เริ่มต้นของการได้เจ้า R-500 คันนี้มานั้น สืบเนื่องมาจากผมเริ่มปั่นจักรยานมาได้หลายเดือนแล้ว โดยมีเสือหมอบอยู่สองคัน ปั่นกับภรรยาที่สิงห์บุรี
แต่ตัวผมทำงานที่อยุธยา ในวันจันทร์-ศุกร์ ผมจึงอยากได้จักรยานอีกสักคัน โดยที่ผมไม่ต้องแบกเสือหมอบติดท้ายรถมาในตอนเช้าวันจันทร์ครับ
ผมมามองดูบริบทของตัวเองต่อความต้องการรถคันใหม่ สิ่งที่ผมต้องการคือ
1. ผมมีงบประมาณอยู่ราว ๆ 5,500 บ. บวกได้พันกว่าบาท
2. ยี่ห้ออะไรก็ได้ จะรถจีน ญี่ปุ่น รถยุโรป หรือ USA มือหนึ่งหรือสองก็ไม่ว่า ขอให้คุณภาพดี และ Size เข้ากับผม
3. ต้องเป็นรถที่สามารถวิ่งบนถนนในหมู่บ้าน หรือทางที่อาจจะไม่เรียบนักได้ดีกว่าเสือหมอบ
4. ไม่คิดเรื่องอัพเกรด มีแค่ไหน ขี่แค่นั้น อะไรพังซ่อมเป็นอย่าง ๆ ไป ถ้าจะอัพเกรดก็โน่นเลย รอให้อะไหล่พังไปซะก่อน
ในส่วนแรก ผมมุ่งเป้าไปที่เสือภูเขา เนื่องจากคิดว่ามันลุยทางแถว อ.วังน้อย ที่ทั้งก่อสร้าง ถนนยุบตามริมคลอง (เคยออกข่าว) เอาเสือหมอบมาวิ่งเสียดายรถ
ผมใช้เวลาเป็นสัปดาห์ในการเสาะหา เฝ้าตามเวบ thaimtb.com ร้านรถโครโมลีมือสองในเวบนั้น ผมส่ง pm ไปสอบถาม ส่วนมาก ผมจะไม่ได้คำตอบ เขาแทบจะไม่ตอบกลับมาหาผมเลย (สำหรับร้านค้ามือสองเหล่านั้น) มีตอบบ้างเป็นส่วนน้อย เช่น โต้งรถพับ แต่ก็ไม่ได้ size ส่วนมากจะมีไซส์เล็ก ๆ ประมาณ 13-16 ซึ่งผมต้องการ 18 (จริง ๆ แล้ว ผมเกือบจะได้ พานาโซนิคเมาเท่นแคทมาแล้ว แต่ติดที่มันไซต์แค่ 15)
จนเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ม.ค. โรงเรียนผมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เลิกแค่ครึ่งวัน ผมใช้เวลาครึ่งวันบ่ายนั้น ขับรถเข้ามาดูร้านจักรยานแถวรังสิต กะว่า ยังไงก็ต้องเอาให้ได้ล่ะวันนี้ อยากได้แล้ว อิอิ
ไปจับต้อง Trek 3700 จากร้านจักรยานแห่งหนึ่ง สวยถูกใจ แต่ด้วยราคา มันเกินงบไปสามพันบาท ซื้อแล้วไม่สบายใจ ผมเลยตัดใจจากมัน จากนั้นขับไปดูอีกร้านหนึ่ง ที่นำเข้ารถจักรยานจีน ร้านเดียวกับที่ผมเคยซื้อเสือหมอบ R-300 มาก่อน
ไปจับ ๆ ต้อง ๆ เจ้าของร้านก็ดีใจหาย อธิบายซะทุกคันละเอียดยิบ อยากได้คันไหน ลองได้หมด ตัวเลือกผมมีอยู่สองตัว คือเสือภูเขา M188 กับไฮบริด R-500 คันนี้ ซึ่งแพงกว่าพันกว่าบาท ด้วยได้ชุดเกียร์ดีกว่า
สรุปก็คือ ดันไปหลงเจ้า R-500 ซึ่งเป็นไฮบริดมากกว่า นำมาสู่การรีวิวในวันนี้ครับ
TrinX R-500 คันนี้ เป็นจักรยานไฮบริด ลูกผสมระหว่างเสือภูเขากับเสือหมอบ ซิ่งได้ ลุยได้ ถึงแม้ไม่เท่าต้นตำรับก็ตาม ตรงตามประสงค์ของผม อิอิ
สเปคคร่าว ๆ ครับ บางอย่างผมก็คัดลอกมาเลย เพราะไม่สันทัดเรื่องยี่ห้อหรือรุ่นของอะไหล่ครับ
- เฟรมอลูมิเนียมอัลลอย 6061
- ตะเกียบเหล็ก Hi-ten steel
- ชุดเกียร์ Shimano 24 เกียร์ ชุดหลังเป็น Altus ส่วนสับจานหน้าเป็น Tourney
- V เบรค
- ดุมควอนโด้ พร้อมปลดเร็ว
- ล้ออัลลอย 700c
- ยาง Kenda 700*35
- น้ำหนัก 11 กก.
แรกสุดผมเข้าใจว่า รถจีน ไม่มีไซส์ให้เลือก แต่พอไปดูจริง สรุปว่า มันมีให้เลือกอยู่เหมือนกัน อย่างรุ่นนี้มีขนาด 16, 17, 18 และ 19 เลือกซื้อได้ตามขนาดความสูงของผู้ใช้
วันไปซื้อ ผมเอารถพี่สาวไปแบกมา เพราะเป็นเกียร์ออโต้ ขับเข้าเมืองสบาย มาวันนี้แบกกลับมาสิงห์บุรีด้วยรถตัวเอง (เกียร์ธรรมดา เพื่อเอามาลองปั่น เสาร์อาทิตย์) ผมแวะชั่งน้ำหนักจักรยานที่เครื่องชั่งน้ำหนัก ใน ปั๊ม ปตท. สายเอเชีย ตรง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้น้ำหนัก 10.8 กก. ผมหยวน ๆ เป็น 11 กก. ใส่แร็ค Holly wood ห้อยท้ายรถเชฟโรเลต optra รุ่นเก่า ได้แข็งแรงมั่นคงดี ไม่รู้เครื่องชั่งมันโกงหรือเปล่า (ลืมชั่งน้ำหนักตัวเอง) แต่ถ้าไม่ตรงคงผิดไม่มาก
เบรคหน้าหลังเป็น V เบรค
ชิฟเตอร์ครับ
ดุมล้อควอนโด้ พร้อมปลดเร็ว
แฮนด์ตรง
ปลอกแฮนด์
ชุดขับเคลื่อน
บันได
ตะเกียบหน้า
เฟรม
เบาะ
-------------------------------------------------
บทสรุป
ผมจะพยายามสรุปไม่ให้เป็นการชี้นำเพื่อนสมาชิกจนดูเหมือนการเชียร์สินค้า ทั้งนัขอให้ทุกท่านพิจารณาด้วยตนเอง ผมก็ใช้ความรู้สึกและประสบการณ์กับจักรยานอันน้อยนิดของผม อะไรไม่รู้ก็คือไม่รู้ครับ
วันนี้ผมปั่นมันไป 12 กม. ความรู้สึกในการขี่ คล้ายเสือหมอบอยู่เหมือนกัน คือมันพุ่งดีเหมือนกัน เวลาวิ่งผ่านลูกระนาดเล็ก ๆ ที่ชอบทำไว้ก่อนทางแยก มันนุ่มนวลกว่าเสือหมอบอย่างเห็นได้ชัด (ก็ยางมันใหญ่กว่า)
การเปลี่ยนเกียร์ ส่วนหนึ่งที่ผมเลือกเจ้านี่มาแทน M188 ก็เพราะมันเป็นรุ่น Altus ซึ่งเป็นรุ่นสูงกว่า Tourney (แต่สับจานหน้าก็ยัง Tourney อยู่ดี) ผมเองเคยปั่นเบียงคี อิมพัสโซ ของเพื่อนอยู่ครั้งหนึ่งเป็นระยะทางสั้น ๆ ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของการเปลี่ยนเกียร์ของแต่ละรุ่นได้
แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ Altus มันเปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลและแม่นกว่า Tourney (ใน R-300 รถแฟนผม) อย่างเห็นได้ชัด (หรือมันยังใหม่อยู่) แต่จานหน้า Tourney ยังไม่แม่นยำนัก คงต้องมีการปรับจูนเสียก่อน หรือไม่ก็เพราะสายเกียร์มันยังใหม่อยู่ก็เป็นได้
เฟรมก็มีรอยเชื่อมเห็นชัดเจนเป็นธรรมดา ซึ่งผมไม่ซีเรียสมันเท่าไรนัก งานประกอบแน่นหนา มั่นคงดี ล้อ700 ขอบหนากว่าเสือหมอบอย่าง R-300 อยู่พอควร (ไม่รู้ว่าเรียกล้ออะไร) ยางของ Kenda 700*35 คนขายบอกว่าเป็นยางครอสคันทรี ขี่ชีวิตประจำวันแกบอกว่าลุยไปเลย สบายมาก ไม่ต้องห่วง
V เบรค ก็ดูแข็งแรงมั่นคงดีครับ เบรคอยู่ แน่นอนดีเหมือนกัน ไม่มีง่อนแง่น ดุมล้อยี่ห้อควอนโด้พร้อมปลดเร็ว ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ แต่ที่รู้คือชอบปลดเร็วสะดวกดีครับเวลาถอดล้อ อิอิ หลักอานทำสีมาคล้าย ๆ Trek 1.1 ของผมเลย เบาะนั่งสบายมากครับ ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าเบาะอะไร ผมปั่น 12 กม. โดยใช้กางเกงขาสั้นธรรมดา แต่ไม่รู้ว่า หากปั่นไกลกว่านี้มันจะเจ็บก้นหรือไม่ ก็คงเจ็บแหละ ถ้าปั่นเกิน 20 กม. ผมคงใช้กางเกงปั่นจักรยานครับ
มีหลายสีให้เลือกอยู่ครับ แต่ผมเลือกสีดำนี่แหละ มีรถสีขาวสองคันแล้ว เอาสีดำมั่ง แต่ดันไม่มีแถบสะท้อนแสงให้ น่าจะให้มาเสียหน่อย บันไดปั่นดูดีกว่ารุ่นเสือหมอบ R-300 มาก สายเบรค สายเกียร์โชว์เต็มที่ไม่มีซ่อน อิอิ ตัวเฟรม เจาะรูมาให้หลายตำแหน่ง สามารถติดตะแกรงเพิ่มเติมได้ทั้งหน้าและหลัง สามารถดัดแปลงไปเป็นรถทัวริ่งได้เลย
โดยรวมคือ ผมชอบมันมาก มันเป็นรถที่ปั่นสนุกมากครับ ความรู้สึกใกล้เคียงเสือหมอบอยู่เหมือนกัน แต่ลุยได้มากกว่าอยู่พอควร กับเงิน 6800 บาทที่จ่ายไป สำหรับผมมันคุ้มค่าดีครับ และ R-500 คันนี้ จะใช้งานในวันจันทร์ถึงศุกร์ในตอนเช้าทุกวัน ประมาณวันละ 20 กม. ครับ
ทั้งนี้ ต้องไปลองเองนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อผม ต้องพิสูจน์เองครับ
หวังว่าคงมีประโยชน์สำหรับผู้สนใจบ้าง เป็นข้อมูลไว้ตัดสินใจครับ
สวัสดีครับ
[CR] รีวิว TrinX R-500 ไฮบริด ราคาประหยัด
แต่ตัวผมทำงานที่อยุธยา ในวันจันทร์-ศุกร์ ผมจึงอยากได้จักรยานอีกสักคัน โดยที่ผมไม่ต้องแบกเสือหมอบติดท้ายรถมาในตอนเช้าวันจันทร์ครับ
ผมมามองดูบริบทของตัวเองต่อความต้องการรถคันใหม่ สิ่งที่ผมต้องการคือ
1. ผมมีงบประมาณอยู่ราว ๆ 5,500 บ. บวกได้พันกว่าบาท
2. ยี่ห้ออะไรก็ได้ จะรถจีน ญี่ปุ่น รถยุโรป หรือ USA มือหนึ่งหรือสองก็ไม่ว่า ขอให้คุณภาพดี และ Size เข้ากับผม
3. ต้องเป็นรถที่สามารถวิ่งบนถนนในหมู่บ้าน หรือทางที่อาจจะไม่เรียบนักได้ดีกว่าเสือหมอบ
4. ไม่คิดเรื่องอัพเกรด มีแค่ไหน ขี่แค่นั้น อะไรพังซ่อมเป็นอย่าง ๆ ไป ถ้าจะอัพเกรดก็โน่นเลย รอให้อะไหล่พังไปซะก่อน
ในส่วนแรก ผมมุ่งเป้าไปที่เสือภูเขา เนื่องจากคิดว่ามันลุยทางแถว อ.วังน้อย ที่ทั้งก่อสร้าง ถนนยุบตามริมคลอง (เคยออกข่าว) เอาเสือหมอบมาวิ่งเสียดายรถ
ผมใช้เวลาเป็นสัปดาห์ในการเสาะหา เฝ้าตามเวบ thaimtb.com ร้านรถโครโมลีมือสองในเวบนั้น ผมส่ง pm ไปสอบถาม ส่วนมาก ผมจะไม่ได้คำตอบ เขาแทบจะไม่ตอบกลับมาหาผมเลย (สำหรับร้านค้ามือสองเหล่านั้น) มีตอบบ้างเป็นส่วนน้อย เช่น โต้งรถพับ แต่ก็ไม่ได้ size ส่วนมากจะมีไซส์เล็ก ๆ ประมาณ 13-16 ซึ่งผมต้องการ 18 (จริง ๆ แล้ว ผมเกือบจะได้ พานาโซนิคเมาเท่นแคทมาแล้ว แต่ติดที่มันไซต์แค่ 15)
จนเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ม.ค. โรงเรียนผมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เลิกแค่ครึ่งวัน ผมใช้เวลาครึ่งวันบ่ายนั้น ขับรถเข้ามาดูร้านจักรยานแถวรังสิต กะว่า ยังไงก็ต้องเอาให้ได้ล่ะวันนี้ อยากได้แล้ว อิอิ
ไปจับต้อง Trek 3700 จากร้านจักรยานแห่งหนึ่ง สวยถูกใจ แต่ด้วยราคา มันเกินงบไปสามพันบาท ซื้อแล้วไม่สบายใจ ผมเลยตัดใจจากมัน จากนั้นขับไปดูอีกร้านหนึ่ง ที่นำเข้ารถจักรยานจีน ร้านเดียวกับที่ผมเคยซื้อเสือหมอบ R-300 มาก่อน
ไปจับ ๆ ต้อง ๆ เจ้าของร้านก็ดีใจหาย อธิบายซะทุกคันละเอียดยิบ อยากได้คันไหน ลองได้หมด ตัวเลือกผมมีอยู่สองตัว คือเสือภูเขา M188 กับไฮบริด R-500 คันนี้ ซึ่งแพงกว่าพันกว่าบาท ด้วยได้ชุดเกียร์ดีกว่า
สรุปก็คือ ดันไปหลงเจ้า R-500 ซึ่งเป็นไฮบริดมากกว่า นำมาสู่การรีวิวในวันนี้ครับ
TrinX R-500 คันนี้ เป็นจักรยานไฮบริด ลูกผสมระหว่างเสือภูเขากับเสือหมอบ ซิ่งได้ ลุยได้ ถึงแม้ไม่เท่าต้นตำรับก็ตาม ตรงตามประสงค์ของผม อิอิ
สเปคคร่าว ๆ ครับ บางอย่างผมก็คัดลอกมาเลย เพราะไม่สันทัดเรื่องยี่ห้อหรือรุ่นของอะไหล่ครับ
- เฟรมอลูมิเนียมอัลลอย 6061
- ตะเกียบเหล็ก Hi-ten steel
- ชุดเกียร์ Shimano 24 เกียร์ ชุดหลังเป็น Altus ส่วนสับจานหน้าเป็น Tourney
- V เบรค
- ดุมควอนโด้ พร้อมปลดเร็ว
- ล้ออัลลอย 700c
- ยาง Kenda 700*35
- น้ำหนัก 11 กก.
แรกสุดผมเข้าใจว่า รถจีน ไม่มีไซส์ให้เลือก แต่พอไปดูจริง สรุปว่า มันมีให้เลือกอยู่เหมือนกัน อย่างรุ่นนี้มีขนาด 16, 17, 18 และ 19 เลือกซื้อได้ตามขนาดความสูงของผู้ใช้
วันไปซื้อ ผมเอารถพี่สาวไปแบกมา เพราะเป็นเกียร์ออโต้ ขับเข้าเมืองสบาย มาวันนี้แบกกลับมาสิงห์บุรีด้วยรถตัวเอง (เกียร์ธรรมดา เพื่อเอามาลองปั่น เสาร์อาทิตย์) ผมแวะชั่งน้ำหนักจักรยานที่เครื่องชั่งน้ำหนัก ใน ปั๊ม ปตท. สายเอเชีย ตรง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ได้น้ำหนัก 10.8 กก. ผมหยวน ๆ เป็น 11 กก. ใส่แร็ค Holly wood ห้อยท้ายรถเชฟโรเลต optra รุ่นเก่า ได้แข็งแรงมั่นคงดี ไม่รู้เครื่องชั่งมันโกงหรือเปล่า (ลืมชั่งน้ำหนักตัวเอง) แต่ถ้าไม่ตรงคงผิดไม่มาก
เบรคหน้าหลังเป็น V เบรค
ชิฟเตอร์ครับ
ดุมล้อควอนโด้ พร้อมปลดเร็ว
แฮนด์ตรง
ปลอกแฮนด์
ชุดขับเคลื่อน
บันได
ตะเกียบหน้า
เฟรม
เบาะ
-------------------------------------------------
บทสรุป
ผมจะพยายามสรุปไม่ให้เป็นการชี้นำเพื่อนสมาชิกจนดูเหมือนการเชียร์สินค้า ทั้งนัขอให้ทุกท่านพิจารณาด้วยตนเอง ผมก็ใช้ความรู้สึกและประสบการณ์กับจักรยานอันน้อยนิดของผม อะไรไม่รู้ก็คือไม่รู้ครับ
วันนี้ผมปั่นมันไป 12 กม. ความรู้สึกในการขี่ คล้ายเสือหมอบอยู่เหมือนกัน คือมันพุ่งดีเหมือนกัน เวลาวิ่งผ่านลูกระนาดเล็ก ๆ ที่ชอบทำไว้ก่อนทางแยก มันนุ่มนวลกว่าเสือหมอบอย่างเห็นได้ชัด (ก็ยางมันใหญ่กว่า)
การเปลี่ยนเกียร์ ส่วนหนึ่งที่ผมเลือกเจ้านี่มาแทน M188 ก็เพราะมันเป็นรุ่น Altus ซึ่งเป็นรุ่นสูงกว่า Tourney (แต่สับจานหน้าก็ยัง Tourney อยู่ดี) ผมเองเคยปั่นเบียงคี อิมพัสโซ ของเพื่อนอยู่ครั้งหนึ่งเป็นระยะทางสั้น ๆ ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของการเปลี่ยนเกียร์ของแต่ละรุ่นได้
แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ Altus มันเปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวลและแม่นกว่า Tourney (ใน R-300 รถแฟนผม) อย่างเห็นได้ชัด (หรือมันยังใหม่อยู่) แต่จานหน้า Tourney ยังไม่แม่นยำนัก คงต้องมีการปรับจูนเสียก่อน หรือไม่ก็เพราะสายเกียร์มันยังใหม่อยู่ก็เป็นได้
เฟรมก็มีรอยเชื่อมเห็นชัดเจนเป็นธรรมดา ซึ่งผมไม่ซีเรียสมันเท่าไรนัก งานประกอบแน่นหนา มั่นคงดี ล้อ700 ขอบหนากว่าเสือหมอบอย่าง R-300 อยู่พอควร (ไม่รู้ว่าเรียกล้ออะไร) ยางของ Kenda 700*35 คนขายบอกว่าเป็นยางครอสคันทรี ขี่ชีวิตประจำวันแกบอกว่าลุยไปเลย สบายมาก ไม่ต้องห่วง
V เบรค ก็ดูแข็งแรงมั่นคงดีครับ เบรคอยู่ แน่นอนดีเหมือนกัน ไม่มีง่อนแง่น ดุมล้อยี่ห้อควอนโด้พร้อมปลดเร็ว ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ แต่ที่รู้คือชอบปลดเร็วสะดวกดีครับเวลาถอดล้อ อิอิ หลักอานทำสีมาคล้าย ๆ Trek 1.1 ของผมเลย เบาะนั่งสบายมากครับ ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าเบาะอะไร ผมปั่น 12 กม. โดยใช้กางเกงขาสั้นธรรมดา แต่ไม่รู้ว่า หากปั่นไกลกว่านี้มันจะเจ็บก้นหรือไม่ ก็คงเจ็บแหละ ถ้าปั่นเกิน 20 กม. ผมคงใช้กางเกงปั่นจักรยานครับ
มีหลายสีให้เลือกอยู่ครับ แต่ผมเลือกสีดำนี่แหละ มีรถสีขาวสองคันแล้ว เอาสีดำมั่ง แต่ดันไม่มีแถบสะท้อนแสงให้ น่าจะให้มาเสียหน่อย บันไดปั่นดูดีกว่ารุ่นเสือหมอบ R-300 มาก สายเบรค สายเกียร์โชว์เต็มที่ไม่มีซ่อน อิอิ ตัวเฟรม เจาะรูมาให้หลายตำแหน่ง สามารถติดตะแกรงเพิ่มเติมได้ทั้งหน้าและหลัง สามารถดัดแปลงไปเป็นรถทัวริ่งได้เลย
โดยรวมคือ ผมชอบมันมาก มันเป็นรถที่ปั่นสนุกมากครับ ความรู้สึกใกล้เคียงเสือหมอบอยู่เหมือนกัน แต่ลุยได้มากกว่าอยู่พอควร กับเงิน 6800 บาทที่จ่ายไป สำหรับผมมันคุ้มค่าดีครับ และ R-500 คันนี้ จะใช้งานในวันจันทร์ถึงศุกร์ในตอนเช้าทุกวัน ประมาณวันละ 20 กม. ครับ
ทั้งนี้ ต้องไปลองเองนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อผม ต้องพิสูจน์เองครับ
หวังว่าคงมีประโยชน์สำหรับผู้สนใจบ้าง เป็นข้อมูลไว้ตัดสินใจครับ
สวัสดีครับ