วันเหงาๆ นึกอยากลองดูหนังไทย เลยไล่ดูตาม Youtube ( ที่มาอาจจะผิดลิขสิทธิ์ไปหน่อย ต้องขออภัย)
ลองดู 2 เรื่อง "ชอบกด Like ใช่กด Love" และ "She เรื่องรักระหว่างเธอ"
ทั้งสองเรื่องให้อารมณ์คล้ายๆกัน คือ บางช่วงก็ดูเพลิน บางช่วงก็ชวนหงุดหงิดรำคาญใจว่าทำไมหนังไทยยุคนี้แล้วแต่ทำได้ "เชย"แบบนี้ เลยดูแบบไม่ต่อเนื่อง สลับกันเรื่องละครึ่ง
นิยามคำว่า "เชย" คือ ทำหนังออกมาเหมือนละครโทรทัศน์ ซีรี่ย์ หรือมิวสิควิดีโอ มากกว่าจะให้สัมผัสแบบ "ศิลปะภาพยนตร์" ทั้งการถ่ายภาพ การแสดง บทสนทนา การเล่าเรื่อง ในมุมมองคอหนังคนหนึ่ง "หนัง" ควรจะให้สัมผัสที่แตกต่างจากละครโทรทัศน์ ละครโทรทัศน์บางเรื่องถ่ายสวยจนคนบอกว่า "ถ่ายเหมือนหนัง" นั่นคือคำชม แต่ด้านตรงข้ามที่พบคือ หนังไทยหลายเรื่องกลับทำออกมาเหมือน "ละครโทรทัศน์" จะว่าเป็นเพราะทุนสร้างก็ไม่น่าจะใช่ เพราะหนังทุนต่ำหลายเรื่องก็ทำออกมาได้ความรู้สึกของ "ภาพยนตร์" แต่น่าจะเป็นเพราะตัวผู้กำกับเองมากกว่า โดยเฉพาะหนังไทยแนวรักๆที่ออกมาจนเกร่อนั้น หลายเรื่องใช้วิธีนำเสนอแบบละคร ซีรีย์ มากกว่า
อีกความหมายของ "เชย" คือ การใช้บทพูดบอกความรู้สึกตรงๆ แทนที่จะเป็นภาษากายภาษาภาพ การประดิษฐ์บทสนทนาจนขาดความเป็นธรรมชาติ
แม้จะรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่เมื่อดูหนังรักเชยๆสองเรื่องนี้จบลงกลับ “รู้สึกดี”
“ชอบกด Like ใช่กด Love “ ดูไปเกือบจบเรื่อง คิดในใจว่าหรือเราจะเสียเวลาดูหนังแย่ๆเรื่องหนึ่ง แต่โชคดีที่ดูต่อจนจบ และพบว่าเป็นหนังที่นำเสนอมุมมองความรักได้น่าสนใจและติดดิน ไม่เพ้อฝันจนเกินไป แถมด้วยการแสดงที่น่าประทับใจของ ออม สุชาร์ มานะยิ่ง แต่ผิดพลาดที่บทภาพยนตร์และงานสร้างที่ไม่ประณีตเท่าที่ควร
”She เรื่องรักระหว่างเธอ” ที่จริงหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นความหาญกล้าและนำสมัยมาก เพราะนับจากการเปิดทางด้วยหนังหญิงรักหญิงแนววัยรุ่นกุ๊กกิ๊กอย่าง Yes or No แล้ว She เรื่องรักระหว่างเธอ น่าจะเป็นหนังแนวหญิงรักหญิงอย่างเต็มตัวเรื่องแรกของไทยที่มีแง่มุมแบบผู้ใหญ่ (แม้ในอดีตจะเคยมีเรื่อง "พิศวาส" ซึ่งนำแสดงโดยคุณต่าย เพ็ญพักตร์ เช่นกัน แต่เรื่องนั้นนำเสนอภาพหญิงรักหญิงออกมาเป็นคนป่วยทางจิต และโดยตัวหนังยังไม่ใช่หนังเลสเต็มตัว) แต่ที่ขัดแย้งคือแทนที่จะล้ำ หนังกลับออกมาเชยด้วยวิธีการนำเสนอ บทภาพยนตร์อ่อนปวกเปียก แต่เมื่อดูจบ ก็คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นบันทึกของวงการหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจดจำในด้านการนำเสนอความหลากหลายทางเพศออกมาในทางเชิดชู ทำให้เรารู้สึกว่า จะเป็นทอมหรือดี้ เขาก็คนธรรมดาๆคนหนึ่ง และความรักคือสิ่งสวยงาม
ทั้ง “ชอบกด Like ใช่กด Love” และ “She เรื่องรักระหว่างเธอ” เป็นหนังที่น่าผิดหวังหากเรามองในแง่ศิลปะภาพยนตร์ แต่เมื่อมองในแง่มุมความรัก หนังสองเรื่องนี้ก็มีคุณค่าในตัวมันเอง นั่นทำให้ฉันซึ่งเคยรู้สึกดูแคลนหนังรักดาดๆที่ออกมาจนเกร่อ และไม่ค่อยมีชั้นเชิงทางภาพยนตร์มากนัก ได้มองหนังเหล่านี้ในมุมใหม่ หนังแต่ละเรื่องคงมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน อาจจะให้ความสนุก บันเทิง หรือแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง ทั้งยังต้องคำนึงถึงกลุ่มคนดูที่หลากหลาย แม้มันจะดูด้อยในทางศิลปะ แต่มันก็ไม่ได้เป็น “ขยะ” แต่อย่างใด
และที่คิดต่อไปเกี่ยวกับหนังรักไทย คือ โดยเนื้อเรื่อง วัฒนธรรม หนังรักไทยมีแต้มต่อในแง่สามารถเข้าถึงคนไทยได้ดีกว่าหนังฝรั่งมังค่าเสียอีก ถ้าเพียงแต่จะพัฒนาบทและชั้นเชิงการนำเสนอให้มากขึ้น
ขอบคุณผู้สร้างและผู้เกี่ยวข้องของหนังทั้งสองเรื่อง และขออภัยที่ดูแบบละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้ามีโอกาสจะซื้อดีวีดีของแท้มาเก็บไว้ เพราะเป็นหนังที่ทำให้รู้สึกดีๆกับคำว่า “รัก”
“ชอบกด Like ใช่กด Love” และ “She เรื่องรักระหว่างเธอ” มองมุมใหม่กับความเชยของหนังรักไทย
ลองดู 2 เรื่อง "ชอบกด Like ใช่กด Love" และ "She เรื่องรักระหว่างเธอ"
ทั้งสองเรื่องให้อารมณ์คล้ายๆกัน คือ บางช่วงก็ดูเพลิน บางช่วงก็ชวนหงุดหงิดรำคาญใจว่าทำไมหนังไทยยุคนี้แล้วแต่ทำได้ "เชย"แบบนี้ เลยดูแบบไม่ต่อเนื่อง สลับกันเรื่องละครึ่ง
นิยามคำว่า "เชย" คือ ทำหนังออกมาเหมือนละครโทรทัศน์ ซีรี่ย์ หรือมิวสิควิดีโอ มากกว่าจะให้สัมผัสแบบ "ศิลปะภาพยนตร์" ทั้งการถ่ายภาพ การแสดง บทสนทนา การเล่าเรื่อง ในมุมมองคอหนังคนหนึ่ง "หนัง" ควรจะให้สัมผัสที่แตกต่างจากละครโทรทัศน์ ละครโทรทัศน์บางเรื่องถ่ายสวยจนคนบอกว่า "ถ่ายเหมือนหนัง" นั่นคือคำชม แต่ด้านตรงข้ามที่พบคือ หนังไทยหลายเรื่องกลับทำออกมาเหมือน "ละครโทรทัศน์" จะว่าเป็นเพราะทุนสร้างก็ไม่น่าจะใช่ เพราะหนังทุนต่ำหลายเรื่องก็ทำออกมาได้ความรู้สึกของ "ภาพยนตร์" แต่น่าจะเป็นเพราะตัวผู้กำกับเองมากกว่า โดยเฉพาะหนังไทยแนวรักๆที่ออกมาจนเกร่อนั้น หลายเรื่องใช้วิธีนำเสนอแบบละคร ซีรีย์ มากกว่า
อีกความหมายของ "เชย" คือ การใช้บทพูดบอกความรู้สึกตรงๆ แทนที่จะเป็นภาษากายภาษาภาพ การประดิษฐ์บทสนทนาจนขาดความเป็นธรรมชาติ
แม้จะรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่เมื่อดูหนังรักเชยๆสองเรื่องนี้จบลงกลับ “รู้สึกดี”
“ชอบกด Like ใช่กด Love “ ดูไปเกือบจบเรื่อง คิดในใจว่าหรือเราจะเสียเวลาดูหนังแย่ๆเรื่องหนึ่ง แต่โชคดีที่ดูต่อจนจบ และพบว่าเป็นหนังที่นำเสนอมุมมองความรักได้น่าสนใจและติดดิน ไม่เพ้อฝันจนเกินไป แถมด้วยการแสดงที่น่าประทับใจของ ออม สุชาร์ มานะยิ่ง แต่ผิดพลาดที่บทภาพยนตร์และงานสร้างที่ไม่ประณีตเท่าที่ควร
”She เรื่องรักระหว่างเธอ” ที่จริงหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นความหาญกล้าและนำสมัยมาก เพราะนับจากการเปิดทางด้วยหนังหญิงรักหญิงแนววัยรุ่นกุ๊กกิ๊กอย่าง Yes or No แล้ว She เรื่องรักระหว่างเธอ น่าจะเป็นหนังแนวหญิงรักหญิงอย่างเต็มตัวเรื่องแรกของไทยที่มีแง่มุมแบบผู้ใหญ่ (แม้ในอดีตจะเคยมีเรื่อง "พิศวาส" ซึ่งนำแสดงโดยคุณต่าย เพ็ญพักตร์ เช่นกัน แต่เรื่องนั้นนำเสนอภาพหญิงรักหญิงออกมาเป็นคนป่วยทางจิต และโดยตัวหนังยังไม่ใช่หนังเลสเต็มตัว) แต่ที่ขัดแย้งคือแทนที่จะล้ำ หนังกลับออกมาเชยด้วยวิธีการนำเสนอ บทภาพยนตร์อ่อนปวกเปียก แต่เมื่อดูจบ ก็คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นบันทึกของวงการหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจดจำในด้านการนำเสนอความหลากหลายทางเพศออกมาในทางเชิดชู ทำให้เรารู้สึกว่า จะเป็นทอมหรือดี้ เขาก็คนธรรมดาๆคนหนึ่ง และความรักคือสิ่งสวยงาม
ทั้ง “ชอบกด Like ใช่กด Love” และ “She เรื่องรักระหว่างเธอ” เป็นหนังที่น่าผิดหวังหากเรามองในแง่ศิลปะภาพยนตร์ แต่เมื่อมองในแง่มุมความรัก หนังสองเรื่องนี้ก็มีคุณค่าในตัวมันเอง นั่นทำให้ฉันซึ่งเคยรู้สึกดูแคลนหนังรักดาดๆที่ออกมาจนเกร่อ และไม่ค่อยมีชั้นเชิงทางภาพยนตร์มากนัก ได้มองหนังเหล่านี้ในมุมใหม่ หนังแต่ละเรื่องคงมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน อาจจะให้ความสนุก บันเทิง หรือแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง ทั้งยังต้องคำนึงถึงกลุ่มคนดูที่หลากหลาย แม้มันจะดูด้อยในทางศิลปะ แต่มันก็ไม่ได้เป็น “ขยะ” แต่อย่างใด
และที่คิดต่อไปเกี่ยวกับหนังรักไทย คือ โดยเนื้อเรื่อง วัฒนธรรม หนังรักไทยมีแต้มต่อในแง่สามารถเข้าถึงคนไทยได้ดีกว่าหนังฝรั่งมังค่าเสียอีก ถ้าเพียงแต่จะพัฒนาบทและชั้นเชิงการนำเสนอให้มากขึ้น
ขอบคุณผู้สร้างและผู้เกี่ยวข้องของหนังทั้งสองเรื่อง และขออภัยที่ดูแบบละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้ามีโอกาสจะซื้อดีวีดีของแท้มาเก็บไว้ เพราะเป็นหนังที่ทำให้รู้สึกดีๆกับคำว่า “รัก”