###ทริป###อุทยานแห่งชาติเขาสก-เขื่อนเชี่ยวหลาน (กุ้ยหลินเมืองไทย)

     ทริปนี้เกิดจากอยากจะหาที่เที่ยวก่อนที่จะขับรถกลับบ้าน สัก 2-3 วัน แวปแรกที่คิดไว้คือจะไปทางภาคเหนือ ยิ่งปีนี้อากาศน่าจะหนาวมากและหนาวยาวอย่างต่อเนื่องหลายวัน ก็เลยแพลนกันว่าจะไปเที่ยวเหนือ แต่ก็หาที่พักไม่ได้ประกอบกับคนเยอะมาก เวลาไปเที่ยวผมมักจะไม่ค่อยเที่ยวที่คนเยอะๆ กัน เพราะตลอดทั้งปีก็เจอคนมาเยอะพอสมควร ปีใหม่เลยขออยู่แบบสงบๆ บ้าง กลายเป็นว่า อดไปเที่ยวเหนือ สุดท้ายแล้วก็เบนเข็มกลับมาลงใต้กัน เป็นทางผ่านกลับบ้านพอดี หาอยู่หลายที่แนวธรรมชาติ ป่าไม้ ก็ไปสดุดตรงเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่หลายๆ คนเห็นว่าเป็นกุ๊ยหลินเมืองไทย (กุ๊ยหลินเมืองจีน เป็นยังไงผมก็ไม่รู้หรอกนะ ซึ่งคนจีนยกให้เป็น เมืองสวรรค์บนพิภพ) ซึ่งสวยมากๆๆๆๆ  แถมเงียบสงบ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีเทคโนโลยี อะไรต่างๆ ให้รบกวนการพักผ่อน ณ ตอนนี้ก็ได้เป้าหมายที่จะไปแล้ว โอเคเราจะไปเขื่อนเชี่ยวหลานกัน
    หลังจากนั้นก็ต้องมาหาที่พักก่อน ปัญหาแรกเลยคือ ช่วงเวลาที่เราไปกัน แพเต็มหมด ไม่มีห้องว่างเลย หรือถ้าว่างก็แพงมาก นี่จองผ่าน Agoda ยังแพง ก็เลยเปลี่ยนแผนกันว่าเราจะไปพักกันที่อุทยานแห่งชาติเขาสกก่อน คืนนึง และเดินป่าที่อุทยานก่อน ซึ่งถ้าใครไม่ติดสิ่งอำนวยความสะดวก สบายมากนัก แนะนำ เขาศก ปาล์มวิว (Khao Sok Palm view) ครับที่พักจะมีประมาณ 6 หลังครับ(ถ้านับไม่ผิดนะ) แต่ละบ้านจะเป็นบ้านยกสูง มีใต้ถุน และแต่ละหลังก็ห่างกันพอสมควร แต่สามารถเดินถึงกันได้ไม่ยาก อ่อลืมบอกไป ที่นี่ไม่มีเครื่องปรับอากาศนะครับ มีพัดลมให้ แต่ขอบอกนะครับ ได้ธรรมชาติมากๆ อากาศไม่ร้อน มีเสียงร้องแมลงและกบ เป็นเพลงกล่อมนอนให้ ที่สำคัญราคาไม่แพง ส่วนการบริการดูแลดีครับ ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ตอนกลับคุณป้าเจ้าของยังมาส่งถึงรถ ก่อนไปพักก็หาข้อมูลว่าที่พัก มีรับจองแพด้วย ก็เลยซื้อทัวร์พร้อมที่พักบนแพ 1 คืน ได้ที่พักเป็น แพโตนเตย (ตอนแรกจองที่พักบนแพ เองไม่ได้เพราะเต็มหมด ก็เลยมารู้ตอนหลังว่าบางส่วนเค้าเก็บที่ไว้ให้สำหรับลูกค้ารีสอร์ทต่างๆ เวลาซื้อทัวร์จากทางรีสอร์ท) เอาละตอนนี้ก็ได้นอนแพอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรกเรียบร้อยแล้ว


    วันแรกที่เราไปถึงที่พักกันเย็นมากแล้ว เนื่องจากขับรถไปเอง แถมแวะระหว่างทางกันซะเยอะ ก็เลยมีเวลาเดินเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติเขาสกได้ไม่นาน เดินไปถึงแค่ที่เล่นน้ำจุดแรก ก็เย็นแล้ว ก็เลยเดินกลับกันเพราะว่ากว่าจะถึงทางเข้าก็ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที สำหรับกลางคืน ที่นี่มีร้านอาหาร บาร์ ให้นั่งกินอาหารและดื่มได้ แต่ร้านค้าจะเปิดไม่ดึกมากนัก 5ทุ่ม เที่ยงคืน ก็เริ่มปิดกันแล้ว

    วันที่สอง เรามีนัดกับพี่ที่จะพาเราไปเขื่อนเชี่ยวหลานตอน 9 โมงเช้า หลังจากกินข้าวเช้าอะไรเสร็จแล้ว เราก็ขับรถตามพี่ที่นำทางจากที่พัก ไปถึงจุดขึ้นเรือ ตรงเขื่อนเชี่ยวหลาน นึกถึงตรงนี้แล้วแอบขำฝรั่งที่นั่งหลังกระบะ ตอนแรกก็นั่งขอบๆกระบะ รับลมธรรมชาติอยู่ดีๆ เจอพี่คนขับเราซิ่งซะเป็นนักแข่งรถ (เข้าใจเองว่าพี่เค้าคงชำนาญทางแล้ว) ฝรั่งที่นั่งข้างหลังเลยลงมานั่งในกระบะตามระเบียบ ใช้เวลาเดินทางจากที่พักมาเขื่อนเชี่ยวหลานประมาณ 30 นาที ก็ถึงที่หมาย ก่อนจะขึ้นเรือ ตรงนี้มีค่าใช้จ่ายคนละ 40 บาทนะครับ เป็นค่าธรรมเนียมอุทยาน ระยะเวลาการนั่งเรือจากท่าเรือ ถึงแพโตนเตย ประมาณ 60 นาที เรียกว่าใครง่วงก็หลับบนเรือได้เลย แต่ขาไป เจอกับธรรมชาติรอบข้างที่สวยมาก เลยทำให้หลับไม่ลง นั่งมองธรรมชาติ รอบข้างแล้วสูดหายใจลึกๆ รับเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด รู้สึกสดชืนที่สุด


สำหรับแพโตนเตย จะเป็นห้องน้ำรวมนะครับ ตอนแรกคิดว่าไม่เป็นไร ถึงจะเป็นห้องน้ำรวมก็เถอะ ถ้าสะอาดก็โอเค แต่พอไปถึงแล้วผิดหวังมากครับ เข้าไปห้องน้ำแล้วอยากจะสลบให้ได้ ใครที่เรื่องห้องน้ำเป็นเรื่องสำคัญ แนะนำที่พักที่มีห้องน้ำส่วนตัวจะดีกว่าครับ ข่าวร้ายยังไม่จบเพียงแค่นั้นครับ กรุ๊ปทัวร์ของผมโดนเซอร์ไพรส์ โดยทราบว่าที่พักที่จองไว้ ไม่มี เนื่องจากมีกรุ๊ปทัวร์ที่จองจากกรมอุทยานมา (ต้องบอกก่อนนะครับว่า แพโตนเตยเป็นของกรมอุทยาน) ทำให้ไม่สามารถพักค้างคืนได้ ทำให้ลูกทัวร์เซ็งกันเป็นแถว รวมทั้งผมด้วย ดังนั้นใครจองแพล่วงหน้า คอนเฟิร์มกันดีๆนะครับ ด้วยความเป็นห่วง ผมก็ไม่รู้ว่าการจัดการที่นี่อะไรจะแย่ขนาด ลูกทัวร์มาถึงที่พักแล้วเพิ่งทราบว่าไม่มีที่พัก ที่สำคัญไม่ใช้กรุ๊ปผมกรุ๊ปเดียวที่โดนยกเลิก แบบนี้ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างครับ ที่ไกด์ของเราคุณปุ๊ ที่เป็นทั้งคนขับเรือ คนนำทาง คนเจรจา ดูแลเราดีครับ สุดท้ายโปรแกรมทั้งหมดที่คิดไว้ก็เหลือเพียง กินข้าวเที่ยงบนแพ เดินป่าไปถ้ำน้ำทะลุ แล้วก็กลับ ซึ่งทริปนี้ก็คงมีจุดนี้จุดเดียวแหละครับที่ผิดหวัง ที่ไม่มีที่พัก ทั้งๆที่ได้จองไว้ล่วงหน้าแล้ว

กำลังซ่อมไฟฉาย เพิ่งซื้อมาจากบนฝั่ง ยังไม่ทันได้ใช้ก็ติดบ้างไม่ติดบ้าง


ไกด์นำทางสุดหล่อเราครับ

การเดินทางไปถ้ำน้ำทะลุ ต้องบอกว่าแพโตนเตย เป็นแพที่อยู่ใกล้ที่สุดทางเข้าเดินป่าแล้วครับใช้เวลาไม่กี่นาทีจากแพโตนเตย ก็ถึงที่หมายทางเข้าที่เราจะเดินเข้าไป ใครจะเดินป่าแนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบนะครับ อย่าใส่รองเท้าแตะมา ส่วนเสื้อผ้าทริปนี้ แล้วแต่สะดวกเลยครับ เพระสุดท้ายแล้วตอนเดินเข้าถ้ำ ยังไงก็ต้องเปียกทุกคน บางจุดน้ำในถ้ำเลยหัวก็มี แต่ไม่มีอัตรายมากครับ แต่ก็ระวังๆ หน่อยก็จะดี เพราะพวกหินที่คมๆ ก็มีอยู่เยอะ ทริปนี้เด็กๆ ประถมก็มาเดินได้ครับ เพราะในกรุ๊ปผมก็มีเด็กมาด้วย (แถมแรงดีกว่าเราอีก ผมแอบตั้งฉายาว่า เด็กอัลคาไลน์ เพราะแบตหมดยากมาก)  สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องถือติดตัวไปด้วยคือ ไฟฉาย เพราะข้างในจะไม่เห็นอะไรเลย บนฝั่งมีขายครับ ราคาไม่แพง ส่วนใครที่ถือกล้องไป ก็ไม่ต้องกลัวครับ คุณปุ๊เค้าจะมีถุงกันน้ำให้ และถือให้เราระหว่างทางที่เราต้องลงน้ำกัน ขอบอกว่าน้ำเย็นม๊ากกกกก ภายในถ้ำก็จะเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวด้วย ก็จะมีให้เห็นตลอดทาง อยู่บนหัวเรามากมาย ส่องไฟไปก็จะเห็น

ถ้ำน้ำทะลุ


ภายในจะมีค้างคาวอาศัยอยู่ทั่วไป ในบริเวณถ้ำ


สภาพแต่ละคนหลังออกจากถ้ำ


หลังจากเดินป่าเสร็จแล้วก็กลับมาที่แพ แวะมาเล่นน้ำ อาบน้ำ เตรียมตัวกลับขึ้นฝั่ง ระหว่างนั่งเรือ เห็นบางคนแอบหลับบ้างอะไรบ้าง ถึงฝั่งอีกทีก็เกือบๆ 6 โมงเย็น แต่ละคนก็กลับที่พักเดิมกัน ส่วนเราต้องหาที่พักใหม่ในสุราษ เพราะไม่ได้เตรียมตัวไว้ รวมๆแล้วทริปนี้เป็นทริปที่ดี ได้รีเฟรชร่างกาย สัมผัสธรรมชาติ เสียอย่างเดียวไม่ได้ค้างคืน ตื่นขึ้นมาเจอหมอกอะไรประมาณนี้

บรรยากาศบนแพโตนเตย ได้เล่นน้ำก่อนกลับด้วย


สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้
ค่าเดินทาง    ใช้รถส่วนตัว
ค่าที่พัก เขาศก ปาล์มวิว    1 คืน    420 บาท(จองผ่านอโกด้า)
ค่าทัวร์ (ค่าเรือไป-กลับ เดินป่า อาหารกลางวัน)        จาก 2,300 บาท  เหลือ 1,300 บาท
รวมค่าใช้จ่าย    1,720 บาท/คน

ข้อแนะนำ
1.    เข้าไปพักในอุทยานแห่งชาติเขาสก เตรียมเงินสดติดตัวไว้เยอะหน่อย เพราะที่นี่จะมีตู้ ATM ของกสิกรที่เดียว และมีโอกาศเสียบ่อยมาก ส่วนอีกที่นึงต้องนั่งรถออกไปไกลพอสมควร ดังนั้นควรมีเงินสดติดตัวไว้ เพราะบางร้านไม่รับบัตรเครดิต
2.    การจองที่พักบนแพ ควรโทรสอบถามเป็นระยะ ให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาตอนไปพักแน่ๆ
3.    หาไฟฉายติดตัวไว้ก่อนเดินป่า เข้าถ้ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่