เมื่อวานเห็นมีกระทู้เต็มไปหมดว่าพี่เทพเราเป็นบุคคลแห่งเอเชีย
ไอ้เราก็ไม่ว่างจะหาข้อมูลมาช่วยเสริมต่อให้พวกท่าน
วันนี้มีโอกาสก็อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมให้
อ่านจากลิ้งค์ฉบับเต็ม
ฉบับแปลไทย
http://prachatai.com/journal/2014/01/51103
ฉบับภาษาอังกฤษ (เดี๋ยวจะว่าเราลำเอียง)
http://asiasociety.org/blog/asia/how-thailands-suthep-thaugsuban-ran-away-our-person-year-poll
อันนี้เราตัดมาบางส่วน
เรื่องนี้ทำให้ Asia Society เกิดความสนใจสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นมาถึงได้สัมภาษณ์พูดคุยกับ แพทริค วินน์
นักข่าวอาวุโสประจำพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักข่าว GlobalPost ผู้ทำข่าวการประท้วงในไทยตั้งแต่ปี 2551
Asia Society คั้งคำถามว่าสุเทพเป็นใครและกำลังเคลื่อนไหวอะไรในไทย ซึ่งวินน์ตอบว่าบางคนอาจจะมองสุเทพเป็นกบฏ
แต่บางคนก็อาจจะมองเป็นวีรบุรุษ เขามีอาชีพนักการเมืองมาตั้งแต่ราว 40 ปีที่แล้ว
ท่ามกลางความผันผวนของการเมืองไทยต้องนับว่าเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดได้เก่ง
วินน์กล่าวว่า สุเทพผันตัวมาเป็นผู้นำการกำจัดการทุจริตในประเทศไทย แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
สุเทพได้รับการสนับสนุนยกย่องจากกลุ่มผู้ติดตามที่มีความเลื่อมใสมากแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมวลชนทั้งหมด
วินน์กล่าวอีกว่าวิธีการที่สุเทพคิดจะใช้ในการกำจัดทุจริตคอร์รัปชั่นก็เป็นวิธีการสุดโต่งมากคือการล้มล้างรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งสภาผู้ทรงภูมิปัญญาขึ้นมาแทน ซึ่งดูเหมือนว่าสุเทพและพรรคพวกของเขา
จะได้รับสิทธิพิเศษจากกลุ่มที่มาจากการแต่งตั้งกันเองกลุ่มนี้ สำหรับวินน์แล้วฟังดูเหมือนพวก 'โปลิทบูโร'
(คณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ในโซเวียต)
เมื่อ Asia Society ถามว่า สุเทพได้รับความนิยมขนาดไหน และอะไรที่ดึงดูดให้คนติดตามเขา
วินน์ก็ตอบว่าก่อนหน้านี้สุเทพไม่เคยเป็นผู้นำมวลชนเช่นนี้มาก่อน เขาเหมือนเป็นคนคุมเกมการเมือง
ที่สามารถรอดข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นมาได้ เขาเป็นนักการเมืองแนวลุยๆ
ที่ไม่สนว่าจะเหยียบเท้าใครเพื่อให้เป้าหมายลุล่วง ชวนให้นึกถึงดิก เชนีย์
(นักการเมืองพรรคริพับลิกันผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัยจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช)
วินน์กล่าวว่าความพยายามปราบปรามการคอร์รัปชั่นของเขามักจะถูกตีความไปในทางการต่อต้าน
กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามคือเครือข่ายตระกูลชินวัตรที่มีอำนาจมาก ซึ่งสามารถชนะการเลือกตั้งระดับประเทศ
ได้มาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว แต่อดีตนายกฯ ทักษิณก็กำลังหลบหนีการดำเนินคดีข้อหาคอร์รัปชั่นอยู่ที่ดูไบ
ขณะเดียวกันฐานเสียงของทักษิณมักจะมาจากต่างจังหวัด โดยสุเทพก็อาศัยความเชื่อที่ว่าการให้อำนาจ
แก่คนในจังหวัดอื่นจะทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองที่ไม่ดีเป็นแรงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของตน
จากการสำรวจของมูลนิธิเอเชียระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงของสุเทพส่วนใหญ่เป็นคนที่มีการศึกษาและมีฐานะ
ร้อยละ 85 จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมฯ และมากกว่าครึ่งมีเงินเดือนมากกว่า 30,000 บาท
วินน์บอกว่าการที่คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น ไลน์ หรือเฟซบุ๊ก
ทำให้พวกเขาสะท้อนความคิดเห็นของตัวเองไปมาและอาจทำให้เกิดความคิดแบบสุดโต่ง
จากการอยู่รวมกันของคนที่คิดแบบเดียวกันอย่างเดียวได้ พวกเขายังสามารถขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ
ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่หาเงินทุน จัดการประท้วงปิดถนน ตามฟลัดความคิดเห็นในเพจของเฟซบุ๊กด้วยท่าทีดูถูกคนอื่น
รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Asia Society คือการทำให้ผลโพลล์ไปในทางที่พวกตนต้องการ
บุคคลแห่งเอเชีย พี่เทพนั้นเอง......เย้ๆๆๆๆ
ไอ้เราก็ไม่ว่างจะหาข้อมูลมาช่วยเสริมต่อให้พวกท่าน
วันนี้มีโอกาสก็อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมให้
อ่านจากลิ้งค์ฉบับเต็ม
ฉบับแปลไทย
http://prachatai.com/journal/2014/01/51103
ฉบับภาษาอังกฤษ (เดี๋ยวจะว่าเราลำเอียง)
http://asiasociety.org/blog/asia/how-thailands-suthep-thaugsuban-ran-away-our-person-year-poll
อันนี้เราตัดมาบางส่วน
เรื่องนี้ทำให้ Asia Society เกิดความสนใจสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นมาถึงได้สัมภาษณ์พูดคุยกับ แพทริค วินน์
นักข่าวอาวุโสประจำพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักข่าว GlobalPost ผู้ทำข่าวการประท้วงในไทยตั้งแต่ปี 2551
Asia Society คั้งคำถามว่าสุเทพเป็นใครและกำลังเคลื่อนไหวอะไรในไทย ซึ่งวินน์ตอบว่าบางคนอาจจะมองสุเทพเป็นกบฏ
แต่บางคนก็อาจจะมองเป็นวีรบุรุษ เขามีอาชีพนักการเมืองมาตั้งแต่ราว 40 ปีที่แล้ว
ท่ามกลางความผันผวนของการเมืองไทยต้องนับว่าเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดได้เก่ง
วินน์กล่าวว่า สุเทพผันตัวมาเป็นผู้นำการกำจัดการทุจริตในประเทศไทย แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
สุเทพได้รับการสนับสนุนยกย่องจากกลุ่มผู้ติดตามที่มีความเลื่อมใสมากแต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากมวลชนทั้งหมด
วินน์กล่าวอีกว่าวิธีการที่สุเทพคิดจะใช้ในการกำจัดทุจริตคอร์รัปชั่นก็เป็นวิธีการสุดโต่งมากคือการล้มล้างรัฐบาล
ที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งสภาผู้ทรงภูมิปัญญาขึ้นมาแทน ซึ่งดูเหมือนว่าสุเทพและพรรคพวกของเขา
จะได้รับสิทธิพิเศษจากกลุ่มที่มาจากการแต่งตั้งกันเองกลุ่มนี้ สำหรับวินน์แล้วฟังดูเหมือนพวก 'โปลิทบูโร'
(คณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์ในโซเวียต)
เมื่อ Asia Society ถามว่า สุเทพได้รับความนิยมขนาดไหน และอะไรที่ดึงดูดให้คนติดตามเขา
วินน์ก็ตอบว่าก่อนหน้านี้สุเทพไม่เคยเป็นผู้นำมวลชนเช่นนี้มาก่อน เขาเหมือนเป็นคนคุมเกมการเมือง
ที่สามารถรอดข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นมาได้ เขาเป็นนักการเมืองแนวลุยๆ
ที่ไม่สนว่าจะเหยียบเท้าใครเพื่อให้เป้าหมายลุล่วง ชวนให้นึกถึงดิก เชนีย์
(นักการเมืองพรรคริพับลิกันผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัยจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช)
วินน์กล่าวว่าความพยายามปราบปรามการคอร์รัปชั่นของเขามักจะถูกตีความไปในทางการต่อต้าน
กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามคือเครือข่ายตระกูลชินวัตรที่มีอำนาจมาก ซึ่งสามารถชนะการเลือกตั้งระดับประเทศ
ได้มาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว แต่อดีตนายกฯ ทักษิณก็กำลังหลบหนีการดำเนินคดีข้อหาคอร์รัปชั่นอยู่ที่ดูไบ
ขณะเดียวกันฐานเสียงของทักษิณมักจะมาจากต่างจังหวัด โดยสุเทพก็อาศัยความเชื่อที่ว่าการให้อำนาจ
แก่คนในจังหวัดอื่นจะทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองที่ไม่ดีเป็นแรงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของตน
จากการสำรวจของมูลนิธิเอเชียระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงของสุเทพส่วนใหญ่เป็นคนที่มีการศึกษาและมีฐานะ
ร้อยละ 85 จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมฯ และมากกว่าครึ่งมีเงินเดือนมากกว่า 30,000 บาท
วินน์บอกว่าการที่คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น ไลน์ หรือเฟซบุ๊ก
ทำให้พวกเขาสะท้อนความคิดเห็นของตัวเองไปมาและอาจทำให้เกิดความคิดแบบสุดโต่ง
จากการอยู่รวมกันของคนที่คิดแบบเดียวกันอย่างเดียวได้ พวกเขายังสามารถขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ
ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่หาเงินทุน จัดการประท้วงปิดถนน ตามฟลัดความคิดเห็นในเพจของเฟซบุ๊กด้วยท่าทีดูถูกคนอื่น
รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Asia Society คือการทำให้ผลโพลล์ไปในทางที่พวกตนต้องการ