไม่ใช่ความโชคร้าย : เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม หรือ ความคาดหมาย
มันไม่ใช่ความผิดพลาด (Human Mistake) : เพราะมันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกินกว่าการไตร่ตรองและระมัดระวัง
แต่เราเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น : เพราะ
1. มันเป็นความด้อยมาตรฐานในวิชาชีพการให้บริการทางการบิน ที่ ANA ได้แสดงออกให้เห็นแล้วว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยกับผู้โดยสาร แม้แต่ผู้โดยสารที่เป็นผู้เยาว์ ที่ทุกสายการบินต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก
2. มันเป็นความด้อยมาตรฐานในการคัดสรรบุคลากร ให้ได้มาตรฐานในการปฏิบัติงาน ที่ ANA ได้แสดงออกให้เห็นแล้วว่า ไม่สามารถสื่อสารกับผู้โดยสารต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษากลางได้
3. มันเป็นความด้อยมาตรฐานในการอบรมบุคลากร ให้มีจิตสำนึก และจรรยาบรรณ ในวิชาชีพบริการ ที่ ANA ได้แสดงออกให้เห็นแล้วว่า เลือกปฏิบัติกับผู้โดยสารที่ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา จะให้คำปรึกษาและพูดคุยเฉพาะกับผู้ที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น และได้แสดงมารยาทอันไม่สมควรต่อผู้โดยสารที่เป็นผู้มีอุปการคุณ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เป็นการกระทำต่อผู้เยาว์ที่เดินทางโดยลำพัง และ ANA ได้แสดงออกให้เห็นแล้วว่า ANA ขาดวุฒิภาวะ โกหก หลอกลวง ซึ่งหน้า ไม่มีความซื่อสัตย์ และ ไร้ความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะบริการ “ Kids Rakunori” เจ้าหน้าที่ ANA ละเลยหน้าที่ทิ้งผู้เยาว์อย่างไร้จิตสำนึก ทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้
และยังโกหก หลอกลวง ซึ่งหน้าว่าไปรอที่นัดหมายแล้ว หลายกรรมหลายวาระ และเมื่อถูกจับได้ยังไร้ซึ่งความสำนึกผิด
จึงอยากถามทิ้งท้ายว่า ถ้าเด็กคนนั้นเป็นเด็กญี่ปุ่นเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ครับ เจ้าหน้าที่ ANA ทุกท่าน
ความคิดเห็นที่ 116
คาใจกับกรณีนี้มากเลยไปหาข้อมูลมาเพิ่มค่ะ
เพราะเราคิดว่าที่อเมริกามีการยกเลิกเที่ยวบินบ่อยมาก
เลยอยากรู้ว่ามันเคยมีกรณีแบบนี้มั้ย(เด็กต่ำกว่า 18 ต้องค้างคืน)

สรุปที่ไปหาข้อมูลมา
1 . ลูกคุณเจ้าของกระทู้ไม่เข้าข่ายผู้ใช้บริการ Kids Rakunori ค่ะ
เพราะเค้าเขียนไว้ชัดเจนตรง banner รูปเด็กว่าสำหรับอายุ 5-11 ปีเท่านั้น
http://www.ana.co.jp/wws/us/e/asw_common/checkin/rakunori/kids/#anch01

2. จาก banner ในลิงค์ข้างต้น เค้ามีดอกจันเอาไว้ด้วย
ว่าถ้าต้องการให้ดูแลผู้เยาว์อายุ 12 - 16 เค้าจะมี ANA Airport Support แทน
ซึ่งบริการก็จะแตกต่างจาก Kids Rakunori อันนี้คือแค่พาไปเกทเฉยๆ
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินจึงไม่ได้ติดต่อผู้ปกครองโดยตรง

3. สรุปว่าลูกคุณใช้ ANA Airport Support งั้นเราไปดูเงื่อนไขกันค่ะ
http://www.ana.co.jp/wws/us/e/asw_common/checkin/airport_support/
ตรง Eligible Customers มีตัวแดงเขียนไว้เห็นได้ชัดมาก
ว่าเป็นบริการของไฟลท์ที่ operated by ANA เท่านั้น
ถ้าเป็น codeshare flight ต้องไป check กับสายการบินนั้นๆเอาเอง

4. จากข้อสาม ไฟลท์ที่มีปัญหาคือไฟลท์ที่ operated โดย United Airline
ในส่วนของ ANA เค้ามีหน้าที่รับผิดชอบตามคำร้องขอของคุณแค่พาเด็กไปที่เกทที่นาริตะเท่านั้น
สมมติว่าไฟลท์ไม่ยกเลิก ลูกคุณน่าจะโดนปล่อยเคว้งให้ขึ้นเครื่องเองที่ชิคาโก้อยู่ดี
ถ้าคุณไม่ได้ไปติดต่อขอใช้บริการ Unaccompanied Minor กับ UA ไว้ก่อน
อย่างมากที่ ANA จะทำให้ที่ชิคาโก้(ซึ่งอาจจะไม่ทำก็ได้) คือพาเดินจากเครื่องไป immigration

5. บริการ unaccompanied minor ในอเมริกาต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ไปหาอ่านมาว่าเคยมีกรณีที่ผู้เยาว์ต้องค้างคืนเพราะไฟลท์ดีเลย์แบบนี้มั้ย
ไปเจอมาว่ามีบางสายการบินเคยเจอกรณีแบบนี้ แต่แค่ค้างคืนเดียว
ที่เค้าทำคือให้เลือกว่าจะไปอยู่โรงแรมมั้ย จะมีพนักงานไปนอนด้วย
แต่ถ้าไม่ไป หรือสายการบินไม่มีคนไปอยู่ด้วย ก็จะให้เด็กนอนที่สนามบิน
ซึ่งก็แล้วแต่สายการบิน บางเจ้าก็จะให้นอนใน lounge ของสายการบิน
ซึ่งก็คงมีพนักงานประจำอยู่เป็นเวรอยู่แล้ว

6. กรณีไฟลท์ยกเลิกที่ชิคาโก้ มีผู้โดยสารตกค้างน่าจะหลายพันหรืออาจถึงหมื่น
จำข่าวได้ว่ามีคนนอนค้างที่สนามบินกันเยอะมาก ในนี้ก็น่าจะมีผู้เยาว์อยู่ด้วยแน่ๆ
แต่ยังหาไม่เจอว่าเค้าแก้ปัญหายังไง ให้เดาก็คงให้นอนที่สนามบินกันหมด

7. กรณีที่เกิดขึ้นที่นาริตะ คิดว่าส่วนนึงเพราะไปติดต่อผิดที่และเข้าใจผิดเรื่องบริการ
พนักงานที่เกทไม่น่าจะมีอำนาจตัดสินใจเรื่องซื้อขายตั๋วเที่ยวบินอื่นได้เลยปฏิเสธ
และจากที่เคยเจอ ความสามารถทางภาษาอังกฤษจะน้อยกว่าตรงเคาน์เตอร์จุดอื่น
คงเพราะหน้าที่หลักคือการเช็คความเรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องใช้ทักษะภาษามากนัก
เมื่อไม่มีอำนาจตัดสินใจ ทักษะทางภาษาจำกัด และมีงานตรงหน้ากับผู้โดยสารอื่นอีกหลายร้อย
เลยไม่สามารถช่วยอะไรลูกชายเจ้าของกระทู้มากไปกว่านั้น และจำเป็นต้องตัดบทการสนทนา
เพราะกำลังจะต้องบริการผู้โดยสารอีกหลายร้อยให้เครื่องสามารถออกได้ตรงตามกำหนดเวลา
เท่าที่เจอมา เจ้าหน้าที่ตรง transit center ทั้งของนาริตะและของ ANA เองจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว
ถ้าไปติดต่อเรื่องเปลี่ยนเที่ยวบินหรืออะไรกับตรงนั้นแต่แรก น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้
หรือถ้าไปติดต่อกับ UA โดยตรง อาจได้คำตอบเรื่องที่ชิคาโก้ได้ชัดเจนกว่า

8. กรณีนี้เราไม่ได้จะตำหนิอะไรเจ้าของกระทู้นะคะ
แต่เราว่าเป็นบทเรียนที่น่าสนใจสำหรับผู้ปกครองที่จะให้ลูกเดินทางลำพัง
ว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้าง และยิ่งถ้าเป็นเที่ยวบิน codeshare ด้วยแล้วต้องเตรียมยังไง
เราว่าลองส่งเรื่องไปที่ ANA ดูก็ดีค่ะ เค้าอาจจะไม่ชดใช้อะไรให้เรา
แต่อย่างน้อยเค้าก็จะได้รู้ถึงปัญหาว่าเค้าจะเอาไปปรับปรุงตรงไหนได้บ้าง
เช่นถ้าเกททำอะไรไม่ได้ ก็ต้องบอกให้ไปติดต่อตรงเคาน์เตอร์อื่นที่ทำได้
แทนที่จะพยายามแก้ปัญหาทั้งๆที่ทักษะภาษาอังกฤษจำกัด และทางเลือกจำกัด
หรือเจ้าหน้าที่ทางไทยก็ควรจะอธิบายเรื่องความแตกต่างของ Kids Rakunori ตั้งแต่แรก
ว่าแตกต่างกับ ANA Airport Support ยังไง และมันไม่ได้ครอบคลุมไปถึงขาสุดท้ายนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่