ตกลงเรื่องบ่อน้ำมันแหล่งนงเยาว์ที่สลิ่มแชร์ว่าแม้วประเคนให้ดูไบ สัมปทานเริ่มในยุคของรัฐบาลยุคไหนครับ ปี2550ใครเป็นรัฐบาล

กระทู้สนทนา
ที่มา http://www.ispacethailand.com/187.html โดย Energyman
บริษัท มูบาดาลาปิโตรเลียม ได้รับอนุมัติการผลิตปิโตรเลียมในแหล่งนงเยาว์ที่อยู่ในอ่าวไทย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2556 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์  โดยแหล่งนี้มีปริมาณสำรองถึง 12.4 ล้านบาร์เรล ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างบริษัทสร้างแท่นผลิต เพื่อเตรียมพัฒนาแหล่งและขุดเจาะหลุมผลิต คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2558 มีกำลังการผลิตถึง 15,000 บาร์เรลต่อวัน (1) ต่อมามีผู้พยายามโยงให้เห็นว่า การได้รับสิทธิการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งดังกล่าวนั้น ว่าเป็นการต่างตอบแทนของ “ดีล” ในการซื้อขายสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากการตรวจสอบที่มาที่ไปของการได้มาของแหล่งนงเยาว์นี้ ดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า “ทักษิณ” จะมีอำนาจอะไรที่จะให้สัมปทานแหล่งนี้กับ กลุ่มมูบาดาลา

คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค ซีอีโอของสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ นั้น มีอีกบทบาทหนึ่งก็คือเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มมูบาดาลา อีกด้วย ซึ่งนายสรรเสริญ สมะลาภา อดีต สส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีความพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 และนำเอาแผนผังการเชื่อมโยงมาโพสท์ซ้ำอีกครั้งบนเฟสบุ๊ค เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2557 ดังนี้ (2)

โพสท์บนเฟสบุ๊คของนายสรรเสริญ สมะลาภา อดีต สส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2557

  
      ”เป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ลงข่าวหน้า 1: เพื่อนแม้วฮุบพลังงานอ่าวไทย

         กลุ่มอาบูดาบี ซี้แม้วเขมือบแหล่งน้ำมันนงเยาว์ในอ่าวไทยกว่า 12.4 ล้านบาร์เรล “มูบาดาลาปิโตรเลียม” ประกาศว่าจ้างบริษัทสร้างแท่นผลิตแล้ว เตรียมขุดเจาะกลางปีหน้า เผยแอบอนุมัติเมื่อสิงหาคม 2556 แถมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังป้อนแหล่งมโนราห์ให้ก่อนหน้านั้น กลายเป็นผู้ได้รับสัมปทานรายใหญ่อันดับ 3 ในไทย ย้อนคำอภิปราย “สรรเสริญ” เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับทักษิณ
http://www.thaipost.net/news/160114/84666

         ผมขอแสดงความสัมพันธ์ทางธุรกิจของ “มูบาดาลา” กับ “ทักษิณ” โดยใช้รูปนี้ครับ

         รูปบน แสดงว่าบริษัทเพิร์ลออย (บริษัทลูกของเพิร์ลเอนเนอร์ยี่) มีประวัติยาวนาน แต่เมื่อเพิร์ลเอนเนอร์ยี่ถูกมูบาดาลาซื้อ พล.อ.เตีย บัน ก็ให้สัมภาษณ์ว่าทักษิณจะลงทุนในธุรกิจพลังงาน และบริษัทเพิร์ลออยก็ย้ายสำนักงานมาที่อาคารชินวัตร 3

         รูปล่าง แสดงว่าประธานมูบาดาลา (ชีค โมฮัมหมัด) เป็นพี่ชายของคนที่ซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากทักษิณ (ชีค มานซูร์) และทั้งคู่เป็นคณะมนตรีพลังงานของอาบูดาบี การซื้อสโมสรฟุตบอลนั้นไม่ใช่ซื้อแบบธรรมดา เพราะทักษิณซื้อมา 5,000 ล้าน แต่ขายให้ชีค มานซูร์ 10,000 ล้าน ทั้งๆ ที่บริหารมาประมาณ 1 ปี ขาดทุนเพิ่ม 1,700 ล้าน และมีหนี้เพิ่ม 3,900 ล้าน

         อย่างนี้ไม่เรียกว่าต่างตอบแทนแล้ว จะเรียกว่าอะไร”


ซึ่งการพยายามเชื่อมโยงของนายสรรเสริญ สมะลาภา นั้นจะบอกว่าประธานกลุ่มมูบาดาลาและซีอีโอสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ย่อมรู้จักสนิทสนมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างดี เพราะการซื้อขายสโมสรฟุตบอลดังกล่าวมูลค่าเป็นหมื่นล้านนั้นเป็นเรื่องจริง ก็ไม่แปลกอะไร (3) แต่จะเกี่ยวข้องกับการให้สัมปทานแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็กลายเป็นเรื่อง “โอละพ่อ” ขึ้นมาหลังจากทีมงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” ที่บริษัทกลุ่มมูบาดาลา ได้รับสิทธิการผลิตเมื่อปีที่แล้ว มีที่มาที่ไปอย่างไร ตามข้อมูลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ปรากฎว่า แหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” ของบริษัท มูบาดาลา นั้นอยู่ในแปลง G11/48 ซึ่งเป็นแปลงสัมปทานที่ออกเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 มกราคม 2550 โดยมี ดร.ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นั่นเอง และแปลงนี้อยู่ในน่านน้ำประเทศไทยทั้งหมด (4) (5) (6) นั่นหมายความว่า “ทักษิณ” ย่อมไม่มีอำนาจใดๆเลยที่จะกำหนดให้ใครได้เป็นผู้รับสัมปทานในรัฐบาลที่เกิดหลังจากการรัฐประหารรัฐบาลของทักษิณเอง ดังนั้นประเด็นนี้จึงตกไปอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งเวลานั้นผู้ที่ได้รับสัมปทานคือบริษัทเพิร์ลออยล์ เอนเนอร์ยี่ สัญชาติสิงคโปร์ ต่อมาก็ได้ขายกิจการให้มูบาดาลา ในปี 2551 (7) ซึ่งก็เป็นเรื่องของสองบริษัทที่จะตกลงกันเอง หลังจากมูบาดาลาได้ซื้อกิจการก็ได้ดำเนินการสำรวจต่อ และการที่บริษัทมูบาดาลา ได้รับสิทธิผลิตปิโตรเลียมเมื่อปีที่แล้วในรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ” หรือไม่ ก็ต้องไปดูในข้อกฎหมายของเงื่อนไขการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมใน พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 (แก้ไขเมื่อ พ.ศ. 2532) ดังนี้ (8) (9)

         “มาตรา ๒๕ ระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมตามสัมปทานให้มีกำหนดไม่เกินหกปีนับแต่วันให้สัมปทาน
ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานประสงค์จะขอต่อระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมให้ผู้รับสัมปทานยื่นคำขอต่อระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียม พร้อมกับเสนอข้อผูกพันในด้านปริมาณเงินปริมาณงาน หรือทั้งปริมาณเงินและปริมาณงานสำหรับการสำรวจปิโตรเลียมในช่วงข้อผูกพันช่วงที่สามก่อนสิ้นระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมไม่น้อยกว่าหกเดือน แต่ถ้าผู้รับสัมปทานขอสำรวจ ปิโตรเลียมไม่เกินสามปี ไม่มีสิทธิขอต่อระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมอีก
         การต่อระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมให้กระทำได้เมื่อผู้รับสัมปทานได้ปฏิบัติตามสัมปทานทุกประการและได้ตกลงในเรื่องข้อผูกพันช่วงที่สาม สำหรับการสำรวจปิโตรเลียมก่อนสิ้นช่วงข้อผูกพันช่วงที่สองไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
         การต่อระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียม ให้กระทำได้เพียงครั้งเดียวเป็นเวลาไม่เกินสามปี”

         “มาตรา ๒๖ ระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมตามสัมปทานให้มีกำหนดไม่เกินยี่สิบปีนับแต่วันถัดจากวันสิ้นระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียม แม้จะมีการผลิตปิโตรเลียมในระหว่างระยะเวลาสำรวจปิโตรเลียมด้วยก็ตาม”

         “มาตรา ๔๒ ก่อนผลิตปิโตรเลียมจากที่ใดที่หนึ่งในแปลงสำรวจ ผู้รับสัมปทานต้องแสดงว่าได้พบหลุมปิโตรเลียมที่มีสมรรถนะเชิงพาณิชย์และได้กำหนดพื้นที่ผลิตถูกต้องแล้ว และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีโดยอนุมัติของรัฐมนตรีแล้ว จึงจะผลิตปิโตรเลียมจากพื้นที่ผลิตนั้นได้
         การกำหนดสมรรถนะเชิงพาณิชย์ของหลุมปิโตรเลียมและการกำหนดพื้นที่ผลิตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง”

การประกอบกิจการปิโตรเลียมในประเทศไทย โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน

จากกฎเกณฑ์การได้รับสิทธิการผลิตปิโตรเลียมข้างบนพบว่า ผู้ที่ได้รับสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมนั้นจะได้รับสิทธิการผลิตหลังจากผู้รับสัมปทานนั้นสำรวจพบปิโตรเลียมในเชิงพาณิชย์ในระยะเวลาไม่เกิน 6 ปี ก็สามารถขออนุมัติที่จะผลิตปิโตรเลียมนั้นได้ตามขั้นตอนได้เลย (10) ซึ่งทุกอย่างได้ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องทุกประการตามที่อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ชี้แจงไว้แล้ว (11)

กล่าวโดยสรุปว่า ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ต้องการจับแพะชนแกะเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเพื่อให้ “ทักษิณ” มีเอี่ยวกับแหล่งพลังงานในอ่าวไทยของ “มูบาดาลา” ให้ได้ โดยแท้จริงแล้วบริษัทมูบาดาลา (เพิร์ลออยล์ เดิม)ได้รับสัมปทานสำรวจแปลงนี้ตั้งแต่ ปี 2550 ในรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งแน่นอนว่า “ทักษิณ” ไม่มีเอี่ยวอะไรแน่นอนในการอนุมัติสัมปทานในรัฐบาลที่เกิดหลังจากการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณเอง และ การได้รับสิทธิผลิตในปี 2556 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น ก็เป็นการอนุมัติพื้นที่ผลิตให้บริษัทมูบาดาลา ตามขั้นตอน หลังจากบริษัทมูบาดาลา ลงทุนสำรวจแล้วพบปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 ปีแล้วนั่นเอง ดังนั้น “ทักษิณ” จึงไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆเลยที่จะไปอุ้ม “มูบาดาลา” ให้ได้สิทธิการผลิตปิโตรเลียมในแหล่ง “นงเยาว์” ที่มีปริมาณสำรองถึง 12.4 ล้านบาร์เรล คิดเป็นปริมาณเท่ากับความต้องการใช้ของประเทศไทยเพียงแค่ประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น !!!

---------------------
ความรู้เพิ่มเติม  
ข้อเท็จจริงอีกด้าน ของแหล่งนงเยาว์
www.facebook.com/notes/chayutpong-nunthanawanich/ข้อเท็จจริงอีกด้าน-ของแหล่งนงเยาว์/703580483009022
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่