....และแล้ววันนี้ก็มาถึง
วันนี้ออกมาทำงานตามปกติ ใจนึงก็ห่วงมวลมหาประชาชน (ชื่อยาวนะเรา) ใจนึกก็กลัวว่าจะไปทำงานไม่ทัน ระหว่างที่นั่งรถก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เป็นหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมกรา (ก็เดือนนี้แหละ) พอพลิกไปสองหน้า ก็ไปเจอโน๊ตเล็กๆของทางสำนักพิมพ์ อ่านไปสองบรรทัดก็เข้าสู่โหมดน้ำตาซึมไปสองนาที.....
นิตยสาร Reader Digest ฉบับภาษาไทยหรือหนังสือสรรสาระ ยุติการจัดพิมพ์แล้วนะครับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป (T T) หลังจากตีพิมพ์เผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์แขนงอื่นๆให้ผู้อ่านชาวไทยมา 17 ปีกับอีก 9 เดือน
ผมเป็นสมาชิกที่รับนิตยสารฉบับนี้มา 8 ปีเต็ม ตั้งแต่ฉบับมกราปี 48 (97 เล่มที่รับมายังเก็บไว้ในตู้หนังสือ ยับหน่อย แต่ไม่ขาดไม่หาย) รู้สึกเสียใจโพดๆครับที่หนังสือดีๆต้องจากคนไทยไปอีกฉบับนึงแล้ว เหตุผลที่บรรณาธิการชี้แจงไว้คือ"ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เราไม่อาจหยุดยั้งได้" ซึ่งผมแปลเป็นภาษาคนว่า รับผลขาดทุนไม่ไหวอีกต่อไป
ก็ไม่แปลกครับ เพราะเอาจริงๆผมก็ไม่เคยรู้จักใครที่ซื้อหนังสือเล่มนี้อ่านเลย อย่าว่าแต่เป็นสมาชิก
สำหรับผม เขาคือกัลยาณมิตร(ชาวบ้านเรียกเพื่อนที่แสนดี) ผู้มีสาระ ผู้อยู่เป็นเพื่อนผมยามห่อยต่องแต่งไปทำงานอยู่บน BTS, MRT, ปอ และสองแถวปากซอยตลอดมา ผมเลยตัดสินใจรับเป็นสมาชิกต่อในฉบับภาษาอังกฤษ (คงส่งมาจากสิงค์โปร) มองโลกในแง่ดี แทนที่จะอ่านสามวันจบ ก็กลายเป็นสามอาทิตย์ (หัวเราะทั้งน้ำตา T T)
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนคนนี้มากๆ นายจะยังอยู่ในใจเราไปอีกนาน
RIP Reader Digest Thai Edition, The last Issue
Last Issue แล้วนะครับ Reader Digest (สรระสาระ) ฉบับภาษาไทย (. .')
วันนี้ออกมาทำงานตามปกติ ใจนึงก็ห่วงมวลมหาประชาชน (ชื่อยาวนะเรา) ใจนึกก็กลัวว่าจะไปทำงานไม่ทัน ระหว่างที่นั่งรถก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เป็นหนังสือสรรสาระฉบับเดือนมกรา (ก็เดือนนี้แหละ) พอพลิกไปสองหน้า ก็ไปเจอโน๊ตเล็กๆของทางสำนักพิมพ์ อ่านไปสองบรรทัดก็เข้าสู่โหมดน้ำตาซึมไปสองนาที.....
นิตยสาร Reader Digest ฉบับภาษาไทยหรือหนังสือสรรสาระ ยุติการจัดพิมพ์แล้วนะครับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป (T T) หลังจากตีพิมพ์เผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์แขนงอื่นๆให้ผู้อ่านชาวไทยมา 17 ปีกับอีก 9 เดือน
ผมเป็นสมาชิกที่รับนิตยสารฉบับนี้มา 8 ปีเต็ม ตั้งแต่ฉบับมกราปี 48 (97 เล่มที่รับมายังเก็บไว้ในตู้หนังสือ ยับหน่อย แต่ไม่ขาดไม่หาย) รู้สึกเสียใจโพดๆครับที่หนังสือดีๆต้องจากคนไทยไปอีกฉบับนึงแล้ว เหตุผลที่บรรณาธิการชี้แจงไว้คือ"ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เราไม่อาจหยุดยั้งได้" ซึ่งผมแปลเป็นภาษาคนว่า รับผลขาดทุนไม่ไหวอีกต่อไป
ก็ไม่แปลกครับ เพราะเอาจริงๆผมก็ไม่เคยรู้จักใครที่ซื้อหนังสือเล่มนี้อ่านเลย อย่าว่าแต่เป็นสมาชิก
สำหรับผม เขาคือกัลยาณมิตร(ชาวบ้านเรียกเพื่อนที่แสนดี) ผู้มีสาระ ผู้อยู่เป็นเพื่อนผมยามห่อยต่องแต่งไปทำงานอยู่บน BTS, MRT, ปอ และสองแถวปากซอยตลอดมา ผมเลยตัดสินใจรับเป็นสมาชิกต่อในฉบับภาษาอังกฤษ (คงส่งมาจากสิงค์โปร) มองโลกในแง่ดี แทนที่จะอ่านสามวันจบ ก็กลายเป็นสามอาทิตย์ (หัวเราะทั้งน้ำตา T T)
สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนคนนี้มากๆ นายจะยังอยู่ในใจเราไปอีกนาน
RIP Reader Digest Thai Edition, The last Issue