มีเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาและผ่านไปเป็นที่จดจำหรือไม่น่าจดจำในชีวิตของคนทุกคน
(กระทู้นี้ที่ตั้งมาไม่ได้ต้องการเรี่ยไรเงินหรือสิ่งของต่างๆนะคะแต่อยากแชร์ประสบการณ์ที่มันสะเทือนใจเราให้ฟัง)
ในช่วงชีวิตของการเป็นนักศึกษาฝึกประสบการณ์มีการออกพร๊อบ หมายถึงการออกสังเกตหรือทดลองสอนคะ นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ดิฉันและเพื่อนสนิท ได้ตกลงเลือกโรงเรียนที่จะลงออกพร๊อบทดลองสอนเป็นระยะเวลาสั้นๆขออภัยนะคะที่จำช่วงไม่ได้แต่อยู่ในช่วงสั้นๆไม่กี่เดือน
โรงเรียนที่เราลงนั้นเป็นโรงเรียนขนาดเล็กขยายโอกาสเปิดสอนในระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมีร้อยกว่าคน
ดิฉันลงในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2
เพื่อนดิฉันลงในระดับประถมศึกษาปีที่ 2
การทดลองสอนเป็นไปอย่างปกติและมีความสุขในการสอนนักเรียน
จนถึงวันนึงผ่านไป 2 อาทิตย์ เพื่อนเข้ามาสะกิดและเล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เพื่อนสอนอยู่
เด็กหญิงคนนี้ มีชื่อว่าฟ้าใส เพื่อนเล่านะคะ
พฤติกรรมของเด็กคนนี้ น่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นที่รักของครูอาจารย์เหมือนปกติของเด็กที่น่ารักและนิสัยดีทั่วไปแต่แปลก <<<เพื่อนบอกมา
ฟ้าใสเป็นเด็กคนเดียวที่เวลาทำงาน การบ้านที่ครูสั่งในชั้นเรียน ฟ้าใสต้องทำให้เสร็จ ถึงแม้จะถึงช่วงเวลาอาหารกลางวันของโรงเรียนถ้าฟ้าใสทำไม่เสร็จ ฟ้าใสจะไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง เพื่อนๆคนอื่นๆในชั้นเรียนนั้นต่างพากันออกไปทานอาหารกลางวันกันหมดแล้ว ไม่ยอมซื้อขนมทานแต่เอาเงินที่ได้มาฝากออมทรัพย์ทั้งหมด
มีช่วงเวลาที่ครูในโรงเรียนนั้นต้องออกไปเยี่ยมบ้านผู้ปกครองของนักเรียน
เราได้ไปบ้านของเด็กหญิงฟ้าใส ครูประจำชั้นท่านบอกเราในรถว่าฟ้าใสถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็กๆ พ่อติดเหล้า อย่าไปถามถึงแม่เค้าจกพ่อนะเรากับเพื่อนก็รับคำจากครูประจำชั้น
>>สิ่งแรกที่เราได้พบคือ บ้านหลังเล็กๆที่แออัดไปด้วยสิ่งของต่างๆซากไม้ ขวด หญ้าที่รกรุงรัง เรายืนเรียกฟ้าใสอยู่หน้าบ้าน
>>ฟ้าใสออกมาด้วยชุดนักเรียนตัวเก่าของตัวเองด้วยใบหน้าตื่นตระหนกแล้วบอกเราว่า
ฟ้าใส "ครูคะหนูไม่ได้เก็บกวาดบ้านเลยคะครู มาวันพรุ่งนี้ได้ไหม๊คะ"
เรากับเพื่อนและครูประจำชั้นบอก"ไม่เป็นไรคะฟ้าใสครูไม่ว่าครูแค่มาเยี่ยมบ้านแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับ"
ฟ้าใสรีบวิ่งลงมาจากบันไดที่ผุของตัวเอง มาหาครูประจำชั้น
ครูประจำชั้น "เดี๋ยวครูจะถามข้อมูลผู้ปกครองหนูนะคะไปเรียกคุณพ่อมาหาครูหน่อยคะ"
ฟ้าใสรีบวิ่งไปตามพ่อของตัวเองมา สภาพที่เราพบคือ คุณพ่อที่เมาเหล้า มาในสภาพที่ใส่เสื้อผ้ากลับด้าน เนื้อตัวมอมแมม
เราทั้ง 3 "สวัสดีเจ้าคุณป้อ" ภาษาเหนือนะคะ
คุณพ่อฟ้าใส "คับๆสวัสดีคะมีอะหยังก็บอกเลยนะคับ" สภาพที่ยืนเป๋ๆ
ครูประจำชั้น"วันนี้ครูขอมาผ่อบ้านน้อคุณป้อเพื่อติดตามสภาพความเป๋นอยู่ของนักเรียนเน้อเจ้า" ครูมาดูบ้านนะคะเพื่อติดตามสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียน
จากนั้นเราก็ขึ้นไปบนบ้านของฟ้าใส ภาพที่เห็นที่ทำให้เราน้ำตาซึมคือ
ห้องมี 1 ห้องนอน แต่ห้องนั้นกลับเต็มไปด้วยสิ่งของและะขยะ กลางโถงบ้านเล็กๆนั้นมี ฟูกนอนที่ไม่ได้ปูผ้าปู หมอนมี 1 ใบเก่ามากๆ ห้องน้ำแทบไม่ต้องพูดถึง ห้องครัวเต็มไปด้วยฝุ่นและขยะต่างๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังใหม่และถูกวางไว้เพื่อให้ถูกใช้งานได้อย่างสะดวก คือครก เตาถ่าน และหม้อ เรามองและรู้ได้ทันทีเลยคะว่าสิ่งนี้ฟ้าใสใช้แน่นอน ฟ้าใสยืนอยู่ข้างๆบิดมือตัวเองก้มหน้า อยู่ข้างเราๆที่เข้าไปถ่ายรูปบ้านของฟ้าใส
ดิฉัน"ไม่เป็นไรคะฟ้าใสหนูไม่ต้องกลัวนะคะครูไม่ได้ว่าหนู"
ครูประจำชั้นยืนคุยกับคุณพ่อแล้วเริ่มบอกให้พ่อของฟ้าใสนั้นปรับปรุงสิ่งต่างๆในบ้านหลังน้อยเพื่อลูกสาวของตนอยู่ข้างบนบ้าน
เรากับเพื่อนลงมาจากข้างบนบ้านแล้วเรียกฟ้าใสลงมาเพื่อถามข้อมูล
เรา"ฟ้าใสคะคุรพ่อหนูชื่อ"
ฟ้าใสก็บอกมา
แต่ที่ทำให้เราทั้งสองจุกได้คือ
เรา"ฟ้าใสแล้วคุณแม่หนูชื่ออะ..." เรายังไม่ทันได้ถามหมด ฟ้าใสยกมือขึ้นจุ๊ปากให้เราเบาๆแล้วบอกเราเสียงเบาๆว่า
ฟ้าใส"พ่อกับแม่หนูเลิกกันคะครู อย่าให้พ่อได้ยินนะคะครู"
เราเลยถามเบาว่า แม่หนูมีชื่อจริงว่าอะไร
ฟ้าใสส่ายหน้าแล้วบอกเราเสียงเบาๆว่า"หนูจำชื่อและนามสกุลของแม่ไม่ได้คะ"
เรายืนมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ลนลานกลัวพ่อได้ยินเราถามเรื่องแม่ ด้วยความรู้สึกที่บรรยายแทบไม่ถูกไปไม่เป็นแล้วปลอบไปว่าไม่เป็นไรเนอะ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วคะฟ้าใส
แล้วพวกเราก็ลากลับเพื่อไปบ้านนักเรียนคนอื่น
เด็กหญิงตัวเล็กๆที่ใส่เสื้อผ้าชุดนักเรียนเก่าๆกระเป๋าเก่าๆแต่เป็น ฟ้าใสเด็กหญิงแค่ 8 ขวบ ขยัน น่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน มุ่งมั่น เรียนเก่ง ตั้งใจและไม่เคยขาดเรียน และเป็นที่รักของครู เราเชื่อว่าต่อไปในอนาคตฟ้าใสของครูต้องได้ดี เพราะในความกตัญญู
เราเขียนเรื่องนี้เพราะเรายังคิดถึงเด็กหญิงฟ้าใส และแชร์เรื่องราวที่เรียกได้ว่าผ่านมาได้เกือบ 2 ปีแต่เรายังจำได้ไม่เคยลืม
เราอยากจะช่วยเหลือนะคะ แต่ติดตรงที่เรายังเป็นแค่นักศึกษาฝึกสอน เราไม่มีรายได้ ถ้ามีโอกาสเราเรียนจบมีงานทำเราจะไปเยี่ยมเด็กหญิงตัวน้อยนี้อีกครั้งคะ
เด็กหญิงฟ้าใส
(กระทู้นี้ที่ตั้งมาไม่ได้ต้องการเรี่ยไรเงินหรือสิ่งของต่างๆนะคะแต่อยากแชร์ประสบการณ์ที่มันสะเทือนใจเราให้ฟัง)
ในช่วงชีวิตของการเป็นนักศึกษาฝึกประสบการณ์มีการออกพร๊อบ หมายถึงการออกสังเกตหรือทดลองสอนคะ นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ดิฉันและเพื่อนสนิท ได้ตกลงเลือกโรงเรียนที่จะลงออกพร๊อบทดลองสอนเป็นระยะเวลาสั้นๆขออภัยนะคะที่จำช่วงไม่ได้แต่อยู่ในช่วงสั้นๆไม่กี่เดือน
โรงเรียนที่เราลงนั้นเป็นโรงเรียนขนาดเล็กขยายโอกาสเปิดสอนในระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนมีร้อยกว่าคน
ดิฉันลงในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2
เพื่อนดิฉันลงในระดับประถมศึกษาปีที่ 2
การทดลองสอนเป็นไปอย่างปกติและมีความสุขในการสอนนักเรียน
จนถึงวันนึงผ่านไป 2 อาทิตย์ เพื่อนเข้ามาสะกิดและเล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เพื่อนสอนอยู่
เด็กหญิงคนนี้ มีชื่อว่าฟ้าใส เพื่อนเล่านะคะ
พฤติกรรมของเด็กคนนี้ น่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นที่รักของครูอาจารย์เหมือนปกติของเด็กที่น่ารักและนิสัยดีทั่วไปแต่แปลก <<<เพื่อนบอกมา
ฟ้าใสเป็นเด็กคนเดียวที่เวลาทำงาน การบ้านที่ครูสั่งในชั้นเรียน ฟ้าใสต้องทำให้เสร็จ ถึงแม้จะถึงช่วงเวลาอาหารกลางวันของโรงเรียนถ้าฟ้าใสทำไม่เสร็จ ฟ้าใสจะไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง เพื่อนๆคนอื่นๆในชั้นเรียนนั้นต่างพากันออกไปทานอาหารกลางวันกันหมดแล้ว ไม่ยอมซื้อขนมทานแต่เอาเงินที่ได้มาฝากออมทรัพย์ทั้งหมด
มีช่วงเวลาที่ครูในโรงเรียนนั้นต้องออกไปเยี่ยมบ้านผู้ปกครองของนักเรียน
เราได้ไปบ้านของเด็กหญิงฟ้าใส ครูประจำชั้นท่านบอกเราในรถว่าฟ้าใสถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็กๆ พ่อติดเหล้า อย่าไปถามถึงแม่เค้าจกพ่อนะเรากับเพื่อนก็รับคำจากครูประจำชั้น
>>สิ่งแรกที่เราได้พบคือ บ้านหลังเล็กๆที่แออัดไปด้วยสิ่งของต่างๆซากไม้ ขวด หญ้าที่รกรุงรัง เรายืนเรียกฟ้าใสอยู่หน้าบ้าน
>>ฟ้าใสออกมาด้วยชุดนักเรียนตัวเก่าของตัวเองด้วยใบหน้าตื่นตระหนกแล้วบอกเราว่า
ฟ้าใส "ครูคะหนูไม่ได้เก็บกวาดบ้านเลยคะครู มาวันพรุ่งนี้ได้ไหม๊คะ"
เรากับเพื่อนและครูประจำชั้นบอก"ไม่เป็นไรคะฟ้าใสครูไม่ว่าครูแค่มาเยี่ยมบ้านแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็กลับ"
ฟ้าใสรีบวิ่งลงมาจากบันไดที่ผุของตัวเอง มาหาครูประจำชั้น
ครูประจำชั้น "เดี๋ยวครูจะถามข้อมูลผู้ปกครองหนูนะคะไปเรียกคุณพ่อมาหาครูหน่อยคะ"
ฟ้าใสรีบวิ่งไปตามพ่อของตัวเองมา สภาพที่เราพบคือ คุณพ่อที่เมาเหล้า มาในสภาพที่ใส่เสื้อผ้ากลับด้าน เนื้อตัวมอมแมม
เราทั้ง 3 "สวัสดีเจ้าคุณป้อ" ภาษาเหนือนะคะ
คุณพ่อฟ้าใส "คับๆสวัสดีคะมีอะหยังก็บอกเลยนะคับ" สภาพที่ยืนเป๋ๆ
ครูประจำชั้น"วันนี้ครูขอมาผ่อบ้านน้อคุณป้อเพื่อติดตามสภาพความเป๋นอยู่ของนักเรียนเน้อเจ้า" ครูมาดูบ้านนะคะเพื่อติดตามสภาพความเป็นอยู่ของนักเรียน
จากนั้นเราก็ขึ้นไปบนบ้านของฟ้าใส ภาพที่เห็นที่ทำให้เราน้ำตาซึมคือ
ห้องมี 1 ห้องนอน แต่ห้องนั้นกลับเต็มไปด้วยสิ่งของและะขยะ กลางโถงบ้านเล็กๆนั้นมี ฟูกนอนที่ไม่ได้ปูผ้าปู หมอนมี 1 ใบเก่ามากๆ ห้องน้ำแทบไม่ต้องพูดถึง ห้องครัวเต็มไปด้วยฝุ่นและขยะต่างๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังใหม่และถูกวางไว้เพื่อให้ถูกใช้งานได้อย่างสะดวก คือครก เตาถ่าน และหม้อ เรามองและรู้ได้ทันทีเลยคะว่าสิ่งนี้ฟ้าใสใช้แน่นอน ฟ้าใสยืนอยู่ข้างๆบิดมือตัวเองก้มหน้า อยู่ข้างเราๆที่เข้าไปถ่ายรูปบ้านของฟ้าใส
ดิฉัน"ไม่เป็นไรคะฟ้าใสหนูไม่ต้องกลัวนะคะครูไม่ได้ว่าหนู"
ครูประจำชั้นยืนคุยกับคุณพ่อแล้วเริ่มบอกให้พ่อของฟ้าใสนั้นปรับปรุงสิ่งต่างๆในบ้านหลังน้อยเพื่อลูกสาวของตนอยู่ข้างบนบ้าน
เรากับเพื่อนลงมาจากข้างบนบ้านแล้วเรียกฟ้าใสลงมาเพื่อถามข้อมูล
เรา"ฟ้าใสคะคุรพ่อหนูชื่อ"
ฟ้าใสก็บอกมา
แต่ที่ทำให้เราทั้งสองจุกได้คือ
เรา"ฟ้าใสแล้วคุณแม่หนูชื่ออะ..." เรายังไม่ทันได้ถามหมด ฟ้าใสยกมือขึ้นจุ๊ปากให้เราเบาๆแล้วบอกเราเสียงเบาๆว่า
ฟ้าใส"พ่อกับแม่หนูเลิกกันคะครู อย่าให้พ่อได้ยินนะคะครู"
เราเลยถามเบาว่า แม่หนูมีชื่อจริงว่าอะไร
ฟ้าใสส่ายหน้าแล้วบอกเราเสียงเบาๆว่า"หนูจำชื่อและนามสกุลของแม่ไม่ได้คะ"
เรายืนมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ลนลานกลัวพ่อได้ยินเราถามเรื่องแม่ ด้วยความรู้สึกที่บรรยายแทบไม่ถูกไปไม่เป็นแล้วปลอบไปว่าไม่เป็นไรเนอะ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วคะฟ้าใส
แล้วพวกเราก็ลากลับเพื่อไปบ้านนักเรียนคนอื่น
เด็กหญิงตัวเล็กๆที่ใส่เสื้อผ้าชุดนักเรียนเก่าๆกระเป๋าเก่าๆแต่เป็น ฟ้าใสเด็กหญิงแค่ 8 ขวบ ขยัน น่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน มุ่งมั่น เรียนเก่ง ตั้งใจและไม่เคยขาดเรียน และเป็นที่รักของครู เราเชื่อว่าต่อไปในอนาคตฟ้าใสของครูต้องได้ดี เพราะในความกตัญญู
เราเขียนเรื่องนี้เพราะเรายังคิดถึงเด็กหญิงฟ้าใส และแชร์เรื่องราวที่เรียกได้ว่าผ่านมาได้เกือบ 2 ปีแต่เรายังจำได้ไม่เคยลืม
เราอยากจะช่วยเหลือนะคะ แต่ติดตรงที่เรายังเป็นแค่นักศึกษาฝึกสอน เราไม่มีรายได้ ถ้ามีโอกาสเราเรียนจบมีงานทำเราจะไปเยี่ยมเด็กหญิงตัวน้อยนี้อีกครั้งคะ