มีนักวิชาการท่านหนึ่ง จำได้ว่าชื่อ คุณผาสุก...
ได้นำผลการวิจัยที่ทำมาอย่างต่อเนื่องมาแชร์กับสื่อมวลชนฃ
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคุณสดศรี อดีตกกต. ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
การซื้อเสียงคือ สิ่งที่หลายคนในเมืองไม่เข้าใจ และไม่พยายามทำความเข้าใจ
นึกแต่เพียงว่า พอจะมีเลือกตั้ง นักการเมืองก็ขนเงินไปซื้อเสียงจากชาวบ้านจนๆ แล้วได้เป็นตัวแทน
ซึ่ง
หากกล่าวว่าเป็นการซื้อเสียงคือการซื้อขาย ก็ไม่ถูกต้องนัก
เพราะจ่ายเงินแล้ว สินค้ายังไม่ได้...เพียงแต่รับปากกันว่าจะเข้าไปในคูหาแล้วเลือกให้
แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า เขาจะกาให้หรือไม่ เพราะหลักฐานก็ไม่มี เอากล้องไปถ่ายก็ไม่ได้
เหมือนที่คนในเมืองกล่าวประชดนักการเมืองที่ซื้อเสียงว่า รับเงินมา แต่ไม่กาให้...
เพราะการซื้อเสียงในต่างจังหวัด...คือระบบอุปถัมภ์
ของผู้สมัครที่มีต่อลูกบ้านโดยตรงหรือมีต่อหัวคะแนนในกรณีที่อยู่ไกลออกไป
งานบุญงานบวชงานศพ...ไม่ควรขาด ใส่ซอง วางพวงหรีด จ่าหน้าซองหรือขึ้นป้ายว่าจากตัวแทนของเขา
แม้กระทั่งคนแก่คนเฒ่าเจ็บป่วยก็ควรไปเยี่ยม ไปสนับสนุนเงินทองค่ายาค่าหมอหรือช่วยหาเตียงหาห้อง
สิ่งเหล่านี้คือการผูกซื้อใจกันในระยะยาว นั่นคือที่มาของการซื้อตัวหัวคะแนน เพื่อช่วยประสานงานเหล่านี้
เพราะมีอืทธิพลต่อลูกบ้านโดยตรง ผลประโยชน์ที่ได้บางทีก็ผ่านมายังหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านโดยรวม
เช่น ซื้อวัว ซื้อหมู หรือเครื่องอำนวยความสะดวกให้ ทั้งนี้ต้องไม่ทำในช่วงเลือกตั้ง เรียกว่าซื้อใจกันมายาวนาน...
และเท่าที่เป็นมา ผู้แทนเหล่านั้นอยู่กันมานาน จะมีเสียงเสียงหนาแน่นยากจะล้มได้
แต่เขาเหล่านั้นกลับเปลี่ยนพรรคเป็นว่าเล่น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมาให้ข้อเสนอที่น่าสนใจกว่า
สรุปแล้วการเลือกตั้ง จึงเป็นเหมือนเทศกาลมอบเงินแตะเอียของชาวจีน
คล้ายกับเทศกาลจ่ายเงินโบนัส เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม
แต่ต้องมาจากผู้แทนที่ได้สนับสนุนคลุกคลีกับชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง
หลายคนเข้าใจผิดว่า...
ใครเงินหนา ก็จัดหนักกัน...ในคืนหมาหอนเลย
เพราะหากจ่ายไปแล้ว แต่ชาวบ้านไม่รู้จักผู้แทนเลย
ใครจะกล้ารับประกันถ้าชาวบ้านไม่กาให้
...หวังว่าคงเป็นประโยขน์นะครับ...
โดยเฉพาะท่านที่ชอบกล่าวหาชาวบ้านแบบเลื่อนลอย
ก็ได้โปรดศึกษากันหน่อย เพราะชาวบ้านพอถูกดูถูกทุกวัน
การจะหันไปยอมรับ ด้วยวิธีการดูถูกเขา จึงไม่สมควรด้วยเหตุและผล
ตามที่คุณชูวิทย์ ได้กล่าวไว้ว่า ควรเข้าหาชาวบ้าน ให้เขาเห็นความตั้งใจ
เจตนาดีๆ ของนักการเมือง ...ช่วยเขา เหมือนที่คนอื่นเคยช่วย
นั่นคือการแข่งขันที่แท้จริง บนเวทีการเมือง...
..ไม่ใช่หักคอเอากับคู่แข่งขัน
แบบที่ทำกันอยู่ในทุกวันนี้...
..
ความจริง...เกี่ยวกับการซื้อขายเสียง
ได้นำผลการวิจัยที่ทำมาอย่างต่อเนื่องมาแชร์กับสื่อมวลชนฃ
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของคุณสดศรี อดีตกกต. ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
การซื้อเสียงคือ สิ่งที่หลายคนในเมืองไม่เข้าใจ และไม่พยายามทำความเข้าใจ
นึกแต่เพียงว่า พอจะมีเลือกตั้ง นักการเมืองก็ขนเงินไปซื้อเสียงจากชาวบ้านจนๆ แล้วได้เป็นตัวแทน
ซึ่งหากกล่าวว่าเป็นการซื้อเสียงคือการซื้อขาย ก็ไม่ถูกต้องนัก
เพราะจ่ายเงินแล้ว สินค้ายังไม่ได้...เพียงแต่รับปากกันว่าจะเข้าไปในคูหาแล้วเลือกให้
แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า เขาจะกาให้หรือไม่ เพราะหลักฐานก็ไม่มี เอากล้องไปถ่ายก็ไม่ได้
เหมือนที่คนในเมืองกล่าวประชดนักการเมืองที่ซื้อเสียงว่า รับเงินมา แต่ไม่กาให้...
เพราะการซื้อเสียงในต่างจังหวัด...คือระบบอุปถัมภ์
ของผู้สมัครที่มีต่อลูกบ้านโดยตรงหรือมีต่อหัวคะแนนในกรณีที่อยู่ไกลออกไป
งานบุญงานบวชงานศพ...ไม่ควรขาด ใส่ซอง วางพวงหรีด จ่าหน้าซองหรือขึ้นป้ายว่าจากตัวแทนของเขา
แม้กระทั่งคนแก่คนเฒ่าเจ็บป่วยก็ควรไปเยี่ยม ไปสนับสนุนเงินทองค่ายาค่าหมอหรือช่วยหาเตียงหาห้อง
สิ่งเหล่านี้คือการผูกซื้อใจกันในระยะยาว นั่นคือที่มาของการซื้อตัวหัวคะแนน เพื่อช่วยประสานงานเหล่านี้
เพราะมีอืทธิพลต่อลูกบ้านโดยตรง ผลประโยชน์ที่ได้บางทีก็ผ่านมายังหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านโดยรวม
เช่น ซื้อวัว ซื้อหมู หรือเครื่องอำนวยความสะดวกให้ ทั้งนี้ต้องไม่ทำในช่วงเลือกตั้ง เรียกว่าซื้อใจกันมายาวนาน...
และเท่าที่เป็นมา ผู้แทนเหล่านั้นอยู่กันมานาน จะมีเสียงเสียงหนาแน่นยากจะล้มได้
แต่เขาเหล่านั้นกลับเปลี่ยนพรรคเป็นว่าเล่น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมาให้ข้อเสนอที่น่าสนใจกว่า
สรุปแล้วการเลือกตั้ง จึงเป็นเหมือนเทศกาลมอบเงินแตะเอียของชาวจีน
คล้ายกับเทศกาลจ่ายเงินโบนัส เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม
แต่ต้องมาจากผู้แทนที่ได้สนับสนุนคลุกคลีกับชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง
หลายคนเข้าใจผิดว่า...
ใครเงินหนา ก็จัดหนักกัน...ในคืนหมาหอนเลย
เพราะหากจ่ายไปแล้ว แต่ชาวบ้านไม่รู้จักผู้แทนเลย
ใครจะกล้ารับประกันถ้าชาวบ้านไม่กาให้
...หวังว่าคงเป็นประโยขน์นะครับ...
โดยเฉพาะท่านที่ชอบกล่าวหาชาวบ้านแบบเลื่อนลอย
ก็ได้โปรดศึกษากันหน่อย เพราะชาวบ้านพอถูกดูถูกทุกวัน
การจะหันไปยอมรับ ด้วยวิธีการดูถูกเขา จึงไม่สมควรด้วยเหตุและผล
ตามที่คุณชูวิทย์ ได้กล่าวไว้ว่า ควรเข้าหาชาวบ้าน ให้เขาเห็นความตั้งใจ
เจตนาดีๆ ของนักการเมือง ...ช่วยเขา เหมือนที่คนอื่นเคยช่วย
นั่นคือการแข่งขันที่แท้จริง บนเวทีการเมือง...
..ไม่ใช่หักคอเอากับคู่แข่งขัน
แบบที่ทำกันอยู่ในทุกวันนี้...
..