คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
แนะนำให้ศึกษาว่าเซลล์มะเร็งชอบอาหารอะไร และชอบอยู่ในสภาวะร่างกายแบบไหน แล้วค่อยดูแลคุณแม่ในทางตรงข้ามค่ะ ให้มันกินในสิ่งที่มันไม่ชอบ อยู่ในที่ ๆ มันไม่อยากอยู่ มันจะเจริญเติบโดไม่ได้ จนกระทั่งฝ่อ และหายไป
อย่างแรกที่ต้องรู้คือ มะเร็งชอบและเติบโตได้ดีสภาวะร่างกายที่มีค่าเป็นกรด คุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับสมดุลย์ร่างกาย รู้ว่าค่าความเป็นกรดเกิดขึ้นได้ยังไง และรู้วิธิรักษาให้ค่ากรด ด่างอยู่ในระดับที่พอดี เพื่อปรับสมดุลย์และตัดวงจรชีวิต เซลล์มะเร็ง สภาวะร่างกายเป็นกรด อาจเกิดจาก
1. ความเครียด แนะนำให้นั่งสมาธิ ฝึกจิต คิดบวก อารมณ์ดี และออกกำลัง จะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น และหลั่งสารที่มีค่าเป็นด่างมาปรับสมดุลย์ เมื่อร่างกายมีความสมดุลย์ วงจรชีวิตเซลล์มะเร็งจะถูกทำลาย
2. ทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป อาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ น้ำตาล ไขมัน เนย ขนมหวาน ของทอด ของมัน อาหารหมักดอง ฯลฯ จึงควรงด แล้วทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างเพิ่มขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ เต้าหู้ ฯลฯ มะเร็งชอบกินน้ำตาล ดังนั้นควรงดอาหารหวาน น้ำตาล และ สารให้ความหวานทุกชนิด สามารถใช้ของที่มาจากธรรมชาติ เช่นน้ำผึ้ง หรือ น้ำอ้อยมาทดแทนน้ำตาลได้ ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
การทานผัก ผลไม้ 5 สีให้เพียงพอในแต่ละวัน ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายและกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
เคยได้ยินผู้ป่วยบางคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วหายด้วยการนั่งสมาธิมั๊ยคะ หรือผู้ป่วยบางคน อารมณ์ดี ไม่วิตก มีสติแล้วหายป่วย ตัวอย่างพวกนี้อาจดูเหมือนปาฏิหาริย์ เพราะผู้ป่วยไม่ได้รับอะไรเพิ่มเติม ไปมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็หายได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันคือส่วนหนึ่งของการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดค่ะ ร่างกายคนเราสามารถดูแลตัวเองได้ ถ้ามีตัวช่วยที่ถูกต้องและเพียงพอค่ะ
อย่างแรกที่ต้องรู้คือ มะเร็งชอบและเติบโตได้ดีสภาวะร่างกายที่มีค่าเป็นกรด คุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับสมดุลย์ร่างกาย รู้ว่าค่าความเป็นกรดเกิดขึ้นได้ยังไง และรู้วิธิรักษาให้ค่ากรด ด่างอยู่ในระดับที่พอดี เพื่อปรับสมดุลย์และตัดวงจรชีวิต เซลล์มะเร็ง สภาวะร่างกายเป็นกรด อาจเกิดจาก
1. ความเครียด แนะนำให้นั่งสมาธิ ฝึกจิต คิดบวก อารมณ์ดี และออกกำลัง จะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น และหลั่งสารที่มีค่าเป็นด่างมาปรับสมดุลย์ เมื่อร่างกายมีความสมดุลย์ วงจรชีวิตเซลล์มะเร็งจะถูกทำลาย
2. ทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป อาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ น้ำตาล ไขมัน เนย ขนมหวาน ของทอด ของมัน อาหารหมักดอง ฯลฯ จึงควรงด แล้วทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างเพิ่มขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ เต้าหู้ ฯลฯ มะเร็งชอบกินน้ำตาล ดังนั้นควรงดอาหารหวาน น้ำตาล และ สารให้ความหวานทุกชนิด สามารถใช้ของที่มาจากธรรมชาติ เช่นน้ำผึ้ง หรือ น้ำอ้อยมาทดแทนน้ำตาลได้ ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
การทานผัก ผลไม้ 5 สีให้เพียงพอในแต่ละวัน ยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายและกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
เคยได้ยินผู้ป่วยบางคนที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วหายด้วยการนั่งสมาธิมั๊ยคะ หรือผู้ป่วยบางคน อารมณ์ดี ไม่วิตก มีสติแล้วหายป่วย ตัวอย่างพวกนี้อาจดูเหมือนปาฏิหาริย์ เพราะผู้ป่วยไม่ได้รับอะไรเพิ่มเติม ไปมากกว่าคนอื่น ๆ แต่ก็หายได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันคือส่วนหนึ่งของการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดค่ะ ร่างกายคนเราสามารถดูแลตัวเองได้ ถ้ามีตัวช่วยที่ถูกต้องและเพียงพอค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 32
คุณลุงเราเป็นมะเร็งลำไส้และตอนนี้ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณหมอแนะนำให้งดแอลกอฮอล์ งดอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ และในช่วงแรกก็ขอให้ทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด และดื่มน้ำเยอะๆค่ะ แต่ที่บ้านให้คุณลุงทานอาหารเสริมเพิ่มด้วยคือ Pro MIX ซึ่งมี Probiotics + Kefir ช่วยระบบย่อยและดูดซึมอาหารของลำไส้ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลคอเลสเตอรอล วิธีทาน Pro MIX ก็ง่ายมากเลยสำหรับผู้ป่วยค่ะ สามารถฉีกซองทานพร้อมดื่มน้ำตาม หรือจะผสมกับนมเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้
บ้านไหนที่มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ลองทานตัวนี้กันดูนะคะ เพราะตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ค่ะ
นอกจากยาที่คุณหมอรักษา อาหารการกิน ที่สำคัญคือกำลังใจจากทุกคนในครอบครัวนะคะ
บ้านไหนที่มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ลองทานตัวนี้กันดูนะคะ เพราะตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ค่ะ
นอกจากยาที่คุณหมอรักษา อาหารการกิน ที่สำคัญคือกำลังใจจากทุกคนในครอบครัวนะคะ
แสดงความคิดเห็น
อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ลำไส้ ก่อนและหลัง ผ่าตัด
โดยเน้นอาหารอ่อน เนื้อสัตว์ใหญ่ แทบไม่แตะ เน้นปลา รวมถึงใช้เครื่องปรุงรส เพียงน้อยนิด ตามจากที่อ่านๆมาจาก เว็บไซต์ เกี่ยวกับสุขภาพ และโรงพยาบาลต่างๆ
ทีนี้ วันนี้ แม่ได้เข้าไปพบหมอ ที่โรงพยาบาล เพิ่งเข้ารับฟังแนวทางการรักษา โดยคุณหมอ แจ้งว่า จะทำการรักษา โดยการผ่าตัด และจำเป็น จะต้องควบคุมอาหาร ก่อนเข้าทำการผ่าตัด
ให้เน้นทานเฉพาะ อาหารอ่อน งดผัก ผลไม้ โปรตีน ให้เน้นไปที่ปลา เอาล่ะสิครับ ผมกับพ่อเลย มึนเลย แล้วเราจะทำอาหารอะไรให้แม่ดี เพราะก่อนนี้ จะเน้นปลา กับ ผัก ผลไม้ ปั่น เสริมด้วยวิตามิน
มึนครับ ตอนนี้ เลยไม่รู้ว่า อะไรควรทาน ไม่ควรทาน เพราะเท่าที่ทราบมา ก็ให้งด เนื้อสัตว์ใหญ่ ที่ย่อยยาก ของทอด ผัดต่างๆ ที่ใส่น้ำมันพืชมากไป รวมถึง ของหวาน(แม่โปรดปรานมาก)
ผมควรให้แม่กินเมนุ ประเภทไหนดีครับ ที่จะบำรุงสุขภาพ ไม่ให้อ่อนแอเกินไป ก่อนถึงวันผ่าตัด และไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ?
ปล. เห็นบอกมีวิธีผ่าตัด 2 อย่างคือ ผ่าปกติ กรีดหน้าท้องยาว และเจาะท้องเป็นรูเล็กๆ เพื่อผ่าตัดผ่านกล้อง แต่ก็ต้องกรีดท้องน้อยอีกแผลนึงอยู่ดี ทั้งสองวิธี ก็ต้องเจาะ เอาไส้ออกมาห้อยถุงเปิดหน้าท้องเหมือนกัน
แต่อย่างหลัง แผลหายเร็วกว่า แต่เสียตังค์เพิ่มเยอะ ค่าผ่าตัดผ่านกล้อง จำเป็นมั้ยครับ? แม่ก็ไม่อยากให้เสียเงินเพิ่ม เพราะถ้าผ่าปกติเบิกได้หมด
tag ทั้งสวนลุม ทั้ง ก้นครัว นะครับ