“ก้าวสู่อัจฉริยะ” นั่งมองประโยคนี้อยู่ครู่หนึ่ง
แม้แต่อัจฉริยะก็ยังต้องก้าว ไม่มีใครถึงเส้นชัยโดยไม่ต้องเดิน
เป้าหมายบางคนยิ่งใหญ่และไกล จนฟังแล้วบอกว่า “กล้าฝันจริงๆ”
นักร้อง(ว่าที่)คุณหมอ เล่าว่า "ตอนเป็นเด็กฝันอยากเป็นหมอและดารา"
ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่คิดว่าวันนี้เค้าจะคว้าได้ทั้ง 2 ฝัน
"หมอ" อาชีพในฝันอันดับต้นๆของเด็กไทย เส้นทางที่แสนไกลและดูยิ่งใหญ่สำหรับวัย 5 ขวบ
ริทเริ่มนับหนึ่งกับการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยมี "อาชีพแพทย์" เป็นแรงบันดาลใจ
"โตขึ้นอยากเป็นหมอ ตอบแบบนี้ตั้งแต่อนุบาล เลยตั้งใจเรียนตั้งแต่วันนั้น"
"หมอ เป็นอาชีพที่ริทใฝ่ฝัน ตั้งแต่เด็ก แต่ถามว่าโตขึ้นมาเราก็ไม่คิดหรอกว่าเราจะมาเรียนหมอได้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่า
การสอบเ้ข้ามาเรียนในคณะนี้มันค่อนข้างยาก เรียนก็ยาก ซึ่งสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ริทตัดสินใจเรียนคือ
การมีอาชีพเป็นหมอ เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว เป็นอาชีพที่มั่นคง และมีเกียรติ
ที่สำคัญการเป็นหมอได้ช่วยเหลือคนจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นหมออะไรก็ตาม" (cr.นิตยสารเบิกฟ้า)
ภาษาอังกฤษเกรดสอง แต่อยากเรียนหมอ
"ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ไม่ได้เลยครับ ตั้งแต่เด็กๆ ได้เกรด2 เลยครับ ท่อง one เขียน pen ยังไม่ได้เลย (หัวเราะ) แต่ก็มาดีขึ้นตอนมัธยมครับ ริทคิดว่าถ้าเกิดเราไม่ได้วิชานี้เราแย่แน่เลย เพราะว่าเราต้องเรียนหมอ เราอยากเรียนหมอ เราก็ต้องได้วิชานี้ และก็เผอิญว่าอาจารย์เห็นว่าพอที่จะพัฒนาได้ครับ ขึ้น ม.4 ก็เริ่มได้เกรด 4 แล้วครับ แล้วก็เรียนจนเริ่มไปแข่งได้ เอารางวัลตั้งแต่จังหวัดก่อน แล้วอาจารย์ก็ส่งไประดับภาค ระดับประเทศแบบนี้ครับ" cr. Pre-Freshy Magazine
บันไดสู่เวทีแข่งขัน
ภาษาอังกฤษจะมี 2 ทักษะ
1. speaking & listening หาโอกาสใช้บ่อยๆ
ENG PLAY ซินเดอเรลล่า
แ่ข่ง shell quiz on the road 2008
2. gramma
"ต้องท่องศัพท์ทุกวัน วันนึงก็เยอะ ประมาณเท่านี้ (ทำมือแสดงความสูง 1 นิ้ว) คือ ริทต้องท่องศัพท์ไปสอบแต่ละอาทิตย์ รับชีทมาใหม่
แล้วก็สอบ ทำเยอะ เราอยู่ ม.4 ต้องทำของ ม.6 ให้ได้ ฝึกจนเราไปแข่งได้"
สู้สุดใจ สุดท้ายไปไม่ถึงดาว
พลาด เพชรยอดมงกุฎ : เมื่อก่อนผมเป็นตัวแทนไปแข่ง A Math ระดับประเทศ แล้วก็แข่งพวกความรู้ ภาษาอังกฤษ + คณิตศาสตร์ บ่อยมาก ต้องซ้อม ต้องฝึกฝน ต้องอ่านหนังสือ ต้องทำอะไรหลายอย่างเพื่อคว้ารางวัลมาให้ได้ แต่มันก็ไม่ได้สมหวังซ่ะทุกครั้ง คว้าดาวพลาดก็บ่อยไป(หัวเราะ)อย่างตอนเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่ง ภาษาอังกฤษระดับประเทศ เพชรยอดมงกุฎ ตอนนั้นถือคว้าคว้าดาวพลาด ทำคะแนนได้ไม่ดีเลย เสียใจมาก ทั้งที่เราก็ตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจฝึกซ้อมเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ท้อครับ เรายังสู้ต่อได้ สำหรับ เดอะสตาร์ 6 ผมอาจจะยังร้องเพลงไม่เก่ง เต้นยังไม่ดี แต่จะพยายามเพื่อให้ทุกคนไม่ผิดหวังที่โหวตให้ผมครับ (Cr. นิตยสาร I-SPY)
เพชรยอดมงกุฏ เวทีระดับประเทศ หัวกะทิลงแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน
เกณฑ์คัดเลือก เรียงจากคะแนนสูงสุด 15 อันดับ เข้ารอบคนสุดท้ายได้ 91 คะแนน ที่หนึ่งได้ 96 หมายความว่ามีคะแนนเท่ากัน
79/100 ได้ลำดับที่ 94 ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน รับเกียรติบัตร พร้อมรางวัล 500 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติมการแข่งขัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้3. คุณสมบัติของผู้เข้าแข่งขัน
3.1 ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียนในระดับชั้นที่สมัครแข่งขัน คือ เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 , ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 , ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในปีการศึกษา 2556 ของโรงเรียนทุกสังกัด ทั่วประเทศที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ (ไม่เกินระดับชั้นละ 3 คน)
3.2 ผู้เข้าแข่งขันต้องผ่านการคัดเลือกจากโรงเรียน และมีผู้บริหารสถานศึกษารับรอง (กรณีที่ผู้เข้าแข่งขันไม่ผ่านการคัดเลือกจากโรงเรียนและไม่มีการรับรองจาก ผู้บริหารสถานศึกษา จะจัดผู้เข้าแข่งขันอยู่ในประเภททดสอบความรู้ไม่ขอรับรางวัล)
3.3 ผู้เข้าแข่งขันต้องมีสัญชาติไทย (กรณีเป็นลูกครึ่ง กรุณานำหลักฐานที่แสดงความเป็นสัญชาติไทย เช่น ทะเบียนบ้าน หรือใบรับรองการเป็นนักเรียน ส่งมาพร้อมใบสมัครด้วย)
หลักเกณฑ์การแข่งขัน
1. การแข่งขันภาษาอังกฤษเพชรยอดมงกุฎ ครั้งที่ 8 เป็นการแข่งขันประเภทบุคคล
2. การแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 , ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 , ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 , ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในปีการศึกษา 2556 ของโรงเรียนทุกสังกัด ทั่วประเทศ
3. ทุกโรงเรียนสามารถส่งนักเรียนเข้าแข่งขันได้ทั้ง 4 ระดับ ระดับชั้นละไม่เกิน 3 คน โดยมีผู้บริหารสถานศึกษารับรอง (ตามรายละเอียดในใบสมัคร)
4. การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รอบ ดังนี้
- รอบคัดเลือกเพชร (รอบที่ 1) ให้โรงเรียนคัดเลือกนักเรียนส่งเข้าแข่งขันระดับชั้นละไม่เกิน 3 คน
- รอบเจียระไนเพชร (รอบที่ 2) ให้นักเรียนจากรอบที่ 1 ทุกคนเข้าแข่งขัน ทำแบบทดสอบความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ณ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย โดนคณะกรรมการคัดเลือกจะจัดลำดับคะแนนสูงสุดและรองลงมาตามลำดับ ระดับชั้นละ 134 คน ผู้ที่ได้ลำดับคะแนนที่ 1-10 ของแต่ละละดับชั้น จะได้รับคัดเลือกให้เข้าแข่งขันในรอบเพชรยอดมงกุฎ (รอบที่ 3) ลำดับคะแนนที่ 11-50 จะได้รับรางวัลชมเชยเป็นทุนการศึกษา 1,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ลำดับคะแนนที่ 51-100 ได้รับรางวัลผ่านเกณฑ์ จะได้รับเกียรติบัตร
- รอบเพชรยอดมงกุฎ (รอบที่ 3) นักเรียนต้องแสดงความสามารถในการเขียนเรียงความ (Essay) และการพูดต่อหน้าสาธารณชน (Public Speaking) ตามหัวข้อที่คณะกรรมการกำหนดให้ในวันที่แข่งขัน
วิเคราะห์คะแนน
ข้อสอบโครงการเพชรยอดฯ ออกโดยผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา การันตีเรื่องความยาก
นักเรียนที่ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา มีคะแนนเอ็นทรานซ์ 70+ ทั้งสิ้น
ริทได้ 79/100 ถือว่าเก่งพอสมควร
แต่หากต้องการไปต่อ ต้องบอกว่าคะแนนเท่านี้ค่อนข้างเสี่ยงว่าจะได้ไปต่อไหม ถ้าจะให้มั่นใจก็ต้องทำคะแนน 90+
ณ ห้องเรียนตอน ม.5
ริท : ทำไงดี เค้าอยากเก่งอังกฤษอะ แต่ไม่เคยเรียนพิเศษเลยนะ เนี่ยมันจะมีการสอบ top test เร็ว ๆ นี้ อยากได้คะแนนดี ๆ แต่เค้าคงสู้แกไม่ได้หรอก แกเรียน inter มาตั้งหลายปี
เพื่อนผู้ชาย : ไม่หรอก
วันรุ่งขึ้น เพื่อนก็เอาหนังสือมาให้ ริทก็เลือก ๆ ไปอ่าน
พอประกาศผลสอบ
ริทก็ทำคะแนนได้ดีจริง ๆ ได้เป็นที่ 1 ของภาคอีสาน
และเพื่อนผู้ชายอีกคนก็ได้ที่ 1 ของประเทศ
1 ปีต่อมา มีการสอบ top test อีก
ผลคะแนนออกมาว่า เพื่อนผู่ชายได้ที่ 1 ของภาค
แล้วริทได้เป็นที่ 1 ของประเทศ
รางวัลมีไว้ให้คนตั้งใจ
จากเด็กที่ท่อง one เขียน pen ไม่ได้
วันนี้ "ริท" คือ นักศึกษาแพทย์โครงการ MDX (ผู้มีความสามารถทางภาษาอังกฤษและวิชาการ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
กว่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์
"หลังจากสอบติดหมอ ฝันของริทเรื่องจะเป็นดารายังไม่หยุดไง ริทก็เลยมาประกวดเดอะสตาร์ลองดูสักตั้ง"
ชีวิตจริง ต่างจากที่คิด
“ตอนแรกมองว่าสบาย เป็นงานที่มายืนถ่ายๆ พูดๆ ก็ได้เงินแล้ว แต่พอมาสัมผัสจริงๆ แล้ว โอ้โห... คนละโลกเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าต้องตื่นมาถ่ายละครตั้งแต่ 6 โมงเช้า บางวันเลิกตี 3 ตี 4 ตี 5 โชคดีหน่อยก็เลิกเร็ว แต่ส่วนใหญ่ ตี 3 ตี 4 ตลอด (หัวเราะ) เวลาเล่นก็ไม่ใช่จะอยู่ในร่มอย่างเดียว ต้องตากแดด ตากฝน ตากลม ต้องบุกป่าฝ่าดงอะไรอีกหลายอย่าง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด แล้วก่อนที่เราจะเข้าไปทำงานแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานเพลง งานแสดง จะต้องไปเรียนทุกอย่างก่อน เรียนก็ไม่ใช่ว่าสบายนะครับ มีช่วงหนึ่งที่ริทหนักมาก ต้องทำโปรเจ็กต์เพลงชอบก็จีบ เสร็จปุ๊บต้องเตรียมที่จะไปแสดงละครอีก ตารางฝึกฝนแน่นมาก ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงคืน ตอนเช้าเรียนร้องเพลง เสร็จไปเรียนตีลังกาที่โรงยิม ซึ่งตีลังกาเป็นแบบกลับหลังด้วยนะ เสร็จแล้วก็มาเรียนเต้นต่อ เต้นเสร็จไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธ์เทวนพ เทวกุล) แต่ละอันไม่ได้เรียนแบบว่านั่งเลกเชอร์นะ มันต้องใช้พลังทั้งนั้นเลย โอ้โห! แต่ละวันกลับบ้านมาล้า ขาชา ทุกอย่างมันผิดคาดจากที่เราคิดไปมาก มันไม่ได้มาง่ายๆ เลย” (cr.นิตยสารโปสการ์ด)
ยากกว่าการได้มา คือการรักษาไว้
นับหนึ่งได้ ก้าวต่อไปจะตามมา
แม้แต่อัจฉริยะก็ยังต้องก้าว ไม่มีใครถึงเส้นชัยโดยไม่ต้องเดิน
เป้าหมายบางคนยิ่งใหญ่และไกล จนฟังแล้วบอกว่า “กล้าฝันจริงๆ”
นักร้อง(ว่าที่)คุณหมอ เล่าว่า "ตอนเป็นเด็กฝันอยากเป็นหมอและดารา"
ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่คิดว่าวันนี้เค้าจะคว้าได้ทั้ง 2 ฝัน
"หมอ" อาชีพในฝันอันดับต้นๆของเด็กไทย เส้นทางที่แสนไกลและดูยิ่งใหญ่สำหรับวัย 5 ขวบ
ริทเริ่มนับหนึ่งกับการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยมี "อาชีพแพทย์" เป็นแรงบันดาลใจ
"โตขึ้นอยากเป็นหมอ ตอบแบบนี้ตั้งแต่อนุบาล เลยตั้งใจเรียนตั้งแต่วันนั้น"
"หมอ เป็นอาชีพที่ริทใฝ่ฝัน ตั้งแต่เด็ก แต่ถามว่าโตขึ้นมาเราก็ไม่คิดหรอกว่าเราจะมาเรียนหมอได้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่า
การสอบเ้ข้ามาเรียนในคณะนี้มันค่อนข้างยาก เรียนก็ยาก ซึ่งสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ริทตัดสินใจเรียนคือ
การมีอาชีพเป็นหมอ เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว เป็นอาชีพที่มั่นคง และมีเกียรติ
ที่สำคัญการเป็นหมอได้ช่วยเหลือคนจริงๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นหมออะไรก็ตาม" (cr.นิตยสารเบิกฟ้า)
ภาษาอังกฤษเกรดสอง แต่อยากเรียนหมอ
"ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ไม่ได้เลยครับ ตั้งแต่เด็กๆ ได้เกรด2 เลยครับ ท่อง one เขียน pen ยังไม่ได้เลย (หัวเราะ) แต่ก็มาดีขึ้นตอนมัธยมครับ ริทคิดว่าถ้าเกิดเราไม่ได้วิชานี้เราแย่แน่เลย เพราะว่าเราต้องเรียนหมอ เราอยากเรียนหมอ เราก็ต้องได้วิชานี้ และก็เผอิญว่าอาจารย์เห็นว่าพอที่จะพัฒนาได้ครับ ขึ้น ม.4 ก็เริ่มได้เกรด 4 แล้วครับ แล้วก็เรียนจนเริ่มไปแข่งได้ เอารางวัลตั้งแต่จังหวัดก่อน แล้วอาจารย์ก็ส่งไประดับภาค ระดับประเทศแบบนี้ครับ" cr. Pre-Freshy Magazine
บันไดสู่เวทีแข่งขัน
ภาษาอังกฤษจะมี 2 ทักษะ
1. speaking & listening หาโอกาสใช้บ่อยๆ
ENG PLAY ซินเดอเรลล่า
แ่ข่ง shell quiz on the road 2008
2. gramma
"ต้องท่องศัพท์ทุกวัน วันนึงก็เยอะ ประมาณเท่านี้ (ทำมือแสดงความสูง 1 นิ้ว) คือ ริทต้องท่องศัพท์ไปสอบแต่ละอาทิตย์ รับชีทมาใหม่
แล้วก็สอบ ทำเยอะ เราอยู่ ม.4 ต้องทำของ ม.6 ให้ได้ ฝึกจนเราไปแข่งได้"
สู้สุดใจ สุดท้ายไปไม่ถึงดาว
พลาด เพชรยอดมงกุฎ : เมื่อก่อนผมเป็นตัวแทนไปแข่ง A Math ระดับประเทศ แล้วก็แข่งพวกความรู้ ภาษาอังกฤษ + คณิตศาสตร์ บ่อยมาก ต้องซ้อม ต้องฝึกฝน ต้องอ่านหนังสือ ต้องทำอะไรหลายอย่างเพื่อคว้ารางวัลมาให้ได้ แต่มันก็ไม่ได้สมหวังซ่ะทุกครั้ง คว้าดาวพลาดก็บ่อยไป(หัวเราะ)อย่างตอนเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่ง ภาษาอังกฤษระดับประเทศ เพชรยอดมงกุฎ ตอนนั้นถือคว้าคว้าดาวพลาด ทำคะแนนได้ไม่ดีเลย เสียใจมาก ทั้งที่เราก็ตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจฝึกซ้อมเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ท้อครับ เรายังสู้ต่อได้ สำหรับ เดอะสตาร์ 6 ผมอาจจะยังร้องเพลงไม่เก่ง เต้นยังไม่ดี แต่จะพยายามเพื่อให้ทุกคนไม่ผิดหวังที่โหวตให้ผมครับ (Cr. นิตยสาร I-SPY)
เพชรยอดมงกุฏ เวทีระดับประเทศ หัวกะทิลงแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน
เกณฑ์คัดเลือก เรียงจากคะแนนสูงสุด 15 อันดับ เข้ารอบคนสุดท้ายได้ 91 คะแนน ที่หนึ่งได้ 96 หมายความว่ามีคะแนนเท่ากัน
79/100 ได้ลำดับที่ 94 ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน รับเกียรติบัตร พร้อมรางวัล 500 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติมการแข่งขัน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วิเคราะห์คะแนน
ข้อสอบโครงการเพชรยอดฯ ออกโดยผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา การันตีเรื่องความยาก
นักเรียนที่ได้รับรางวัลในแต่ละสาขา มีคะแนนเอ็นทรานซ์ 70+ ทั้งสิ้น
ริทได้ 79/100 ถือว่าเก่งพอสมควร
แต่หากต้องการไปต่อ ต้องบอกว่าคะแนนเท่านี้ค่อนข้างเสี่ยงว่าจะได้ไปต่อไหม ถ้าจะให้มั่นใจก็ต้องทำคะแนน 90+
ณ ห้องเรียนตอน ม.5
ริท : ทำไงดี เค้าอยากเก่งอังกฤษอะ แต่ไม่เคยเรียนพิเศษเลยนะ เนี่ยมันจะมีการสอบ top test เร็ว ๆ นี้ อยากได้คะแนนดี ๆ แต่เค้าคงสู้แกไม่ได้หรอก แกเรียน inter มาตั้งหลายปี
เพื่อนผู้ชาย : ไม่หรอก
วันรุ่งขึ้น เพื่อนก็เอาหนังสือมาให้ ริทก็เลือก ๆ ไปอ่าน
พอประกาศผลสอบ ริทก็ทำคะแนนได้ดีจริง ๆ ได้เป็นที่ 1 ของภาคอีสาน
และเพื่อนผู้ชายอีกคนก็ได้ที่ 1 ของประเทศ
1 ปีต่อมา มีการสอบ top test อีก
ผลคะแนนออกมาว่า เพื่อนผู่ชายได้ที่ 1 ของภาค
แล้วริทได้เป็นที่ 1 ของประเทศ
รางวัลมีไว้ให้คนตั้งใจ
จากเด็กที่ท่อง one เขียน pen ไม่ได้
วันนี้ "ริท" คือ นักศึกษาแพทย์โครงการ MDX (ผู้มีความสามารถทางภาษาอังกฤษและวิชาการ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
กว่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์
"หลังจากสอบติดหมอ ฝันของริทเรื่องจะเป็นดารายังไม่หยุดไง ริทก็เลยมาประกวดเดอะสตาร์ลองดูสักตั้ง"
ชีวิตจริง ต่างจากที่คิด
“ตอนแรกมองว่าสบาย เป็นงานที่มายืนถ่ายๆ พูดๆ ก็ได้เงินแล้ว แต่พอมาสัมผัสจริงๆ แล้ว โอ้โห... คนละโลกเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าต้องตื่นมาถ่ายละครตั้งแต่ 6 โมงเช้า บางวันเลิกตี 3 ตี 4 ตี 5 โชคดีหน่อยก็เลิกเร็ว แต่ส่วนใหญ่ ตี 3 ตี 4 ตลอด (หัวเราะ) เวลาเล่นก็ไม่ใช่จะอยู่ในร่มอย่างเดียว ต้องตากแดด ตากฝน ตากลม ต้องบุกป่าฝ่าดงอะไรอีกหลายอย่าง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด แล้วก่อนที่เราจะเข้าไปทำงานแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานเพลง งานแสดง จะต้องไปเรียนทุกอย่างก่อน เรียนก็ไม่ใช่ว่าสบายนะครับ มีช่วงหนึ่งที่ริทหนักมาก ต้องทำโปรเจ็กต์เพลงชอบก็จีบ เสร็จปุ๊บต้องเตรียมที่จะไปแสดงละครอีก ตารางฝึกฝนแน่นมาก ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงคืน ตอนเช้าเรียนร้องเพลง เสร็จไปเรียนตีลังกาที่โรงยิม ซึ่งตีลังกาเป็นแบบกลับหลังด้วยนะ เสร็จแล้วก็มาเรียนเต้นต่อ เต้นเสร็จไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย (ม.ล.พันธ์เทวนพ เทวกุล) แต่ละอันไม่ได้เรียนแบบว่านั่งเลกเชอร์นะ มันต้องใช้พลังทั้งนั้นเลย โอ้โห! แต่ละวันกลับบ้านมาล้า ขาชา ทุกอย่างมันผิดคาดจากที่เราคิดไปมาก มันไม่ได้มาง่ายๆ เลย” (cr.นิตยสารโปสการ์ด)
ยากกว่าการได้มา คือการรักษาไว้