http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1389275883
updated: 09 ม.ค. 2557 เวลา 20:51:24 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภาวะ การลงทุนในปี 2556 ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ดัชนีผันผวนอย่างรุนแรงปีหนึ่ง โดยจะเห็นได้จากการกระชากตัวของดัชนีจากจุดสูงสุดที่เคยอยู่ระดับ 1,643.43 จุด ร่วงลงมาที่จุดต่ำสุดคือ 1,275.76 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 22.37% ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่เคยเริงร่ากับการทำกำไรในตลาดต้องปาดเหงื่อ ซับน้ำตากันเป็นทิวแถว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับนักลงทุนรายย่อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูงและคร่ำหวอดในวงการลงทุนมานาน หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่า "ขาใหญ่" นั้นก็ต้องปรับตัวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดย "ประชาชาติธุรกิจ" ได้พูดคุยกับ "วัชระ แก้วสว่าง" หรือ "เสี่ยป๋อง"ที่ว่ากันว่ามีพอร์ตลงทุนระดับพันล้านบาท เพื่ออัพเดตสถานการณ์
"เสี่ย ป๋อง" ยังคงรักษาสุขภาพการเติบโตของพอร์ตได้ดีเยี่ยม โดยทั้งปี 2556 สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้ประมาณ 60% เพราะได้รับอานิสงส์จากการขายหุ้นกลุ่มก่อสร้างและสื่อสารในช่วงเดือน พฤษภาคมซึ่งภาวะตลาดยังคึกคัก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปี 2557 "เสี่ยป๋อง" กลับไม่มีความมั่นใจที่จะทำกำไรในตลาดหุ้นมากนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยด้านการเมืองในประเทศรุมล้อม จึงได้ตัดสินใจทยอยถอนการลงทุนออกจากตลาดมาโดยตลอด
"ผมมองการเมืองไม่ออก เลยตัดสินใจล้างพอร์ตมาระยะหนึ่งแล้ว จนตอนนี้เหลือมูลค่าการลงทุนประมาณ 10% เท่านั้น
ที่เหลือก็ถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ รอความชัดเจนทางการเมือง ให้มีรัฐบาลก่อนแล้วก็ค่อยเข้าไปลงทุนก็ยังได้" เสี่ยป๋องกล่าว
"เสี่ย ป๋อง" ยอมรับว่า แม้จะมีความเสี่ยงทางการเมืองกดดัน แต่เขาก็ยังมองหาโอกาสการลงทุนอยู่ โดยกลุ่มหุ้นที่จับตามองมากที่สุดในขณะนี้คือกลุ่มส่งออก ที่จะได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กลุ่มอาหาร เป็นต้น
ด้าน "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" หรือ "แพท" นักลงทุนรุ่นใหม่และนักเขียนด้านการลงทุนชื่อดังระบุว่า แม้ตลาดหุ้นไทยปี 2557 จะยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงต้นปี แต่หากมองอีกแง่หนึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีในการจะคัดเลือก "หุ้นน้ำดี" ที่มีราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ต่ำ และจ่ายเงินปันผลสูงเข้าพอร์ตได้
กลุ่ม หุ้นที่เข้าตา "แพท" มากที่สุดคือ "กลุ่มพลังงาน" เพราะนอกจากจะมีคุณสมบัติเหมาะสมด้านราคาที่อยู่ในระดับไม่แพงนัก และจ่ายเงินปันผลในอัตราที่น่าพึงพอใจแล้ว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงด้าน "เงินเฟ้อ" ที่คาดว่าจะเป็นอุปสรรคใหม่ของการลงทุนในปี 2557 ได้ด้วย
"ผม มองว่าปัญหาเรื่องเงินเฟ้อจะกลับมาให้เห็นอีกครั้งในช่วงหลังจากนี้ เพราะเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจนทำให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศมั่นใจจะปล่อย เงินกู้ เราก็จะเริ่มเห็นสัญญาณราคาค่าครองชีพสูงขึ้น ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มหุ้นที่จะรักษาเงินเราไว้ได้ก็คงจะต้องเป็นกลุ่มหุ้นพลังงาน" แพทกล่าว
ทั้งนี้ "แพท" แนะนำว่า การคัดเลือกหุ้นพลังงานแต่ละบริษัทจะต้องพิจารณาลงไปในรายละเอียด ทั้งในแง่ของมูลค่าทางบัญชี (Book Value) กำไรสะสม สถิติการจ่ายเงินปันผลย้อนหลัง ฯลฯ หากพบหุ้นมีคุณสมบัติครบทุกประการตามที่กำหนดแล้ว แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดยังไม่ตัดสินใจซื้อ ในมุมมองของ "แพท" เห็นว่าถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุนยิ่ง
ขณะที่ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" นักลงทุนหุ้นคุณค่า (Value Investor) แถวหน้าของประเทศไทยยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาตนได้ปรับพอร์ตลงทุนครั้งสำคัญด้วยการทยอยขายหุ้นบางส่วนที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงมาก ๆ ออกไป จนทำให้เหลือเงินสดมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยเข้ามาลงทุนในระยะเวลา 10 ปี ดังนั้นในปี 2557 จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการรอจังหวะเข้าซื้อใหม่อีกครั้ง
"แม้ตลาดจะปรับตัวลง แต่นาทีนี้หุ้นที่เรียกว่าปลอดภัย ราคาก็ไม่ได้ถูกจริง ดังนั้นตอนนี้ผมก็เหมือนเสือรอเหยื่อ คอยจ้องว่าหุ้นที่อยู่ในลิสต์ 10 ตัว มีตัวไหนตกเยอะบ้าง ถ้าถึงเป้าหมายก็พร้อมจะเข้าซื้อ"
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่น่าลงทุนในมุมมองของ "ดร.นิเวศน์" คือ กลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภค เนื่องจากเชื่อมั่นว่าจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดปัญหาใด ขึ้น เพียงแต่จะต้องเป็นหุ้นดาวเด่นของอุตสาหกรรม มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง จึงจะเป็นเป้าหมายของการลงทุน ซึ่งส่วนตัวประเมินว่า หากดัชนีปรับลดลงเหลือราว 1,200 จุด ก็จะเป็นโอกาสดีที่จะเลือกซื้อหุ้นในช่วงนี้
สัญญาณ "ลดพอร์ตหุ้น" ของนักลงทุนขาใหญ่ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นจะเสี่ยงจนลงทุนไม่ได้ ตรงกันข้ามอาจสะท้อนว่า ถึงเวลาที่จะต้องปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมกับการลงทุนครั้งใหม่แล้ว
ขาใหญ่สั่งถอย...ตุนเงิน ลุ้นหุ้นฮอตปี"57 "ส่งออก-พลังงาน-บริโภค"
updated: 09 ม.ค. 2557 เวลา 20:51:24 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภาวะ การลงทุนในปี 2556 ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ดัชนีผันผวนอย่างรุนแรงปีหนึ่ง โดยจะเห็นได้จากการกระชากตัวของดัชนีจากจุดสูงสุดที่เคยอยู่ระดับ 1,643.43 จุด ร่วงลงมาที่จุดต่ำสุดคือ 1,275.76 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 22.37% ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่เคยเริงร่ากับการทำกำไรในตลาดต้องปาดเหงื่อ ซับน้ำตากันเป็นทิวแถว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับนักลงทุนรายย่อยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่นักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูงและคร่ำหวอดในวงการลงทุนมานาน หรือที่ใคร ๆ เรียกกันว่า "ขาใหญ่" นั้นก็ต้องปรับตัวจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดย "ประชาชาติธุรกิจ" ได้พูดคุยกับ "วัชระ แก้วสว่าง" หรือ "เสี่ยป๋อง"ที่ว่ากันว่ามีพอร์ตลงทุนระดับพันล้านบาท เพื่ออัพเดตสถานการณ์
"เสี่ย ป๋อง" ยังคงรักษาสุขภาพการเติบโตของพอร์ตได้ดีเยี่ยม โดยทั้งปี 2556 สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้ประมาณ 60% เพราะได้รับอานิสงส์จากการขายหุ้นกลุ่มก่อสร้างและสื่อสารในช่วงเดือน พฤษภาคมซึ่งภาวะตลาดยังคึกคัก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปี 2557 "เสี่ยป๋อง" กลับไม่มีความมั่นใจที่จะทำกำไรในตลาดหุ้นมากนัก เนื่องจากยังมีปัจจัยด้านการเมืองในประเทศรุมล้อม จึงได้ตัดสินใจทยอยถอนการลงทุนออกจากตลาดมาโดยตลอด
"ผมมองการเมืองไม่ออก เลยตัดสินใจล้างพอร์ตมาระยะหนึ่งแล้ว จนตอนนี้เหลือมูลค่าการลงทุนประมาณ 10% เท่านั้น
ที่เหลือก็ถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ รอความชัดเจนทางการเมือง ให้มีรัฐบาลก่อนแล้วก็ค่อยเข้าไปลงทุนก็ยังได้" เสี่ยป๋องกล่าว
"เสี่ย ป๋อง" ยอมรับว่า แม้จะมีความเสี่ยงทางการเมืองกดดัน แต่เขาก็ยังมองหาโอกาสการลงทุนอยู่ โดยกลุ่มหุ้นที่จับตามองมากที่สุดในขณะนี้คือกลุ่มส่งออก ที่จะได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กลุ่มอาหาร เป็นต้น
ด้าน "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" หรือ "แพท" นักลงทุนรุ่นใหม่และนักเขียนด้านการลงทุนชื่อดังระบุว่า แม้ตลาดหุ้นไทยปี 2557 จะยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงต้นปี แต่หากมองอีกแง่หนึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีในการจะคัดเลือก "หุ้นน้ำดี" ที่มีราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ต่ำ และจ่ายเงินปันผลสูงเข้าพอร์ตได้
กลุ่ม หุ้นที่เข้าตา "แพท" มากที่สุดคือ "กลุ่มพลังงาน" เพราะนอกจากจะมีคุณสมบัติเหมาะสมด้านราคาที่อยู่ในระดับไม่แพงนัก และจ่ายเงินปันผลในอัตราที่น่าพึงพอใจแล้ว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงด้าน "เงินเฟ้อ" ที่คาดว่าจะเป็นอุปสรรคใหม่ของการลงทุนในปี 2557 ได้ด้วย
"ผม มองว่าปัญหาเรื่องเงินเฟ้อจะกลับมาให้เห็นอีกครั้งในช่วงหลังจากนี้ เพราะเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวจนทำให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศมั่นใจจะปล่อย เงินกู้ เราก็จะเริ่มเห็นสัญญาณราคาค่าครองชีพสูงขึ้น ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มหุ้นที่จะรักษาเงินเราไว้ได้ก็คงจะต้องเป็นกลุ่มหุ้นพลังงาน" แพทกล่าว
ทั้งนี้ "แพท" แนะนำว่า การคัดเลือกหุ้นพลังงานแต่ละบริษัทจะต้องพิจารณาลงไปในรายละเอียด ทั้งในแง่ของมูลค่าทางบัญชี (Book Value) กำไรสะสม สถิติการจ่ายเงินปันผลย้อนหลัง ฯลฯ หากพบหุ้นมีคุณสมบัติครบทุกประการตามที่กำหนดแล้ว แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดยังไม่ตัดสินใจซื้อ ในมุมมองของ "แพท" เห็นว่าถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุนยิ่ง
ขณะที่ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร" นักลงทุนหุ้นคุณค่า (Value Investor) แถวหน้าของประเทศไทยยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมาตนได้ปรับพอร์ตลงทุนครั้งสำคัญด้วยการทยอยขายหุ้นบางส่วนที่ราคาปรับตัวขึ้นสูงมาก ๆ ออกไป จนทำให้เหลือเงินสดมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยเข้ามาลงทุนในระยะเวลา 10 ปี ดังนั้นในปี 2557 จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการรอจังหวะเข้าซื้อใหม่อีกครั้ง
"แม้ตลาดจะปรับตัวลง แต่นาทีนี้หุ้นที่เรียกว่าปลอดภัย ราคาก็ไม่ได้ถูกจริง ดังนั้นตอนนี้ผมก็เหมือนเสือรอเหยื่อ คอยจ้องว่าหุ้นที่อยู่ในลิสต์ 10 ตัว มีตัวไหนตกเยอะบ้าง ถ้าถึงเป้าหมายก็พร้อมจะเข้าซื้อ"
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่น่าลงทุนในมุมมองของ "ดร.นิเวศน์" คือ กลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภค เนื่องจากเชื่อมั่นว่าจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดปัญหาใด ขึ้น เพียงแต่จะต้องเป็นหุ้นดาวเด่นของอุตสาหกรรม มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง จึงจะเป็นเป้าหมายของการลงทุน ซึ่งส่วนตัวประเมินว่า หากดัชนีปรับลดลงเหลือราว 1,200 จุด ก็จะเป็นโอกาสดีที่จะเลือกซื้อหุ้นในช่วงนี้
สัญญาณ "ลดพอร์ตหุ้น" ของนักลงทุนขาใหญ่ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นจะเสี่ยงจนลงทุนไม่ได้ ตรงกันข้ามอาจสะท้อนว่า ถึงเวลาที่จะต้องปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมกับการลงทุนครั้งใหม่แล้ว