สวัสดีครับ พบกันอีกครั้ง กับการเดินทางเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ไม่เคยไปเลยครับ และเพื่อไปล่าช้างครั้งแรก ไม่ใช่ช้างจริงๆเป็น ทางช้างเผือก การถ่ายทางช้างเผือกเป็นอะไรที่ต้องศึกษามาแบบงูๆปลาๆ แต่เลนส์และกล้องผมมีดังนี้ Canon 600D และเลนส์ 10-18 mm F4.5 วันที่ไปคือ 5-6 พค เป็นช่วงข้างแรม 14 ค่ำ มืดมากๆสมดังใจ แต่ที่พักสิครับ ราคาแพงมากแต่ละแพ ผมมาได้แพที่ราคาไม่แพง พันกว่าๆบาทต่อคนเป็นแพของอุทยาน มาเริ่มดูและเดินทางพร้อมๆกัน
ออกจากท่าเรือบนสันเขื่อนเชี่ยวหลาน ไปโดยเรือหางยาว ประมาณ 1 ชั่วโมง จะมาถึงแพโตนเตยครับเป็นแพของอุทยานแห่งชาติดังนั้นค่าใช้จ่ายไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับแพเอกชนต่างๆ และที่สำคัยห่างไกลจากแพที่อยู่ใกล้ๆท่าเรือที่ออกมา ดังนั้น กติกาที่นี่เป็นดังนี้ครับ
- ห่างฝั่งมากๆๆๆๆ ไม่มีสัญญาณมือถือทุกค่าย
- เครื่องปั่นไฟจะทำงาน หกโมงเย็นถึงสี่ทุ่ม
- อาหารที่นี่เติมได้ทุกอย่างถ้าทานไหนในแต่ละมื้อ
- ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มควรเตรียมมาเพราะที่นี่แพง และไม่มีเลือกมากเลย
- อินเตอร์เนตไม่ต้องพูดถึง มาพักให้เต็มที่ข่าวสารไม่ต้อง
ด้านซ้ายเมื่อยืนที่แพกลาง เป็นที่พักของทีมงานผมเอง
นี่คือด้านหน้าของแพกลางซึ่งเป็นที่ติดต่อสื่อสาร ทานอาหารพร้อมกัน มีกาแฟ เครื่องดื่มขาย น้ำแข็งมี
ด้านหน้าก็จะมีเรือมาจอดที่บริการมาส่ง รับ พวกเราครับ
ฝั่งขวามือเมื่อยืนที่แพกลาง ก็จะมีที่พักเหมือนกัน ไกลสุดๆระหว่างเขาเป็นทางไป ถ้ำน้ำทะลุ คนใต้เรียก ถ้ำน้ำลุ แอดแวนเจอร์มากกกกกก ใครไปใส่ชูชีพด้วย เพราะบางจุดลึกถึงคอ ไฟฉายต้องทนน้ำอีกต่างหาก ฝรั่งชอบมากเสียดายผมไม่ได้ไป อิอิ
ตรงนี้สุดปลายที่พัก ตะไคร่น้ำขึ้นไม้แพพวกเราครับ
ด้านหน้าอีกมุมนึง สวยดีครับ เงียบ สงบมากๆๆๆ ไม่มีใครมากวนเลย
ด้านซ้ายเป็นที่เตรียมอาหารและที่พักของพนักงาน ตรงนี้เป็นทางเดินไปห้องน้ำ ซึ่งอยู่บนฝั่ง มีห้าห้องมีทั้งที่อาบน้ำและโถ กลางคืนควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนไฟจะดับลงนะครับ ไม่งั้นไฟฉายมาอย่างเดียวเลย เดินชันมาก ลำบากหน่อย แต่เป็นธรรมชาติมากๆ มีลิงข้างห้องน้ำให้ชมเสมอๆ
กลับมาที่แพ กลับมาลอยคอ น้ำไม่เย็นมาก อุ่นๆ สบายๆ แต่ลึกประมาณ 80+ เมตรเลยนะครับ ห้ามอะไรหล่นเลย ถ้าหล่นแล้วจบกัน
เล่นน้ำสิครับ รออะไรมีแต่พวกเรากันเท่านั้นจริงๆ ใครจะเข้าจะออก เข้าออกทางเรือเท่านั้น ห้องพักเปิดประตูได้ไม่มีอะไรสูญหาย
เล่นน้ำ สระผม แช่สบายๆ
เริงร่ากันมากๆแต่ละคน
มาดูห้องดีกว่าว่าห้องขนาดไหน บอกแล้วว่ามาดื่มด่ำธรรมชาติ อย่าพยายามหาสิ่งสะดวกสบาย ตามมาครับ
ระเบียงหน้าห้องก็ออกมาก็ลงน้ำได้เลย ทางเดินมีความกว้างประมาณ 1 วา ประคองตัวให้ดี ใส่ชูชีพเสมอๆ
หน้าห้องแพครับ นอนได้สองคนมีพัดลม 1 ตัว แต่ไฟฟ้าจะหยุดหลังสี่ทุ่มนะครับ
พักผ่อน หย่อนเท้า เล่าเรื่อง สบายใจ ไม่มีเนต 55555
กลับมาที่แพกลาง พนักงานเอาจาน แก้วน้ำมาเตรียมอาหารมื้อต่อไปครับ เช่น ข้าว แกงส้มปลากดหน่อไม้ดอง ปลาแรดทอด ไข่เจียว (ขายดี) ผัดผักรวม เติมได้ไม่อั้น ผลไม้เป็นสัปปะรด
Call Center มีวิทยุสื่อสารทั้งเครื่องดำและเครื่องแดง สั่งวัตถุดิบ มีมุม ชา กาแฟ โอวัลติน ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มเย็นๆแต่ขอบอกว่า แพง คูณสองจาก 7-11 เตรียมไปบ้างเถอะครับ
ทานอาหารเสร็จเตรียมตัวถ่ายรูป โอ้วววววววไม่นะ ฝนตกหนักกกกก ตายๆๆๆ อุส่าเตรียมขากล้องมาเพื่อถ่ายทางช้างเผือก
ช่วง พค จะขึ้นประมาณ 23.30 -4.30 ฝนตกหนักตั้งแต่เย็นถึงสามทุ่ม ถึงจะหยุด แต่ก็มีฟ้าแล๊บบ้าง งั้น....ถ่ายฟ้าแล๊บก่อน
ตั้งขาแล้วรอครับ รอฟ้าแล๊บ ก็เลยได้มาบ้างนะครับ นอนดีกว่า เข้านอนห้าทุ่มตั้งนาฬิกาปลุกตีสามดีกว่า
......
ตื่นมาตีสาม เสียงเงียบหมดแล้ว เพื่อนๆเข้านอน เอาไงดี กลัวจังมืดมั้ยน้อออ เปิดประตูไปเบาๆ แต่ดังมาก แอ๊ดดดดดดดด
ไฟฉายแบบ 1,200 ลูเมน ส่องสว่างมาก ส่องไปที่น้ำ เห็นไอน้ำระเหยจากพื้นผิว มันคายความร้อน ออกไปชะโงกดูท้องฟ้า ถ้ายังมีเมฆ นอนต่อ
ที่ไหนได้ ดาวเต็มฟ้าเลย แต่ก็ไม่หนาแน่นมากเพราะ เพิ่งหายฝนตก เจอกันครึ่งทาง อุส่าเอาขากล้องมาแล้ว ถ่ายดีกว่า
Canon 600D และเลนส์ 10-18 mm F4.5 ก็เลยตั้งค่า ISO 1600 F ก็ 4.5 สปีดประมาณ 1 นาที ก็เป็นดังรูป ยกเว้นรูปแถวบ้านแพที่นำมาซ้อนเพื่อความสวยงามครับ
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ถ่ายทางช้างเผือก ผิดพลากเยอะ ซ้อนหลายๆภาพไม่เป็น ซ้อน Layer ก็ไม่เป็น สว่างไม่มากเพราะไม่ใช่เลนส์ F 2.8 ตั้ง ISO มากกว่านี้ก็ noise มาเพียบเลย เพราะ 600D เองครับ ก็สมดังตั้งใจก็พอใจแล้วครับ อนาคตค่อยว่ากัน
วันรุ่งขึ้นตอนเช้ามาดูหมอกลอยอยู่บนยอดเขา แบบกุ้ยหลินเมืองไทย แต่ออกสายไปนิ๊ดนึง ได้มาแบบนี้ครับ
ปิดท้ายด้วยเขาสามเกลอ สวยแบบกุ้ยหลิน (แต่ไม่เคยไปไม่รู้ว่าเหมือนขนาดไหน อิอิ) ด้านซ้ายในรูปหน้าเหมือน นกฮูกเลย น้ำลดลงเยอะจะเห็นรอยขอเลย เพราะแล้ง แต่ที่นี่น้ำยังมหาศาลครับ
ขอบคุณกับการพักผ่อนที่ดี ราคาไม่แพงมาก พันกว่าๆ ถ้าไปเทียบกับแพเอกชน หลายพันบาทต่อคืนต่อคน ใครชอบธรรมชาติ สันโดษ ต้องที่นี่เลย
เขื่อนเชี่ยวหลาน พักแพโตนเตยของอุทยานแห่งชาติ (คลองแปะ) และได้ดูทางช้างเผือกสวยๆยามค่ำคืน เที่ยวถ้ำน้ำทะลุ
[CR] เที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน พักแพอุทยาน เบิกบานล่า(ทาง)ช้าง(เผือก)
ออกจากท่าเรือบนสันเขื่อนเชี่ยวหลาน ไปโดยเรือหางยาว ประมาณ 1 ชั่วโมง จะมาถึงแพโตนเตยครับเป็นแพของอุทยานแห่งชาติดังนั้นค่าใช้จ่ายไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับแพเอกชนต่างๆ และที่สำคัยห่างไกลจากแพที่อยู่ใกล้ๆท่าเรือที่ออกมา ดังนั้น กติกาที่นี่เป็นดังนี้ครับ
- ห่างฝั่งมากๆๆๆๆ ไม่มีสัญญาณมือถือทุกค่าย
- เครื่องปั่นไฟจะทำงาน หกโมงเย็นถึงสี่ทุ่ม
- อาหารที่นี่เติมได้ทุกอย่างถ้าทานไหนในแต่ละมื้อ
- ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มควรเตรียมมาเพราะที่นี่แพง และไม่มีเลือกมากเลย
- อินเตอร์เนตไม่ต้องพูดถึง มาพักให้เต็มที่ข่าวสารไม่ต้อง
ด้านซ้ายเมื่อยืนที่แพกลาง เป็นที่พักของทีมงานผมเอง
นี่คือด้านหน้าของแพกลางซึ่งเป็นที่ติดต่อสื่อสาร ทานอาหารพร้อมกัน มีกาแฟ เครื่องดื่มขาย น้ำแข็งมี
ด้านหน้าก็จะมีเรือมาจอดที่บริการมาส่ง รับ พวกเราครับ
ฝั่งขวามือเมื่อยืนที่แพกลาง ก็จะมีที่พักเหมือนกัน ไกลสุดๆระหว่างเขาเป็นทางไป ถ้ำน้ำทะลุ คนใต้เรียก ถ้ำน้ำลุ แอดแวนเจอร์มากกกกกก ใครไปใส่ชูชีพด้วย เพราะบางจุดลึกถึงคอ ไฟฉายต้องทนน้ำอีกต่างหาก ฝรั่งชอบมากเสียดายผมไม่ได้ไป อิอิ
ตรงนี้สุดปลายที่พัก ตะไคร่น้ำขึ้นไม้แพพวกเราครับ
ด้านหน้าอีกมุมนึง สวยดีครับ เงียบ สงบมากๆๆๆ ไม่มีใครมากวนเลย
ด้านซ้ายเป็นที่เตรียมอาหารและที่พักของพนักงาน ตรงนี้เป็นทางเดินไปห้องน้ำ ซึ่งอยู่บนฝั่ง มีห้าห้องมีทั้งที่อาบน้ำและโถ กลางคืนควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนไฟจะดับลงนะครับ ไม่งั้นไฟฉายมาอย่างเดียวเลย เดินชันมาก ลำบากหน่อย แต่เป็นธรรมชาติมากๆ มีลิงข้างห้องน้ำให้ชมเสมอๆ
กลับมาที่แพ กลับมาลอยคอ น้ำไม่เย็นมาก อุ่นๆ สบายๆ แต่ลึกประมาณ 80+ เมตรเลยนะครับ ห้ามอะไรหล่นเลย ถ้าหล่นแล้วจบกัน
เล่นน้ำสิครับ รออะไรมีแต่พวกเรากันเท่านั้นจริงๆ ใครจะเข้าจะออก เข้าออกทางเรือเท่านั้น ห้องพักเปิดประตูได้ไม่มีอะไรสูญหาย
เล่นน้ำ สระผม แช่สบายๆ
เริงร่ากันมากๆแต่ละคน
มาดูห้องดีกว่าว่าห้องขนาดไหน บอกแล้วว่ามาดื่มด่ำธรรมชาติ อย่าพยายามหาสิ่งสะดวกสบาย ตามมาครับ
ระเบียงหน้าห้องก็ออกมาก็ลงน้ำได้เลย ทางเดินมีความกว้างประมาณ 1 วา ประคองตัวให้ดี ใส่ชูชีพเสมอๆ
หน้าห้องแพครับ นอนได้สองคนมีพัดลม 1 ตัว แต่ไฟฟ้าจะหยุดหลังสี่ทุ่มนะครับ
พักผ่อน หย่อนเท้า เล่าเรื่อง สบายใจ ไม่มีเนต 55555
กลับมาที่แพกลาง พนักงานเอาจาน แก้วน้ำมาเตรียมอาหารมื้อต่อไปครับ เช่น ข้าว แกงส้มปลากดหน่อไม้ดอง ปลาแรดทอด ไข่เจียว (ขายดี) ผัดผักรวม เติมได้ไม่อั้น ผลไม้เป็นสัปปะรด
Call Center มีวิทยุสื่อสารทั้งเครื่องดำและเครื่องแดง สั่งวัตถุดิบ มีมุม ชา กาแฟ โอวัลติน ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มเย็นๆแต่ขอบอกว่า แพง คูณสองจาก 7-11 เตรียมไปบ้างเถอะครับ
ทานอาหารเสร็จเตรียมตัวถ่ายรูป โอ้วววววววไม่นะ ฝนตกหนักกกกก ตายๆๆๆ อุส่าเตรียมขากล้องมาเพื่อถ่ายทางช้างเผือก
ช่วง พค จะขึ้นประมาณ 23.30 -4.30 ฝนตกหนักตั้งแต่เย็นถึงสามทุ่ม ถึงจะหยุด แต่ก็มีฟ้าแล๊บบ้าง งั้น....ถ่ายฟ้าแล๊บก่อน
ตั้งขาแล้วรอครับ รอฟ้าแล๊บ ก็เลยได้มาบ้างนะครับ นอนดีกว่า เข้านอนห้าทุ่มตั้งนาฬิกาปลุกตีสามดีกว่า
......
ตื่นมาตีสาม เสียงเงียบหมดแล้ว เพื่อนๆเข้านอน เอาไงดี กลัวจังมืดมั้ยน้อออ เปิดประตูไปเบาๆ แต่ดังมาก แอ๊ดดดดดดดด
ไฟฉายแบบ 1,200 ลูเมน ส่องสว่างมาก ส่องไปที่น้ำ เห็นไอน้ำระเหยจากพื้นผิว มันคายความร้อน ออกไปชะโงกดูท้องฟ้า ถ้ายังมีเมฆ นอนต่อ
ที่ไหนได้ ดาวเต็มฟ้าเลย แต่ก็ไม่หนาแน่นมากเพราะ เพิ่งหายฝนตก เจอกันครึ่งทาง อุส่าเอาขากล้องมาแล้ว ถ่ายดีกว่า
Canon 600D และเลนส์ 10-18 mm F4.5 ก็เลยตั้งค่า ISO 1600 F ก็ 4.5 สปีดประมาณ 1 นาที ก็เป็นดังรูป ยกเว้นรูปแถวบ้านแพที่นำมาซ้อนเพื่อความสวยงามครับ
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ถ่ายทางช้างเผือก ผิดพลากเยอะ ซ้อนหลายๆภาพไม่เป็น ซ้อน Layer ก็ไม่เป็น สว่างไม่มากเพราะไม่ใช่เลนส์ F 2.8 ตั้ง ISO มากกว่านี้ก็ noise มาเพียบเลย เพราะ 600D เองครับ ก็สมดังตั้งใจก็พอใจแล้วครับ อนาคตค่อยว่ากัน
วันรุ่งขึ้นตอนเช้ามาดูหมอกลอยอยู่บนยอดเขา แบบกุ้ยหลินเมืองไทย แต่ออกสายไปนิ๊ดนึง ได้มาแบบนี้ครับ
ปิดท้ายด้วยเขาสามเกลอ สวยแบบกุ้ยหลิน (แต่ไม่เคยไปไม่รู้ว่าเหมือนขนาดไหน อิอิ) ด้านซ้ายในรูปหน้าเหมือน นกฮูกเลย น้ำลดลงเยอะจะเห็นรอยขอเลย เพราะแล้ง แต่ที่นี่น้ำยังมหาศาลครับ
ขอบคุณกับการพักผ่อนที่ดี ราคาไม่แพงมาก พันกว่าๆ ถ้าไปเทียบกับแพเอกชน หลายพันบาทต่อคืนต่อคน ใครชอบธรรมชาติ สันโดษ ต้องที่นี่เลย
เขื่อนเชี่ยวหลาน พักแพโตนเตยของอุทยานแห่งชาติ (คลองแปะ) และได้ดูทางช้างเผือกสวยๆยามค่ำคืน เที่ยวถ้ำน้ำทะลุ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น