ประโยคสัญญารัก
เนื่องจากฟังเพลงมาก่อนแล้วเพลงเพราะด้วย...เลยอยากดูหนัง
ตัวอย่างหนังก็เล่นค่อนข้างแรงในเรื่องประเด็นของอายุ
เอาล่ะ น่าสนใจ...แค่ความคิดชายหญิงวัยเดียวกันก็จะตีกันตายอยู่แล้ว...
มีเรื่องอายุมานี่ขยายขอบเขตดราม่าได้โคตรกว้าง…อยากรู้ว่าบทเนื้อหาจะเป็นยังไง
ก็เลยต้องดูซะหน่อย
--------------------------------------------------------------------------------
ว่าด้วยเรื่องของภาพรวมหนังนะครับ
ประเด็นที่เห็นจากตัวอย่างหนังที่แตกต่างจากหนังรักทั่วไป
หนังรักทั่วไปเราจะเห็นเรื่องของความขัดแย้งเรื่องความรู้สึก...ความเข้าใจ...การดูแลเอาใจใส่ บลาๆ...เยอะมาก
หนังเรื่องนี้โปรโมทเปรยมาแหวกแนวซึ่งผมหวังว่าขอบเขตมันขยายมากขึ้น... เห็นเรื่องความต่างของอายุ
...วุฒิภาวะ...หน้าที่การงานและความรับผิดชอบ …เป้าหมายชีวิตที่ยกระดับจากหนังรักวัยเดียวกันทั่วไป
แต่สุดท้ายอัตราส่วนที่เสนอในเรื่องความแตกต่างนั้น...กลับมีเพียง 20% ได้
นอกนั้นก็วนกลับไปเหมือนหนังรักทั่วไป...นอกใจ งอน ง้อ สารพัดเรื่องกระทั่งเฟซบุค ถอยห่างปรับความเข้าใจ
ไม่ใช่ไม่ดี...แต่มันผิดกับที่โปรโมท(กระนั้นใน extend scene ยังแทรกเรื่องเพื่อนชายที่แอบชอบพระเอก เข้าไปอีก)
ทำให้เข้าใจว่าแม้จะโปรโมทไปเรื่องความต่างของอายุ...รักที่ต่างกันของหน้าที่การงาน ครูนักเรียน (ซึ่งเป็นประเด็นที่แรงน่าเล่นมาก) แต่ผู้กำกับเลือกที่จะไม่ทำ กลับไปทำตามแนวตลาดเดิมๆ ....เป็นหนังรักทั่วไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเพลงเพราะ...ดูรอบเดียวจบก็ลืมแล้ว
เซงตรงเนี้ย คือส่วนตัวผมคิดว่าหนังโปรยมาทางนี้เพื่อตอบโจทย์
-ครูนักเรียน...รักกันผิดหรือไม่?
-อายุห่างกัน 20 ปี รักกันได้หรือไม่?
-จัดการชีวิตยังไงเมื่อที่ต้องอยู่ในสังคมที่คนอื่นคัดค้าน?
-จัดการภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรเมื่อวุฒิภาวะหน้าที่การงานต่างกันขนาดนี้?
-พ่อแม่จะว่าออย่างไรหรือจัดการดูแลลูกอย่างไรเมื่อรู้ว่าแฟนลูก...อายุเท่าตัวเอง?
-ผู้ชายที่มีใจให้เต็มร้อยแต่ยังไม่พร้อมรับผิดชอบชีวิตจะจัดการอย่างไร...ฝ่ายหญิงที่มีพร้อมหมดทั้งการเงินการงาน...ที่ขาดแค่ความรัก?...จัดการเรื่องความรู้สึกของศักดิ์ศรี ผู้นำ ผู้ดูแลอย่างไร?
-ทำอย่างไรให้รักต่างวัยมั่นคง?....เมื่อผู้หญิงมีเหตุผลที่พร้อมจะเลิกตลอดเวลา(แก่รู้สึกเสียเปรียบ)...กับผู้ชายที่ยังหนุ่มหล่อมีสาวมาติดและความรู้สึกยังไม่นิ่ง ใช้เวลา? ...หรือพิสูจน์อย่างไร?
...คือถ้าหนังจับประเด็นพวกนี้มาใส่ให้ชัด...แล้วมีตอบคำถามทำนองนี้ได้
มันจะกลายเป็นหนังแหวกตลาดน่าจดจำ เป็น ref ที่ดีเรื่องนึงเลย
จึงเสียดายมาด้วยประการ ฉ นี้
--------------------------------------------------------------
ว่าด้วยเรื่องของเนื้อหา
นี่เป็นเรื่องของสาวใหญ่ใจง๊องแง๊ง...กับหนุ่มหล่อพ่อตาย
เรื่องของพระนางก็เหมือนหนังรักทั่วไป...แต่แต่ก็ยังมีประเด็นที่เพื่อนสาวนางเอกพูดถูกใจ
“หากหาคนที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้ดีกว่าฉันรับผิดชอบตัวเอง...ฉันไม่เอา”
แปลว่า...ก่อนที่เมิงจะมาดูแลคนอื่นเนี่ย...อย่างน้อยเมิงรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ก่อน...ไม่งั้นมันภาระจ้า
ผมว่าน่าสนใจ(แต่นางเอกไม่สน...เค้ามีตัง)...ในวัยเดียวกันอาจไม่ซีเรียสเพราะหลายอย่างพ่อแม่ดูแล ไม่ต้องรับผิดชอบมากมาย
แต่ในวัยที่พ้นจากมหาลัย...ต้องทำงาน...รับผิดชอบในที่นี้คงหลายถึง...
พ่อแม่ตายไป...เมิงอยู่ได้ดีในสังคม…รับผิดชอบตัวเองได้และไม่เป็นภาระใคร
น่าสนใจครับ...เพราะค่อนข้างตบหน้าเด็กยุคใหม่ที่คำพูดสวยหรูแต่ยังทำอะไรนอกอ้อมแขนพ่อแม่ไม่เป็น
หนังส่วนมากที่ตอบโจทย์การตลาดเพราะอิงจากประชากรวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่มีแนวคิดเช่นนี้
ถึงอย่างนั้นเพื่อไม่ให้หนังซีเรียสเกินไปกับสารพัดแนวคิดเยอะๆ...จึงส่งพระบิดามา
พ่อพระเอกที่เรียกว่าเป็นกูรูด้านความสุข...มองอะไรเป็น + ไปหมด
มีคำพูดนึงที่เวลาคนเสียความมั่นใจต้องการ
“ทำอะไรแล้วมีความสุข...ก็ทำไปเถอะ” <<< โคตรหล่อ
แต่ผมขอเติมท้ายไปด้วยว่า “...ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
เพราะไอ้เต๋าเมิงเล่นควบ 2 สนุกปากเลย...ยังงี้มีความสุขครับ แต่”เห็นแก่ตัว”
ไอ้คำพูดโปรยหน้าหนังหล่อๆว่า “ถ้าใช้เหตุผลผมคงรักพี่ไม่ได้...แต่ถ้าใช้ความรู้สึก ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่”
เมิงพูดหล่อมากครับ ซึ้งมากประโยคนี้...แต่หมดค่าเลยเวลาเมิงนอกใจเขาแถมยังคบพร้อมกัน 2 ฝั่งเนี่ย เกรี๊ยนเกรียน
ดีที่หนังยังไม่เอาแต่ละคู่มาจ๊ะเอ๊กันจะๆ...หรือพ่อแม่เห็นจริงๆ ...มีแต่พระเอกสำนึกผิด จนจบไปซะงั้น
นอกจากนี้เสด็จแม่ยังสอนเต๋าเกรียนอีกดอก...เมื่อพูดถึงการจีบสาวสมัยนี้...ว่า
จดหมายมันช้า...แต่มันทำให้เรารู้สึกคิดถึง...และอดทน
ทุกวันนี้เรารับข้อมูลเร็วไป...ข้อมูลคือเหตุผล...ความรู้สึกตามไม่ทัน
กว่าความรู้สึกมันจะตามทัน...สถานการณ์เหตุผลที่เราคุยไปก็เลยเถิดไปโน่นแล้ว
....สุดท้ายก็เหมือนทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบตามเหตุผลที่คิดว่าเรารู้สึก...อย่างรวดเร็วตามข้อมูลที่เราสื่อสาร
ในยุคนี้จึงต้องใช้สติ...และความอดทนให้มากในการสื่อสารความหมายและความรู้สึก
เหตุการณ์ที่พ่อเสียชีวิต...เป็นเหตุการณ์ที่เนื้อหาดีที่สุดของเรื่องเช่นกันที่จะสอนพวกเราว่า
เมื่อผิดพลาดเมื่อสูญเสีย...ไม่ว่าใครก็มีความรู้สึกแวบอยากกลับไปแก้ไขอดีต
...แต่ถ้าเราย้อนกลับไปได้ วันนี้มันจะสำคัญอย่างไร
...เราจะเติบโตได้อย่างไรถ้าที่ผ่านมาถูกแก้ไขไปหมดแล้ว
สรุป....
สนุกแบบหลงไปดูได้เพลินๆ...ดูรอบเดียวพอไม่มีอะไรน่าจดจำ
หมิวยังไม่ค่อยแก่และยังเล่นดีน่ารักสดใสมาก (แต่ชอบตอนเล่นเรื่อง “พลอย” มากกว่า)
ส่วนเต๋านี่ร้องเพลง สัญญารักเพราะครับ
นอกนั้น...โนเม้นแล้ว หนังรักธรรมดาๆนี่เอง
ปล.ยังยืนยันเหมือนเดิมครับ ไม่ว่าหนังสนุกหรือไม่สนุก...เราเก็บเกี่ยวจากมันได้เสมอ
ปล.2 เชอโคตรน่ารัก ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ (วีเจอิ๊งค์)
ปล.3 ฮาสัสช่วงย้อนวัยเรียน...ไอ้พวกที่นั่งโต๊ะเนี่ยไม่ใช่นักเรียนแล้ว ลุงแล้ว!!! หน้าแก่สัส 55
เพลงเพราะๆครับ
[CR] review ประโยคสัญญารัก ...เมื่อสาวใหญ่ง๊องแง๊งเจอหนุ่มหล่อพ่อTาย
ประโยคสัญญารัก
เนื่องจากฟังเพลงมาก่อนแล้วเพลงเพราะด้วย...เลยอยากดูหนัง
ตัวอย่างหนังก็เล่นค่อนข้างแรงในเรื่องประเด็นของอายุ
เอาล่ะ น่าสนใจ...แค่ความคิดชายหญิงวัยเดียวกันก็จะตีกันตายอยู่แล้ว...
มีเรื่องอายุมานี่ขยายขอบเขตดราม่าได้โคตรกว้าง…อยากรู้ว่าบทเนื้อหาจะเป็นยังไง
ก็เลยต้องดูซะหน่อย
--------------------------------------------------------------------------------
ว่าด้วยเรื่องของภาพรวมหนังนะครับ
ประเด็นที่เห็นจากตัวอย่างหนังที่แตกต่างจากหนังรักทั่วไป
หนังรักทั่วไปเราจะเห็นเรื่องของความขัดแย้งเรื่องความรู้สึก...ความเข้าใจ...การดูแลเอาใจใส่ บลาๆ...เยอะมาก
หนังเรื่องนี้โปรโมทเปรยมาแหวกแนวซึ่งผมหวังว่าขอบเขตมันขยายมากขึ้น... เห็นเรื่องความต่างของอายุ
...วุฒิภาวะ...หน้าที่การงานและความรับผิดชอบ …เป้าหมายชีวิตที่ยกระดับจากหนังรักวัยเดียวกันทั่วไป
แต่สุดท้ายอัตราส่วนที่เสนอในเรื่องความแตกต่างนั้น...กลับมีเพียง 20% ได้
นอกนั้นก็วนกลับไปเหมือนหนังรักทั่วไป...นอกใจ งอน ง้อ สารพัดเรื่องกระทั่งเฟซบุค ถอยห่างปรับความเข้าใจ
ไม่ใช่ไม่ดี...แต่มันผิดกับที่โปรโมท(กระนั้นใน extend scene ยังแทรกเรื่องเพื่อนชายที่แอบชอบพระเอก เข้าไปอีก)
ทำให้เข้าใจว่าแม้จะโปรโมทไปเรื่องความต่างของอายุ...รักที่ต่างกันของหน้าที่การงาน ครูนักเรียน (ซึ่งเป็นประเด็นที่แรงน่าเล่นมาก) แต่ผู้กำกับเลือกที่จะไม่ทำ กลับไปทำตามแนวตลาดเดิมๆ ....เป็นหนังรักทั่วไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเพลงเพราะ...ดูรอบเดียวจบก็ลืมแล้ว
เซงตรงเนี้ย คือส่วนตัวผมคิดว่าหนังโปรยมาทางนี้เพื่อตอบโจทย์
-ครูนักเรียน...รักกันผิดหรือไม่?
-อายุห่างกัน 20 ปี รักกันได้หรือไม่?
-จัดการชีวิตยังไงเมื่อที่ต้องอยู่ในสังคมที่คนอื่นคัดค้าน?
-จัดการภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรเมื่อวุฒิภาวะหน้าที่การงานต่างกันขนาดนี้?
-พ่อแม่จะว่าออย่างไรหรือจัดการดูแลลูกอย่างไรเมื่อรู้ว่าแฟนลูก...อายุเท่าตัวเอง?
-ผู้ชายที่มีใจให้เต็มร้อยแต่ยังไม่พร้อมรับผิดชอบชีวิตจะจัดการอย่างไร...ฝ่ายหญิงที่มีพร้อมหมดทั้งการเงินการงาน...ที่ขาดแค่ความรัก?...จัดการเรื่องความรู้สึกของศักดิ์ศรี ผู้นำ ผู้ดูแลอย่างไร?
-ทำอย่างไรให้รักต่างวัยมั่นคง?....เมื่อผู้หญิงมีเหตุผลที่พร้อมจะเลิกตลอดเวลา(แก่รู้สึกเสียเปรียบ)...กับผู้ชายที่ยังหนุ่มหล่อมีสาวมาติดและความรู้สึกยังไม่นิ่ง ใช้เวลา? ...หรือพิสูจน์อย่างไร?
...คือถ้าหนังจับประเด็นพวกนี้มาใส่ให้ชัด...แล้วมีตอบคำถามทำนองนี้ได้
มันจะกลายเป็นหนังแหวกตลาดน่าจดจำ เป็น ref ที่ดีเรื่องนึงเลย
จึงเสียดายมาด้วยประการ ฉ นี้
--------------------------------------------------------------
ว่าด้วยเรื่องของเนื้อหา
นี่เป็นเรื่องของสาวใหญ่ใจง๊องแง๊ง...กับหนุ่มหล่อพ่อตาย
เรื่องของพระนางก็เหมือนหนังรักทั่วไป...แต่แต่ก็ยังมีประเด็นที่เพื่อนสาวนางเอกพูดถูกใจ
“หากหาคนที่รับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้ดีกว่าฉันรับผิดชอบตัวเอง...ฉันไม่เอา”
แปลว่า...ก่อนที่เมิงจะมาดูแลคนอื่นเนี่ย...อย่างน้อยเมิงรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ก่อน...ไม่งั้นมันภาระจ้า
ผมว่าน่าสนใจ(แต่นางเอกไม่สน...เค้ามีตัง)...ในวัยเดียวกันอาจไม่ซีเรียสเพราะหลายอย่างพ่อแม่ดูแล ไม่ต้องรับผิดชอบมากมาย
แต่ในวัยที่พ้นจากมหาลัย...ต้องทำงาน...รับผิดชอบในที่นี้คงหลายถึง...
พ่อแม่ตายไป...เมิงอยู่ได้ดีในสังคม…รับผิดชอบตัวเองได้และไม่เป็นภาระใคร
น่าสนใจครับ...เพราะค่อนข้างตบหน้าเด็กยุคใหม่ที่คำพูดสวยหรูแต่ยังทำอะไรนอกอ้อมแขนพ่อแม่ไม่เป็น
หนังส่วนมากที่ตอบโจทย์การตลาดเพราะอิงจากประชากรวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่มีแนวคิดเช่นนี้
ถึงอย่างนั้นเพื่อไม่ให้หนังซีเรียสเกินไปกับสารพัดแนวคิดเยอะๆ...จึงส่งพระบิดามา
พ่อพระเอกที่เรียกว่าเป็นกูรูด้านความสุข...มองอะไรเป็น + ไปหมด
มีคำพูดนึงที่เวลาคนเสียความมั่นใจต้องการ
“ทำอะไรแล้วมีความสุข...ก็ทำไปเถอะ” <<< โคตรหล่อ
แต่ผมขอเติมท้ายไปด้วยว่า “...ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”
เพราะไอ้เต๋าเมิงเล่นควบ 2 สนุกปากเลย...ยังงี้มีความสุขครับ แต่”เห็นแก่ตัว”
ไอ้คำพูดโปรยหน้าหนังหล่อๆว่า “ถ้าใช้เหตุผลผมคงรักพี่ไม่ได้...แต่ถ้าใช้ความรู้สึก ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่”
เมิงพูดหล่อมากครับ ซึ้งมากประโยคนี้...แต่หมดค่าเลยเวลาเมิงนอกใจเขาแถมยังคบพร้อมกัน 2 ฝั่งเนี่ย เกรี๊ยนเกรียน
ดีที่หนังยังไม่เอาแต่ละคู่มาจ๊ะเอ๊กันจะๆ...หรือพ่อแม่เห็นจริงๆ ...มีแต่พระเอกสำนึกผิด จนจบไปซะงั้น
นอกจากนี้เสด็จแม่ยังสอนเต๋าเกรียนอีกดอก...เมื่อพูดถึงการจีบสาวสมัยนี้...ว่า
จดหมายมันช้า...แต่มันทำให้เรารู้สึกคิดถึง...และอดทน
ทุกวันนี้เรารับข้อมูลเร็วไป...ข้อมูลคือเหตุผล...ความรู้สึกตามไม่ทัน
กว่าความรู้สึกมันจะตามทัน...สถานการณ์เหตุผลที่เราคุยไปก็เลยเถิดไปโน่นแล้ว
....สุดท้ายก็เหมือนทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบตามเหตุผลที่คิดว่าเรารู้สึก...อย่างรวดเร็วตามข้อมูลที่เราสื่อสาร
ในยุคนี้จึงต้องใช้สติ...และความอดทนให้มากในการสื่อสารความหมายและความรู้สึก
เหตุการณ์ที่พ่อเสียชีวิต...เป็นเหตุการณ์ที่เนื้อหาดีที่สุดของเรื่องเช่นกันที่จะสอนพวกเราว่า
เมื่อผิดพลาดเมื่อสูญเสีย...ไม่ว่าใครก็มีความรู้สึกแวบอยากกลับไปแก้ไขอดีต
...แต่ถ้าเราย้อนกลับไปได้ วันนี้มันจะสำคัญอย่างไร
...เราจะเติบโตได้อย่างไรถ้าที่ผ่านมาถูกแก้ไขไปหมดแล้ว
สรุป....
สนุกแบบหลงไปดูได้เพลินๆ...ดูรอบเดียวพอไม่มีอะไรน่าจดจำ
หมิวยังไม่ค่อยแก่และยังเล่นดีน่ารักสดใสมาก (แต่ชอบตอนเล่นเรื่อง “พลอย” มากกว่า)
ส่วนเต๋านี่ร้องเพลง สัญญารักเพราะครับ
นอกนั้น...โนเม้นแล้ว หนังรักธรรมดาๆนี่เอง
ปล.ยังยืนยันเหมือนเดิมครับ ไม่ว่าหนังสนุกหรือไม่สนุก...เราเก็บเกี่ยวจากมันได้เสมอ
ปล.2 เชอโคตรน่ารัก ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ (วีเจอิ๊งค์)
ปล.3 ฮาสัสช่วงย้อนวัยเรียน...ไอ้พวกที่นั่งโต๊ะเนี่ยไม่ใช่นักเรียนแล้ว ลุงแล้ว!!! หน้าแก่สัส 55
เพลงเพราะๆครับ