หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ นางอัมภิกา แพเจริญชัย อายุ 53 ปี อาชีพนักบริหารทั่วไป บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) อยู่บ้านเลขที่ 295/31 หมู่บ้านริมสวนรามอินทรา ถนนรามอินทรา ซอย 119/1 แขวงและเขตมีนบุรี พร้อมด้วยลูกสาว คือ น.ส.อุบลรัตน์ แพเจริญชัย อายุ 25 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.(หญิง) ดรุณี ประเสริฐ พงส.ผนพ.สน.มีนบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนหลังจากสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีของน.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ หรือ แพนเค้ก นางเอกสาวชื่อดังของช่อง 7 สี จากการที่สุนัขตัวดังกล่าวได้บุกเข้ามากัดไก่แจ้ และทำลายข้าวของภายในบ้านของตัวเอง และเป็นอย่างนี้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน
ซึ่งในครั้งล่าสุด นางอัมภิกา ได้เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท โดยให้เหตุผลว่าเรื่องของจำนวนเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำซากหลายครั้งและปัญหาไม่ยอมจบไป จึงอยากให้เจ้าของสุนัขดูแลสุนัขให้มากกว่านี้
ล่าสุด ด้านนางเอกสาวได้เดินทางมาออกรายการเกิดมาคุย และกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า
"แพนต้องบอกก่อนว่าทุกครั้งที่มีเรื่อง แพนไม่ได้อยู่บ้าน แพนทำงาน แต่เท่าที่ทราบมาจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ คือแม่บ้านของแพนเองเนี่ย น้องหมาของเราหลุดเข้าไปในบ้านเขาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกที่เข้าไป เราก็มีการรับผิดชอบค่าเสียหายตามความเป็นจริง ก็เรียบร้อยไป คือหมาเราไปพาไก่จากบ้านนั้นกลับมา ไก่อาจจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เราก็ส่งสัตวแพทย์ไปดูแล ก็จบกันไป เผอิญว่ามีครั้งที่สองเกิดขึ้น เราก็โอ๊ย ตายละ แต่ต้องบอกก่อนนะคะว่า ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เรามีการขอโทษทุกครั้ง แบบรีบไปขอโทษเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พอครั้งที่สองก็ขอโทษขอโพยกันไป แล้วทางนั้นก็มีการพูดว่าจะทำร้ายน้องหมาของเราด้วย ซึ่งเราก็ยิ่งกังวล ก็มีมาตรการในบ้านเลยว่า ไม่ปล่อยเชือก ไม่ปล่อยให้ไปเดินเพ่นพ่านเด็ดขาด ก็ดันมีครั้งที่สามเกิดขึ้น ก็หลุดเข้าไปในบ้านเขาแหละค่ะ แต่ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย คือประตูบ้านเขาเปิดไว้ เท่าที่ทราบมานะคะ แต่ก็อาจจะมีการกระโดดตะกรุยมุ้งลวดตรงนั้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้มีใครเป็นอะไร เราก็บอกทุกครั้งว่าเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่างตามความเป็นจริง ก็มีการเรียกมา 1 แสนบาทสำหรับครั้งนี้ และถ้ามีครั้งต่อไปจะเป็น 1 ล้านบาท 1 แสนยังไม่ได้จ่ายค่ะ ก็คุณพ่อเป็นเจ้าบ้าน เดี๋ยวคงให้คุณพ่อดูแลในส่วนนี้ จริงๆ หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านคนรักหมานะคะ จะมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก ทั้งน้องหมา น้องแมว ก็จะมีการเดินเล่นหน้าบ้านเป็นปกติ อย่างหน้าบ้านเราก็จะมีอยู่ แต่อาจจะมีว่าเชือกมันหลุดแล้วก็วิ่งไป คือน้องหมาเขาคงรู้สึกว่าเขาเคยวิ่งไปซอยนั้น คุ้นเคย ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นได้ คือจริงๆ เรื่องปิดประตูบ้าน ก็คงเป็นสิทธิของแต่ละบ้าน แต่เราก็คงต้องดูแลในส่วนของเรา และไม่ประมาทในส่วนนี้ ก็เป็นความประมาทของทางเราเอง ที่ทำให้มีการหลุดออกไป แต่ทุกครั้งเราก็จะมีการขอโทษ แบบกราบขอโทษจริงๆ เพราะเราก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ต้องมีปัญหากัน ก็เดี๋ยวคงให้คุณพ่อดูแลในส่วนนี้ คงต้องดูว่าจะจบลงตรงไหน และก็จะตกลงกันว่าอย่างไร"
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1389846677&grpid=01&catid=&subcatid=
แพนเค้ก ออกโรงเคลียร์ กรณีสุนัขทำลายข้าวของเพื่อนบ้าน เหตุเรียกค่าเสียหาย 1 แสน!
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ นางอัมภิกา แพเจริญชัย อายุ 53 ปี อาชีพนักบริหารทั่วไป บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) อยู่บ้านเลขที่ 295/31 หมู่บ้านริมสวนรามอินทรา ถนนรามอินทรา ซอย 119/1 แขวงและเขตมีนบุรี พร้อมด้วยลูกสาว คือ น.ส.อุบลรัตน์ แพเจริญชัย อายุ 25 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.(หญิง) ดรุณี ประเสริฐ พงส.ผนพ.สน.มีนบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนหลังจากสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีของน.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ หรือ แพนเค้ก นางเอกสาวชื่อดังของช่อง 7 สี จากการที่สุนัขตัวดังกล่าวได้บุกเข้ามากัดไก่แจ้ และทำลายข้าวของภายในบ้านของตัวเอง และเป็นอย่างนี้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน
ซึ่งในครั้งล่าสุด นางอัมภิกา ได้เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท โดยให้เหตุผลว่าเรื่องของจำนวนเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำซากหลายครั้งและปัญหาไม่ยอมจบไป จึงอยากให้เจ้าของสุนัขดูแลสุนัขให้มากกว่านี้
ล่าสุด ด้านนางเอกสาวได้เดินทางมาออกรายการเกิดมาคุย และกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า
"แพนต้องบอกก่อนว่าทุกครั้งที่มีเรื่อง แพนไม่ได้อยู่บ้าน แพนทำงาน แต่เท่าที่ทราบมาจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ คือแม่บ้านของแพนเองเนี่ย น้องหมาของเราหลุดเข้าไปในบ้านเขาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกที่เข้าไป เราก็มีการรับผิดชอบค่าเสียหายตามความเป็นจริง ก็เรียบร้อยไป คือหมาเราไปพาไก่จากบ้านนั้นกลับมา ไก่อาจจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เราก็ส่งสัตวแพทย์ไปดูแล ก็จบกันไป เผอิญว่ามีครั้งที่สองเกิดขึ้น เราก็โอ๊ย ตายละ แต่ต้องบอกก่อนนะคะว่า ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เรามีการขอโทษทุกครั้ง แบบรีบไปขอโทษเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พอครั้งที่สองก็ขอโทษขอโพยกันไป แล้วทางนั้นก็มีการพูดว่าจะทำร้ายน้องหมาของเราด้วย ซึ่งเราก็ยิ่งกังวล ก็มีมาตรการในบ้านเลยว่า ไม่ปล่อยเชือก ไม่ปล่อยให้ไปเดินเพ่นพ่านเด็ดขาด ก็ดันมีครั้งที่สามเกิดขึ้น ก็หลุดเข้าไปในบ้านเขาแหละค่ะ แต่ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย คือประตูบ้านเขาเปิดไว้ เท่าที่ทราบมานะคะ แต่ก็อาจจะมีการกระโดดตะกรุยมุ้งลวดตรงนั้นนิดหน่อย แต่ไม่ได้มีใครเป็นอะไร เราก็บอกทุกครั้งว่าเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่างตามความเป็นจริง ก็มีการเรียกมา 1 แสนบาทสำหรับครั้งนี้ และถ้ามีครั้งต่อไปจะเป็น 1 ล้านบาท 1 แสนยังไม่ได้จ่ายค่ะ ก็คุณพ่อเป็นเจ้าบ้าน เดี๋ยวคงให้คุณพ่อดูแลในส่วนนี้ จริงๆ หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านคนรักหมานะคะ จะมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก ทั้งน้องหมา น้องแมว ก็จะมีการเดินเล่นหน้าบ้านเป็นปกติ อย่างหน้าบ้านเราก็จะมีอยู่ แต่อาจจะมีว่าเชือกมันหลุดแล้วก็วิ่งไป คือน้องหมาเขาคงรู้สึกว่าเขาเคยวิ่งไปซอยนั้น คุ้นเคย ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นได้ คือจริงๆ เรื่องปิดประตูบ้าน ก็คงเป็นสิทธิของแต่ละบ้าน แต่เราก็คงต้องดูแลในส่วนของเรา และไม่ประมาทในส่วนนี้ ก็เป็นความประมาทของทางเราเอง ที่ทำให้มีการหลุดออกไป แต่ทุกครั้งเราก็จะมีการขอโทษ แบบกราบขอโทษจริงๆ เพราะเราก็ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ต้องมีปัญหากัน ก็เดี๋ยวคงให้คุณพ่อดูแลในส่วนนี้ คงต้องดูว่าจะจบลงตรงไหน และก็จะตกลงกันว่าอย่างไร"
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1389846677&grpid=01&catid=&subcatid=