กลับมาพบกันอีกสัปดาห์กับช้อนเงินซีซั่นสองนะครับ
งวดนี้แอบอู้งานมาเขียนกระทู้นิดหน่อยแฮะ เพราะเห็นว่าเนื้อหาตอนนี้ไม่น่าจะมากอะไร ยังไงก็ลองดูกันก่อนนะครับ
อนึ่ง ขอความร่วมมือทุกท่านที่อ่านถึงเนื้อเรื่องหลังๆ แล้วเช่นเคย ช่วยใส่แท็กสปอยล์หากต้องการพูดถึงเนื้อเรื่องช่วงถัดไปด้วยนะครับ
เปิดตอนมาที่มหกรรมการเก็บขยะครั้งใหญ่ในโรงเรียนอีกรอบหนึ่ง
...ว่าแต่คนทิ้งมันคิดว่าพื้นที่โรงเรียนการเกษตรเป็นอะไรฟระ ถึงเอามาทิ้งเอาๆ ได้แบบนี้ (แต่เอาเต๊อะ เมืองไทยก็มีออกบ่อยๆ ไป ประเภทที่พอตัดต้นไม้ในสวนทิ้งแล้วไม่รู้จะขนไปทิ้งไหน ก็หาที่โล่งๆ กว้างๆ เหมือนไม่มีคนอยู่เอาไปแอบทิ้งเฉย)
บักแว่นแอบเพ้อถึงอากิระหว่างทำงานเล็กน้อย
ก่อนจะเก็บขยะชิ้นใหญ่สุดของวันมาได้
นั่นคือ...ลูกหมาถูกทิ้ง
หลังจับอาบน้ำทำความสะอาดเสร็จ ก็มานั่งคิดกันว่าจะทำยังไงกับเจ้าลูกหมาต่อไป เพราะจะให้นักเรียนคนไหนรับไปเลี้ยงก็ไม่ได้ เพราะเป็นเด็กหอกันหมด จะให้เลี้ยงไว้ที่ชมรมขี่ม้าก็ไม่น่าได้ เพราะโรงเรียนเข้มงวดเรื่องสิ่งมีชีวิตมาก
ทำเอาบักแว่นถึงกับบ่นคาถางึมงำในคออีกรอบเพราะคิดไม่ตก
ลงเอยเลยไปถามอาจารย์ว่าจะอนุญาตให้เลี้ยงไว้ในชมรมได้มั้ย (ประมาณว่าตั้งใจจะก้มหัวข้อร้องกันเต็มที่ถ้าอาจารย์ไม่อนุญาต)
ปรากฏว่าอ.อนุญาตอย่างง่ายดายแบบเหลือเชื่อ แถมบอกทิ้งท้ายอีกว่าเดิมทีในพื้นที่โรงเรียนก็มีสัตว์ป่าโน่นนี่เยอะอยู่แล้ว มีเพิ่มอีกซักตัวสองตัวก็ไม่เป็นไร ทำเอาบักแว่นกับเพื่อนถึงกับเงิบเป็นแถบๆ
หมดปัญหาเรื่องที่เลี้ยงแล้ว ก็ต้องเจอกับปัญหาต่อไป นั่นคือเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ที่จำเป็น เช่น โรคพิษสุนัขบ้า รวมทั้งค่าลงทะเบียนสุนัขอีก ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วต้องใช้เงินเกินหมื่นเยนขึ้นไป
งานนี้บักแว่นเลยต้องหลั่งน้ำตาควักเนื้อตัวเองจ่ายไปตามระเบียบ
หมดเรื่องทางการแพทย์แล้วก็มาว่ากันเรื่องอาหารต่อ ครั้งแรกบักแว่นตั้งใจจะควักเนื้อตัวเองอีกรอบ แต่เพื่อนๆ แย้งว่าถ้าบักแว่นเรียนจบแล้วจะหาค่าอาหารยังไง
ลงเอยเลยใช้วิธีคลาสสิคสุดๆ นั่นคือ...ให้หมาหาเงินเอง
ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด ด้วยความน่ารักของเจ้าลูกหมา
โดยเจ้าของไอเดียนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน...แต่เป็นบักโทคิวะสมองไก่ประจำรุ่นนั่นเอง
ทำเอาบักแว่นอดไม่ได้ต้องกัดซึ่งๆ หน้าว่าเอาสมองไปใช้กับการเรียนบ้างเหอะ
แถมยังได้บ้านหมาหลังใหม่มาจากรุ่นพี่อดีตประธานชมรม (ที่แวะมาชมรมประจำ) มาอีกเป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากนั้นบักแว่นก็ไปนั่งคุยกับอากิเรื่องลูกหมา บักแว่นเล่าให้อากิฟังว่าตัวเองไม่ค่อยคุ้นกับการเลี้ยงสัตว์แบบนี้เท่าไหร่ เพราะโดนเตี่ยห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง อากิก็บอกว่าชักเข้าใจแล้วว่าทำไมบักแว่นถึงได้เป็นคนดีช่วยเหลือใครไปทั่วแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาบักแว่นโดนพ่อคุมโน่นคุมนี่มาตลอด จนได้แต่อดกลั้นไม่ทำโน่นทำนี่ที่อยากทำ เลยนึกอยากช่วยเหลือคนอื่น ให้คนอื่นที่กำลังอดกลั้นแบบเดียวกับตัวเองได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ บักแว่นก็อ้อมแอ้มถามกลับว่าใช่แบบนั้นแน่เร้อ อากิก็หันมายิ้มบอกว่าใช่แน่สิ ก็ขนาดตอนตัวเองเล่าเรื่องเส้นทางชีวิตในอนาคตให้ฟัง บักแว่นยังยอมรับฟังเลยนี่นา
"ชั้นดีใจมากเลยนะ"
คำพูดของอากิบักแว่นถึงกับปลื้มจนน้ำตาไหลพรากกุมมืออธิษฐานถึงอ.ใหญ่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปไม่ได้เสียเปล่าไปเลย
หลังจากนั้นโยชิโนะกับหนูแว่น (คนที่บ้านเลี้ยงแกะ ชื่อจริงจำไม่ได้แล้ว) ก็แวะมาดูน้องหมา แล้วได้เห็นการซ้อมขี่ม้าโดดข้ามสิ่งกีดขวางเข้าโดยบังเอิญ อ.นากาจิมะที่ปรึกษาชมรมเลยชวนให้ลองขึ้นมาดู โดยมีอากิกับเพื่อนคนอืนช่วยดูให้
หลังจากขี่ม้ากันเสร็จ โยชิโนะก็มาถามบักแว่นว่าตั้งชื่อให้หมารึยัง บักแว่นก็ตอบว่ายัง โยชิโนะเลยบอกว่างั้นเรียก
"หมาของรองประธาน (บักแว่น)" ก็แล้วกัน
...แต่ทำไปทำมาก็ดันหดเหลือแค่
"รองประธาน" ซะเฉย
ทำเอาบักแว่นผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานตัวจริงเสียเซลฟ์ไปพอควรเหมือนกันที่โดนแย่งตำแหน่งไป
บักแว่นเครียดจนเอ็นปูดเมื่อเห็นเพื่อนๆ เอ็นดูเจ้ารองประธานกันยกใหญ่
ยิ่งมาเจอคอมโบชุดใหญ่ของน้องอากิขณะสอนเจ้ารองประธานให้ทำตามคำสั่งเข้าก็ถึงกับลมปราณแตกซ่านชีพจรขาดสะบั้นไปเลย
ซ้ำร้าย เจ้ารองประธานยังแสดงทีท่ากระด้างกระเดื่องต่อรองประธานตัวจริงอย่างบักแว่น ไม่ยอมฟังคำสั่งบักแว่น ไม่ยอมรับว่าสถานะในกลุ่มของบักแว่นเหนือกว่า ซึ่งตรงนี้อ.นากาจิมะอธิบายว่าเป็นพฤติกรรมการจัดลำดับในฝูงของสุนัข ซึ่งหากปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ละก็ เจ้ารองประธานก็จะมองบักแว่นว่าต่ำชั้นกว่าตัวมันเองไปตลอด
งานนี้ศึกชิงบัลลังก์ระหว่างบักแว่น VS เจ้ารองประธานจึงบังเกิดขึ้น
...ด้วยการจัดลำดับชั้นด้วยอาหาร
ไม่นาน เจ้ารองประธานก็กลายเป็นนิวรองประธาน เชื่อฟังคำสั่งบักแว่นทุกอย่างไป
ความฉลาดของเจ้ารองประธานทำเอาบักแว่นถึงกับร้องไห้ด้วยความซึ้งว่า
"ความจำดีกว่าโทคิวะซะอีก"
เสร็จจากฝึกรองประธานก็มาเรียนกายวิภาคไก่กันในห้องเรียน
เริ่มจากหยิบคีมสำหรับคีบไก่
ตามด้วยมีดผ่าตัดสำหรับชำแหละศึกษากายวิภาค
แต่รู้ตัวว่าหยิบพลาดหลุดคิวไปหน่อย เลยรีบวางช้อนส้อมลงแล้วปรับอารมณ์เตรียมสอนใหม่
...แม้จะมีนักเรียนบางคนแอบเห็นเตาไฟสำหรับปิ้งย่างตั้งอยู่หลังห้องเรียนก็ตาม
เรียนกายวิภาคไก่เสร็จก็มาเรียนตรวจภายในลำไส้วัว โดยทางอาจารย์ผู้สอนได้เชิญสัตวแพทย์มาบรรยายด้วย
เริ่มจากใส่ถุงมือยาวเฟื้อยถึงไหล่
แล้วล้วงเข้าไปในรูทวารของวัว กอบเอาขี้วัวข้างในออกมาเพื่อทำการตรวจภายในลำไส้ว่ามีโรคอะไรหรือเปล่า (จริงๆ ในเรื่องเห็นบอกว่าตรวจได้ยันรังไข่วัวเลยทีเดียว)
งานนี้ทำเอาบักแว่นถึงกับหวิดขย้อนของเก่าออกมากลางคอกวัวเลยทีเดียว
ดูเสร็จ อาจารย์ก็เรียกคนมาทำเป็นตัวอย่าง
แน่นอนว่าคนที่โดนหางเลขก็ไม่พ้นบักแว่นนั่นเอง (ก็ดันหน้าซีดเบือนหน้าหนีอยู่คนเดียวนี่น้า)
...โชคยังดีที่ให้ล้วงก้นวัวเทียม ไม่ใช่ล้วงของจริง (มีเล่นมุกกับนักเรียนอีกตะหากว่า
"ถ้าพวกเธอเป็นวัวจะอยากโดนมือสมัครเล่นล้วงก้นเหรอ" ทำเอานักเรียนเสียวรูตูดเป็นแถบๆ (แต่จริงๆ คือเพราะกลัวว่าให้ล้วงวัวจริงๆ เกิดวัวอาละวาดทำนักเรียนเจ็บขึ้นมาจะไม่ได้ลงแข่งงานแข่งกีฬาเด็กใหม่กัน) )
เรียนเสร็จก็ช่วยกันต้อนวัวเข้าคอก แต่ระหว่างต้อน วัวตัวหนึ่งดันเหยียบขี้วัวจนลื่นล้มใส่โคมาบะ บักแว่นเห็นเข้าก็กลัวโคมาบะถูกวัวทับจนบาดเจ็บไม่ได้ลงแข่งต่อ เลยกระโดดเข้าไปจะผลักโคมาบะให้พ้นทางวัวล้ม
ผลคือเจอวัวล้มกระแทกซะเองจนเอวเดี้ยง ต้องให้โคมาบะหามใส่รถเข็นไปให้หมอ (สัตว์) ดู
...เสียใจด้วยนะบักแว่น ที่เอ็งไม่ได้เป็น One Man Army เหมือนเมื่อชาติที่แล้ว [img]
[/img]
ภาพขณะบักแว่นโดนหมอล่วงล้ำรูก้น (จริงๆ คือแค่ดูเฉยๆ ว่าเอวเป็นยังไงบ้างแค่นั้น แล้วเผอิญพกมาแต่ถุงมือสำหรับตรวจลำไส้วัวแค่นั้นเอง)
แถมยังเจอหมอสัตว์คนเดิมเรียกเก็บเงินค่าฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าของเจ้ารองประธานอีก
ส่วนประดาเพื่อนๆ คณาจารย์ก็ไปสนใจวัวว่าบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง อาการหนักแค่ไหนแทน (ทั้งไปตรวจอาการให้ แถมยังทำความสะอาดคอกใหม่กันไม่ให้วัวลื่นอีก) ทำเอาบักแว่นถึงกับเจ็บกระดองใจที่ชีวิตตัวเองโดนตีค่าต่ำกว่าปศุสัตว์ซะอีก
เลยโดนทามาโกะสอนให้ว่า
"ปศุสัตว์น่ะแค่เจ็บนิดเดียวก็หมายถึงชีวิตเลยนะ" และบอกว่าวัวตัวที่ลื่นล้มเมื่อกี้ก็เหมือนกัน ถ้าล้มจนกระดูกหักหรือกระดูกหลุดละก็ เย็นนี้คงโดนส่งไปโรงเชือดแน่ๆ บักแว่นเลยได้แต่เงียบไป
[Spoil] ช้อนเงินคนแปรธาตุ (Silver Spoon) อนิเมซีซั่นสอง #2 - รองประธานทั้งสอง
งวดนี้แอบอู้งานมาเขียนกระทู้นิดหน่อยแฮะ เพราะเห็นว่าเนื้อหาตอนนี้ไม่น่าจะมากอะไร ยังไงก็ลองดูกันก่อนนะครับ
อนึ่ง ขอความร่วมมือทุกท่านที่อ่านถึงเนื้อเรื่องหลังๆ แล้วเช่นเคย ช่วยใส่แท็กสปอยล์หากต้องการพูดถึงเนื้อเรื่องช่วงถัดไปด้วยนะครับ
เปิดตอนมาที่มหกรรมการเก็บขยะครั้งใหญ่ในโรงเรียนอีกรอบหนึ่ง
...ว่าแต่คนทิ้งมันคิดว่าพื้นที่โรงเรียนการเกษตรเป็นอะไรฟระ ถึงเอามาทิ้งเอาๆ ได้แบบนี้ (แต่เอาเต๊อะ เมืองไทยก็มีออกบ่อยๆ ไป ประเภทที่พอตัดต้นไม้ในสวนทิ้งแล้วไม่รู้จะขนไปทิ้งไหน ก็หาที่โล่งๆ กว้างๆ เหมือนไม่มีคนอยู่เอาไปแอบทิ้งเฉย)
บักแว่นแอบเพ้อถึงอากิระหว่างทำงานเล็กน้อย
ก่อนจะเก็บขยะชิ้นใหญ่สุดของวันมาได้
นั่นคือ...ลูกหมาถูกทิ้ง
หลังจับอาบน้ำทำความสะอาดเสร็จ ก็มานั่งคิดกันว่าจะทำยังไงกับเจ้าลูกหมาต่อไป เพราะจะให้นักเรียนคนไหนรับไปเลี้ยงก็ไม่ได้ เพราะเป็นเด็กหอกันหมด จะให้เลี้ยงไว้ที่ชมรมขี่ม้าก็ไม่น่าได้ เพราะโรงเรียนเข้มงวดเรื่องสิ่งมีชีวิตมาก
ทำเอาบักแว่นถึงกับบ่นคาถางึมงำในคออีกรอบเพราะคิดไม่ตก
ลงเอยเลยไปถามอาจารย์ว่าจะอนุญาตให้เลี้ยงไว้ในชมรมได้มั้ย (ประมาณว่าตั้งใจจะก้มหัวข้อร้องกันเต็มที่ถ้าอาจารย์ไม่อนุญาต)
ปรากฏว่าอ.อนุญาตอย่างง่ายดายแบบเหลือเชื่อ แถมบอกทิ้งท้ายอีกว่าเดิมทีในพื้นที่โรงเรียนก็มีสัตว์ป่าโน่นนี่เยอะอยู่แล้ว มีเพิ่มอีกซักตัวสองตัวก็ไม่เป็นไร ทำเอาบักแว่นกับเพื่อนถึงกับเงิบเป็นแถบๆ
หมดปัญหาเรื่องที่เลี้ยงแล้ว ก็ต้องเจอกับปัญหาต่อไป นั่นคือเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ที่จำเป็น เช่น โรคพิษสุนัขบ้า รวมทั้งค่าลงทะเบียนสุนัขอีก ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วต้องใช้เงินเกินหมื่นเยนขึ้นไป
งานนี้บักแว่นเลยต้องหลั่งน้ำตาควักเนื้อตัวเองจ่ายไปตามระเบียบ
หมดเรื่องทางการแพทย์แล้วก็มาว่ากันเรื่องอาหารต่อ ครั้งแรกบักแว่นตั้งใจจะควักเนื้อตัวเองอีกรอบ แต่เพื่อนๆ แย้งว่าถ้าบักแว่นเรียนจบแล้วจะหาค่าอาหารยังไง
ลงเอยเลยใช้วิธีคลาสสิคสุดๆ นั่นคือ...ให้หมาหาเงินเอง
ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด ด้วยความน่ารักของเจ้าลูกหมา
โดยเจ้าของไอเดียนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน...แต่เป็นบักโทคิวะสมองไก่ประจำรุ่นนั่นเอง
ทำเอาบักแว่นอดไม่ได้ต้องกัดซึ่งๆ หน้าว่าเอาสมองไปใช้กับการเรียนบ้างเหอะ
แถมยังได้บ้านหมาหลังใหม่มาจากรุ่นพี่อดีตประธานชมรม (ที่แวะมาชมรมประจำ) มาอีกเป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากนั้นบักแว่นก็ไปนั่งคุยกับอากิเรื่องลูกหมา บักแว่นเล่าให้อากิฟังว่าตัวเองไม่ค่อยคุ้นกับการเลี้ยงสัตว์แบบนี้เท่าไหร่ เพราะโดนเตี่ยห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง อากิก็บอกว่าชักเข้าใจแล้วว่าทำไมบักแว่นถึงได้เป็นคนดีช่วยเหลือใครไปทั่วแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาบักแว่นโดนพ่อคุมโน่นคุมนี่มาตลอด จนได้แต่อดกลั้นไม่ทำโน่นทำนี่ที่อยากทำ เลยนึกอยากช่วยเหลือคนอื่น ให้คนอื่นที่กำลังอดกลั้นแบบเดียวกับตัวเองได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ บักแว่นก็อ้อมแอ้มถามกลับว่าใช่แบบนั้นแน่เร้อ อากิก็หันมายิ้มบอกว่าใช่แน่สิ ก็ขนาดตอนตัวเองเล่าเรื่องเส้นทางชีวิตในอนาคตให้ฟัง บักแว่นยังยอมรับฟังเลยนี่นา
"ชั้นดีใจมากเลยนะ"
คำพูดของอากิบักแว่นถึงกับปลื้มจนน้ำตาไหลพรากกุมมืออธิษฐานถึงอ.ใหญ่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปไม่ได้เสียเปล่าไปเลย
หลังจากนั้นโยชิโนะกับหนูแว่น (คนที่บ้านเลี้ยงแกะ ชื่อจริงจำไม่ได้แล้ว) ก็แวะมาดูน้องหมา แล้วได้เห็นการซ้อมขี่ม้าโดดข้ามสิ่งกีดขวางเข้าโดยบังเอิญ อ.นากาจิมะที่ปรึกษาชมรมเลยชวนให้ลองขึ้นมาดู โดยมีอากิกับเพื่อนคนอืนช่วยดูให้
หลังจากขี่ม้ากันเสร็จ โยชิโนะก็มาถามบักแว่นว่าตั้งชื่อให้หมารึยัง บักแว่นก็ตอบว่ายัง โยชิโนะเลยบอกว่างั้นเรียก "หมาของรองประธาน (บักแว่น)" ก็แล้วกัน
...แต่ทำไปทำมาก็ดันหดเหลือแค่ "รองประธาน" ซะเฉย
ทำเอาบักแว่นผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานตัวจริงเสียเซลฟ์ไปพอควรเหมือนกันที่โดนแย่งตำแหน่งไป
บักแว่นเครียดจนเอ็นปูดเมื่อเห็นเพื่อนๆ เอ็นดูเจ้ารองประธานกันยกใหญ่
ยิ่งมาเจอคอมโบชุดใหญ่ของน้องอากิขณะสอนเจ้ารองประธานให้ทำตามคำสั่งเข้าก็ถึงกับลมปราณแตกซ่านชีพจรขาดสะบั้นไปเลย
ซ้ำร้าย เจ้ารองประธานยังแสดงทีท่ากระด้างกระเดื่องต่อรองประธานตัวจริงอย่างบักแว่น ไม่ยอมฟังคำสั่งบักแว่น ไม่ยอมรับว่าสถานะในกลุ่มของบักแว่นเหนือกว่า ซึ่งตรงนี้อ.นากาจิมะอธิบายว่าเป็นพฤติกรรมการจัดลำดับในฝูงของสุนัข ซึ่งหากปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ละก็ เจ้ารองประธานก็จะมองบักแว่นว่าต่ำชั้นกว่าตัวมันเองไปตลอด
งานนี้ศึกชิงบัลลังก์ระหว่างบักแว่น VS เจ้ารองประธานจึงบังเกิดขึ้น
...ด้วยการจัดลำดับชั้นด้วยอาหาร
ไม่นาน เจ้ารองประธานก็กลายเป็นนิวรองประธาน เชื่อฟังคำสั่งบักแว่นทุกอย่างไป
ความฉลาดของเจ้ารองประธานทำเอาบักแว่นถึงกับร้องไห้ด้วยความซึ้งว่า "ความจำดีกว่าโทคิวะซะอีก"
เสร็จจากฝึกรองประธานก็มาเรียนกายวิภาคไก่กันในห้องเรียน
เริ่มจากหยิบคีมสำหรับคีบไก่
ตามด้วยมีดผ่าตัดสำหรับชำแหละศึกษากายวิภาค
แต่รู้ตัวว่าหยิบพลาดหลุดคิวไปหน่อย เลยรีบวางช้อนส้อมลงแล้วปรับอารมณ์เตรียมสอนใหม่
...แม้จะมีนักเรียนบางคนแอบเห็นเตาไฟสำหรับปิ้งย่างตั้งอยู่หลังห้องเรียนก็ตาม
เรียนกายวิภาคไก่เสร็จก็มาเรียนตรวจภายในลำไส้วัว โดยทางอาจารย์ผู้สอนได้เชิญสัตวแพทย์มาบรรยายด้วย
เริ่มจากใส่ถุงมือยาวเฟื้อยถึงไหล่
แล้วล้วงเข้าไปในรูทวารของวัว กอบเอาขี้วัวข้างในออกมาเพื่อทำการตรวจภายในลำไส้ว่ามีโรคอะไรหรือเปล่า (จริงๆ ในเรื่องเห็นบอกว่าตรวจได้ยันรังไข่วัวเลยทีเดียว)
งานนี้ทำเอาบักแว่นถึงกับหวิดขย้อนของเก่าออกมากลางคอกวัวเลยทีเดียว
ดูเสร็จ อาจารย์ก็เรียกคนมาทำเป็นตัวอย่าง
แน่นอนว่าคนที่โดนหางเลขก็ไม่พ้นบักแว่นนั่นเอง (ก็ดันหน้าซีดเบือนหน้าหนีอยู่คนเดียวนี่น้า)
...โชคยังดีที่ให้ล้วงก้นวัวเทียม ไม่ใช่ล้วงของจริง (มีเล่นมุกกับนักเรียนอีกตะหากว่า "ถ้าพวกเธอเป็นวัวจะอยากโดนมือสมัครเล่นล้วงก้นเหรอ" ทำเอานักเรียนเสียวรูตูดเป็นแถบๆ (แต่จริงๆ คือเพราะกลัวว่าให้ล้วงวัวจริงๆ เกิดวัวอาละวาดทำนักเรียนเจ็บขึ้นมาจะไม่ได้ลงแข่งงานแข่งกีฬาเด็กใหม่กัน) )
เรียนเสร็จก็ช่วยกันต้อนวัวเข้าคอก แต่ระหว่างต้อน วัวตัวหนึ่งดันเหยียบขี้วัวจนลื่นล้มใส่โคมาบะ บักแว่นเห็นเข้าก็กลัวโคมาบะถูกวัวทับจนบาดเจ็บไม่ได้ลงแข่งต่อ เลยกระโดดเข้าไปจะผลักโคมาบะให้พ้นทางวัวล้ม
ผลคือเจอวัวล้มกระแทกซะเองจนเอวเดี้ยง ต้องให้โคมาบะหามใส่รถเข็นไปให้หมอ (สัตว์) ดู
...เสียใจด้วยนะบักแว่น ที่เอ็งไม่ได้เป็น One Man Army เหมือนเมื่อชาติที่แล้ว [img][/img]
ภาพขณะบักแว่นโดนหมอล่วงล้ำรูก้น (จริงๆ คือแค่ดูเฉยๆ ว่าเอวเป็นยังไงบ้างแค่นั้น แล้วเผอิญพกมาแต่ถุงมือสำหรับตรวจลำไส้วัวแค่นั้นเอง)
แถมยังเจอหมอสัตว์คนเดิมเรียกเก็บเงินค่าฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าของเจ้ารองประธานอีก
ส่วนประดาเพื่อนๆ คณาจารย์ก็ไปสนใจวัวว่าบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง อาการหนักแค่ไหนแทน (ทั้งไปตรวจอาการให้ แถมยังทำความสะอาดคอกใหม่กันไม่ให้วัวลื่นอีก) ทำเอาบักแว่นถึงกับเจ็บกระดองใจที่ชีวิตตัวเองโดนตีค่าต่ำกว่าปศุสัตว์ซะอีก
เลยโดนทามาโกะสอนให้ว่า "ปศุสัตว์น่ะแค่เจ็บนิดเดียวก็หมายถึงชีวิตเลยนะ" และบอกว่าวัวตัวที่ลื่นล้มเมื่อกี้ก็เหมือนกัน ถ้าล้มจนกระดูกหักหรือกระดูกหลุดละก็ เย็นนี้คงโดนส่งไปโรงเชือดแน่ๆ บักแว่นเลยได้แต่เงียบไป