Inside Llewyn Davis
“รางวัลกรังปรีซ์จากเมืองคานส์, เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมสาขาดนตรีหรือตลก เวทีลูกโลกทองคำ, เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งรางวัลออสการ์ครั้งที่ 86 และเป็นหนังของพี่น้องผู้กำกับมือรางวัล อีธานกับโจอาน โคเอน (No country for old men)” เพียงประโยคข้างต้นก็สามารถการันตรีความดีเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในทางกลับกันมันอาจเป็นของแสลงของคอหนังกระแสหลักที่มักปรามาสว่า “หนังแนวนี้น่าเบื่อ ดูไม่สนุก ดูยาก ต้องปีนเสาดูถึงเข้าใจ” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด แม้จะมีท่วงท่าในการเล่าเรื่องเรื่อยๆ มาเรียงๆ ฟังสำเนียงดนตรีโฟล์คบ้าง แต่มันก็เป็นสไตล์ของผู้กำกับ
Inside Llewyn Davis เป็นหนังสร้างจากโครงเรื่องจริงเสี่ยวหนึ่งชีวิตของ Dave Van Ronk ศิลปินโฟล์คในตำนาน โดยว่าด้วยชีวิตของนักดนตรีตกอับอย่าง ลูวิน เดวิส (ออสการ์ ไอแซค) ที่ใช้ชีวิตเสเพล เที่ยวไปขอนอนตามโซฟาบ้านเพื่อน ถึงแม้ตัวเองมีความสามารถทั้งการร้องและแต่งเพลง แต่ชีวิตก็ไม่ได้ใกล้กับคำว่า ‘ประสบความสำเร็จเลย’
หนังเปิดเรื่องมาด้วยเสียงเพลงสุดไพเราะ Hang Me, Oh Hang Me ที่ร้องโดยลูวิน หลังจากนั้นหนังก็ได้ฉาย ขยายความของคำว่า ‘ตกอับ เฮงซวย ไม่เอาถ่านของลูวินไปตลอดเรื่อง –เพื่อนฝากแมวไว้ ก็ทำหาย จับคืนมาได้ก็เอาผิดตัว -แอบไปเป็นชู้กับเพื่อนสนิทจนเธอตั้งท้อง –อุตส่าห์เที่ยวโบกรถไปถึงซิคาโก เพื่อทำตามฝันแต่ก็กลับมามือเปล่า เพราะความทะนงตน –จะหนีความล้มเหลวไปลงทะเลเป็นกะลาสีเรือ เขาก็ไม่เอา –ไปร้องเพลงที่ผับก็ดันไปปากพล่อยด่านักร้องคนอื่นบนเวที จนถูกสามีกลับมากระทืบ สุดท้ายชีวิตที่เหมือนจะดีขึ้น ก็กลับมาที่จุดเดิม สรุปได้ว่า Inside Llewyn Davis is Nothing.
ในส่วนความเห็นและการตีความของผู้เขียนนั้น สำหรับเรื่องนี้ หนังไม่ได้ยัดเยียดแรงบันดลใจให้คนออกไปตามฝัน ไม่ได้หยิบเอาชีวิตนักร้องเสเพลคนหนึ่ง แล้วมีเหตุที่ทำเขากลายเป็นนักร้องยิ่งใหญ่มานำเสนอ แต่เรื่องนี้ให้ ‘ความจริง’ ความจริงที่ว่า คนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้นมันไม่ง่าย หรืออาจจะเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้พยายามถึงที่สุดแล้วก็ตาม ปัจจัยของความสำเร็จ ไม่ได้มีแค่ความสามารถเพียงอย่างเดียว มันประกอบไปด้วยหลายๆ ส่วน เข้ามาร่วมกันจะสมบรูณ์แต่สำหรับใครที่จะมองในแง่ดี ก็หยิบเอาหนังเรื่องนี้มาดลใจได้ เพราะว่าขนาดคนที่เคยตกอับ ไม่เอาไหนคนหนึ่ง อนาคตเขาก็กลายมาเป็นนักร้องโฟล์คสุดยิ่งใหญ่ได้
อ่านเรื่องอื่นๆใน
http://kirafilmz.wordpress.com/
เพิ่มเติม
แมว ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก ส่วนตัวคิดว่าที่ชื่อไทยใช้ "คน กีตาร์ แมว" เป็นเพราะการตลาดล้วนๆ ที่อยากให้คนรักแมว หลงมาดู
วิจารณ์ Inside Llewyn Davis หนังดี (ตรงใหนวะ) สปอยแหลก
Inside Llewyn Davis
“รางวัลกรังปรีซ์จากเมืองคานส์, เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมสาขาดนตรีหรือตลก เวทีลูกโลกทองคำ, เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งรางวัลออสการ์ครั้งที่ 86 และเป็นหนังของพี่น้องผู้กำกับมือรางวัล อีธานกับโจอาน โคเอน (No country for old men)” เพียงประโยคข้างต้นก็สามารถการันตรีความดีเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในทางกลับกันมันอาจเป็นของแสลงของคอหนังกระแสหลักที่มักปรามาสว่า “หนังแนวนี้น่าเบื่อ ดูไม่สนุก ดูยาก ต้องปีนเสาดูถึงเข้าใจ” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด แม้จะมีท่วงท่าในการเล่าเรื่องเรื่อยๆ มาเรียงๆ ฟังสำเนียงดนตรีโฟล์คบ้าง แต่มันก็เป็นสไตล์ของผู้กำกับ
Inside Llewyn Davis เป็นหนังสร้างจากโครงเรื่องจริงเสี่ยวหนึ่งชีวิตของ Dave Van Ronk ศิลปินโฟล์คในตำนาน โดยว่าด้วยชีวิตของนักดนตรีตกอับอย่าง ลูวิน เดวิส (ออสการ์ ไอแซค) ที่ใช้ชีวิตเสเพล เที่ยวไปขอนอนตามโซฟาบ้านเพื่อน ถึงแม้ตัวเองมีความสามารถทั้งการร้องและแต่งเพลง แต่ชีวิตก็ไม่ได้ใกล้กับคำว่า ‘ประสบความสำเร็จเลย’
หนังเปิดเรื่องมาด้วยเสียงเพลงสุดไพเราะ Hang Me, Oh Hang Me ที่ร้องโดยลูวิน หลังจากนั้นหนังก็ได้ฉาย ขยายความของคำว่า ‘ตกอับ เฮงซวย ไม่เอาถ่านของลูวินไปตลอดเรื่อง –เพื่อนฝากแมวไว้ ก็ทำหาย จับคืนมาได้ก็เอาผิดตัว -แอบไปเป็นชู้กับเพื่อนสนิทจนเธอตั้งท้อง –อุตส่าห์เที่ยวโบกรถไปถึงซิคาโก เพื่อทำตามฝันแต่ก็กลับมามือเปล่า เพราะความทะนงตน –จะหนีความล้มเหลวไปลงทะเลเป็นกะลาสีเรือ เขาก็ไม่เอา –ไปร้องเพลงที่ผับก็ดันไปปากพล่อยด่านักร้องคนอื่นบนเวที จนถูกสามีกลับมากระทืบ สุดท้ายชีวิตที่เหมือนจะดีขึ้น ก็กลับมาที่จุดเดิม สรุปได้ว่า Inside Llewyn Davis is Nothing.
ในส่วนความเห็นและการตีความของผู้เขียนนั้น สำหรับเรื่องนี้ หนังไม่ได้ยัดเยียดแรงบันดลใจให้คนออกไปตามฝัน ไม่ได้หยิบเอาชีวิตนักร้องเสเพลคนหนึ่ง แล้วมีเหตุที่ทำเขากลายเป็นนักร้องยิ่งใหญ่มานำเสนอ แต่เรื่องนี้ให้ ‘ความจริง’ ความจริงที่ว่า คนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้นมันไม่ง่าย หรืออาจจะเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้พยายามถึงที่สุดแล้วก็ตาม ปัจจัยของความสำเร็จ ไม่ได้มีแค่ความสามารถเพียงอย่างเดียว มันประกอบไปด้วยหลายๆ ส่วน เข้ามาร่วมกันจะสมบรูณ์แต่สำหรับใครที่จะมองในแง่ดี ก็หยิบเอาหนังเรื่องนี้มาดลใจได้ เพราะว่าขนาดคนที่เคยตกอับ ไม่เอาไหนคนหนึ่ง อนาคตเขาก็กลายมาเป็นนักร้องโฟล์คสุดยิ่งใหญ่ได้
อ่านเรื่องอื่นๆใน http://kirafilmz.wordpress.com/
เพิ่มเติม
แมว ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก ส่วนตัวคิดว่าที่ชื่อไทยใช้ "คน กีตาร์ แมว" เป็นเพราะการตลาดล้วนๆ ที่อยากให้คนรักแมว หลงมาดู