ข่าวใหญ่เมื่อวานนี้คงหนีไม่พ้น ข่าวของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่มีภาพการเข้าตรวจร่างกายกับทีมแพทย์ของบาร์เยิร์นมิวนิค ออกมาให้เห็นจนกระทั่ง ทวิตเตอร์ของสโมสรบาร์เยิร์นในภาษาอังกฤษได้ ทวีตยืนยันว่า "เลวานฯมาแล้ว" จริงๆ แบบ Free Transfer พร้อมเซนต์สัญญา 5 ปี
ซึ่งสัญญาฉบับนี้จะผลเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม หรือนั่นก็คือ สิ้นสุดฤดูกาล 2013-14 กับ โบรุซเซีย ดอร์ทมุนด์แล้วนั่นเอง ต่อมาเว็ปไซต์สโมสร บาร์เยิร์น มิวนิค ก็ออกมาแถลงยืนยันอีกครั้งว่า เลวานฯ ได้เซ็นสัญญากับทีมแล้วจริงๆ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นอีก นอกจากระยะเวลาของสัญญา จากคำสัมภาษณ์ของ Karl-Heinz Rummenigge ซีอีโอของทีม
"เราดีใจที่จัดการดีลนี้ได้เสียที เลวานฯเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมของโลก เขาจะช่วยทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และ จะเป็นแรงกระตุ้นใหม่ๆของทีม เราดีใจมากที่วันนี้เราเซ็นต์สัญญากันเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 ฝ่าย สัญญานี้จะมีระยะเวลายาวนาน 5 ปี ..."
การฉีกสัญญาของเด็กอคาเดมี่ (Release Clause)
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่แล้ว
มาริโอ เกิธเซ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการย้ายซบ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองบาวาเรี่ยน
"บาร์เยิร์น มิวนิค" ทั้งที่ตอนนั้น การประกบคู่ "ก็อธ-รอยซ์" ในดอร์ทมุนด์ กำลังไปได้สวย ฟอร์มของทีมกำลังยอดเยี่ยม พวกเขามีลุ้นทะลุไปถึงรอบชิงชนะเิลิศใน UCLเสียด้วยซ้ำ
หากยังจำกันได้ ตอนต่อสัญญาครั้งล่าสุดกับดอร์ทมุนต์ในฤดูกาล 2011-12 ตอนนั้นก็มีข่าวลือไม่น้อยว่า เกิธเซจะย้ายไปแมนฯซิตี้ ไม่ก็อาร์เซนอล แต่เกิธเซยังยืนยันว่า
"ทุกคนรู้ดีว่าผมรู้สึกสะดวกสบายแค่ไหนที่ดอร์ทมุนด์ ผมยังคงอยากเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่นี่"
เกิธเซเป็นเด็กอคาเดมี่ของดอร์ทมุนด์ เติบโตมาพร้อมกับเทคนิคการเล่นที่อคาเดมี่สั่งสอน ทั้งการเล่นที่หลากหลาย และการปรับตำแหน่งการเล่นได้ตลอดเวลา เขาเคยยกความดีความชอบจากฟอร์มการเล่นที่ดีของตัวเองให้กับระบบอคาเดมี่ของทีม ที่สั่งสอนเขามาได้เป็นอย่างดี
และ 1 ปีต่อมา เกิธเซก็ย้ายทีมด้วยค่าตัวที่ทุบสถิติการย้ายที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบุนเดสลิกาในรอบหลาย 10 ปี
ดอร์ทมุนด์ ออกมายืนยันข่าวลือ "เกิธเซไปจริงๆ" แต่เขาจะไปหลังจบฤดูกาล 2012-13 โดยในช่วงนั้น ดอร์ทมุนด์กำลังกรำศึกหนักในเวที ยุโรป พวกเขากำลังมีแข่งรอบ 4 ทีมสุดท้าย และกำลังทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบชิง ข่าวการประกาศย้ายทีมของเกิธเซเกิดขึ้นตอนที่ดอร์ทมุนด์กำลังมีแข่งเลก 2 กับ รีล มาดริด แม้วันนั้น ดอร์ทมุนด์จะชนะ และผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ ยูฟา แชมป์เปียนลีกส์ได้ แต่พวกเขากลับต้องเสีย นักเตะคนดังของทีมไปให้ทีมอริอย่าง บาร์เยิร์นฯแทน
"แสวงหาเงินตรา เราได้เห็นหัวใจของคุณแล้ว ไสหัวไปเกิทเซ"
คือป้ายผ้าข้อความของแฟนบอลดอร์ทมุนด์นำมาโชว์ในสนาม
เพราะการย้ายทีมของเกิธเซเกิดจากการ
Release Cluase หรือ
การฉีกสัญญา ดอร์ทมุนด์เลยแทบต้านทานเรื่องนี้ไม่ได้ ซีอีโอของทีมอย่าง Hans-Joachim Watzke เลยต้องออกแถลงการณ์ว่า
"ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เอเยนต์ของเกิธเซเข้ามาขอพูดคุยพร้อมกับบอกว่า เกิธเซอยากจะขอใช้กฏฉีกสัญญาและจะย้ายไปบาร์เยิร์นฯหลังจบฤดูกาลนี้ แม้เราจะผิดหวังมากแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่า พวกเขาสามารถใช้กฏนี้ได้ ตามเงื่อนไขที่ร่างไว้ในสัญญาจริงๆ.."
เหตุผลของเกิธเซนั้นมีเพียงแค่ "ผมอยากร่วมงานกับ เป็ป กวาดิโอล่า"
ซึ่งต่อมาในนัดชิงที่ เวมบลีย์ แม้เกิธเซจะเดินทางมาพร้อมกับทีม แต่เขาก็ไม่ได้ลงแข่งรอบชิงชนะเิลิศที่ ดอร์ทมุนต์สามารถฝ่าฝันมาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ครั้งล่าสุดที่พวกเขามาถึงรอบชิงชนะเิลิศนี้คือในปี 1997 และครั้งนั้น พวกเขากลายเป็นแชมป์
การแข่งขันในครั้งนี้จึงสำคัญมาก ทุกคนอยากคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ ใบที่ 2 ให้กับสโมสรใจจะขาด
จบเกมนัดนั้น บาร์เยิร์นฯเป็นผู้กำชัย ดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้ แม้รูปเกมจะทัดเทียมกันจนพูดยากว่าใครจะได้แชมป์ จนกระทั่งลูกยิงปิดกล่องของ อาเยน ร็อบเบน นั่นเองที่ทำลายความฝันของดอร์ทมุนด์ลง
ฤดูกาล 2012-13 เป็นฤดูกาลที่ดอร์ทมุนต์ ...
... พลาดแชมป์ยูฟาแชมเปี้ยนลีกส์ให้บาร์เยิร์นฯ
... เสียแชมป์ลีกให้บาร์เยิร์นฯ
และ ยังเสียนักเตะลูกหม้อ จากอคาเดมี่ให้ บาร์เยิร์นฯ ในท้ายที่สุด
การย้ายฟรี ของดาวซัลโว (Free Transfer/Bosman Ruling)
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือ นักเตะรายต่อมาที่มีข่าวลือหนาหู เลวานประกาศตัวชัดเจนว่า เขาอยากย้ายไปอยู่กับบาร์เยิร์น มิวนิค มานานมาก
ในเดือนกันยายนปี 2013 เลวานออกมาประกาศว่า "มกรานี้เขาจะเซ็นต์สัญญากับบาร์เยิร์น" การประกาศนั้นนำมาซึ่งเสียงก่นด่า และ ข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บ้างก็ว่า หากทีมยังทำผลงานได้ดี เลวานอาจเปลี่ยนใจ บ้างก็ขอไว้ ถ้าจะย้ายไป ขอเป็นทีมอื่นที่ไม่ใช่ บาร์เยิร์นได้ไหม?
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือ นักเตะที่ดอร์ทมุนด์ซื้อมาในฤดูกาล 2011-12 ขณะนั้น ดอร์มุนด์กำลังไปได้สวยกับกองหน้าตัวฉกาจอย่าง ลูคัส บาริออส ... แต่เมื่อลูคัสเจ็บ ทีมเลยดึงเลวานฯขึ้นมาเล่นแทนในตำแหน่งของเขา และการเล่นแทนครั้งนั้น ได้กลายเป็นตำแหน่งถาวรของ เลวานฯไปในที่สึด (ลูคัสเลยย้ายหนีไป กวางโจ เอเวอแกรนด์)
ปีแรกที่เขามาแทนที่บาริออส เลวานฯติดอันดับ 3 ของผู้ที่ทำประตูมากที่สุดของบุนเดสลิกา ด้วยการกดไปถึง 22 ประตูและยังพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาอีกด้วย ปีต่อมา แม้ทีมจะพลาดคว้าแชมป์ลีกติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2 แต่เลวานฯก็ขึ้นแท่น จอมถล่มประตูไปแล้วในที่สุด ด้วยการกดไปถึง 24 ประตู รั้งอันดับ 2 ดาวซัลโวของฤดูกาล เป็นรอง สเตฟาน คีสลิงเพียง 1 ประตูเท่านั้น
แม้จะประกาศล่วงหน้ามานาน แต่หลังจากการประกาศนั้น เลวานฯยังคงทำตามหน้าที่ของตัวเอง ถึงจะประกาศอยากย้ายทีมไปแล้ว แต่เมื่อลงแข่งในชุดสีเหลือง เขายังถล่มประตูให้ดอร์ทมุนด์เหมือนเดิม หลังจากประกาศปลายเดือนกันยา จนถึงปัจจุบัน เลวานลงเล่นให้ดอร์ทมุนด์ 16 เกมจากทุกรายการ เขาทำประตูไปแล้วทั้งสิ้น 11 ประตู
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ฤดูกาล 2013-14 เลวานฯลงเล่นให้ดอร์ทมุนต์รวมทุกรายการทั้งสิ้น 25 นัด ทำไปแล้ว 16 ประตู
จากการประกาศครั้งแรกในเดือนกันยายน 2013 จนถึง มกราคม 2014 ก็มาถึงเวลาวัดใจสำหรับแฟนๆ เสือเหลืองและเสือใต้สักที เลวานฯจะทำตามที่พูดจริงหรือไม่ แล้วเขาก็ทำตามที่พูดไว้ เซนต์สัญญากับบาร์เยิร์น 5 ปี ในเงื่อนไข
"หมดสัญญา และ ย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว"
บางคนบอกว่า ทำไมเลวานฯถึงต้องทำถึงขนาดนี้?
ย้ายทั้งที ทำไมต้องบาร์เยิร์นฯ แถมยังย้ายแบบฟรีๆ จะทำร้ายสโมสรไปถึงไหน?
ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ บาร์เยิร์นฯเอง เคยยื่นข้อเสนอโดยตรงมายังดอร์ทมุนต์แล้ว ถึงการซื้อตัว ถ้าจำเป็นก็อาจด้วยเงื่อนไขฉีกสัญญา แต่หลังจากที่ดอร์ทมุนต์เสียเกิธเซไปแล้ว คงมีคนด่าว่า "บ้าไปแล้ว" แน่ๆหากยังยอมขายเลวานฯไปเสริมทัพให้อีก
ที่ดอร์ทมุนด์ทำ คือการเก็บเลวานไว้จนกว่าจะหมดฤดูกาลและพยายามหาทางให้เขาต่อสัญญา
ไม่ก็พยายามขายไปลีกอื่น นั่นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สโมสรสามารถทำได้แล้ว
และสิ่งที่เลวานฯทำมีเพียงอย่างเดียว คือ ทำประตูให้ทีมปัจจุบัน และ รอคอย ...
เรื่องราวเบื้องหลังของเหตุการณ์อาจยุ่งเหยิงกว่าที่เราคิด แต่เมื่อตลาดฤดูหนาวเปิด แต่ดอร์ทมุนด์ยังไม่สามารถปิดดีลใดๆ เกี่ยวกับเลวานฯกับทีมอื่นๆได้ เลวานฯก็ชิงเซนต์สัญญาใหม่กับ บาร์เยิร์นฯทันที ตามคิวแบบที่เขาเองเคยประกาศไว้เมื่อ 5 เดือนก่อนเป๊ะ ...
แน่นอนว่าการเซนต์สัญญาของเลวานฯครั้งนี้ ต้องนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหลือคณาแน่นอน
"คราวก่อนก็เกิธเซ คราวนี้ก็เลวานฯ บาร์เยิร์นคุณจะโหดไปถึงไหน"
"ไอ้นักเตะทะเยอะยาน อยากอยู่ทีมใหญ่จนตัวสั่น เมิงไม่คิดจะพาทีมปัจจุบันยิ่งใหญ่เองมั่งหรือไง"
"ไอ้พวกเห็นแก่เงิน ไปอยู่ด้วยกันน่ะดีแล้ว"
ไม่ว่าเสียงก่นด่าจะมาจากใจจริง อารมณ์โมโห หรือ ไม่แคร์จริงๆว่านักเตะจะอยู่หรือไป แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญจริงๆคือ "สโมสร" ไม่ใช่นักเตะ
มีนักเตะก้าวเข้ามามากมาย และ จากไปมากมาย บ้างเก็บเกี่ยวเกียรติยศจากที่นี่ บ้างก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเลวร้าย แล้วจากไปยิ่งใหญ่ยังที่อื่น ถูกจดจำในสีเสื้อของอีกทีม บางคนถูกหลงลืม บางคนถูกจดจำ ไม่ว่าอย่างไหนก็ตาม ...
อาชีพนักเตะเป็นอาชีพที่มีช่วงชีวิตความรุ่งโรจน์ไม่มากนัก เมื่อเริ่มทำงานสักตอนอายุ 20 คุณจะสามารถทำอาชีพนี้แบบแข็งขันไปได้อย่างมากก็ 20 ปี คุณก็จะไม่สามารถทำงานแบบที่คุณเคยทำได้อีก คนอื่นจะมาแทนคุณ ความอาวุโสไม่มีผลยั่งยืนบนสนาม คุณอาจมีความเก๋าเป็นจุดเด่น แต่คุณจะถูกวิ่งแซงอย่างง่ายดาย
เมื่อมีโอกาสคุณก็ต้องเลือก
อาชีพ ความชอบ เงิน เกียรติยศ ความสำเร็จ
ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร คนเลือกย่อมรู้ดีที่สุด
แต่มีความจริงข้อหนึ่งที่นักเตะไม่อาจปฏิเสธได้ ...
"เล่นฟุตบอลเพื่อชื่อบนหน้าอก แล้วคุณจะถูกจดจำในชื่อบนแผ่นหลัง"
นั่นคือสิ่งที่ควรถูกระลึกถึงไว้เสมอ ...
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในวันที่เราต้องไกลห่าง : อนาคตหรือความภักดี จาก .. โรบิน ฟาน เพอซี ถึง มาริโอ้ เกิทเซ ..
http://ppantip.com/topic/30523924
Drama Happen : ไม่มีปาฏิหารย์ที่เวมบลีย์
http://ppantip.com/topic/30530633
ลิววี่ ผู้ฆ่ายักษ์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ การล้มยักษ์อันน่าทึ่ง
http://ppantip.com/topic/30446809
[Borussia Dortmund] การฉีกสัญญาของเด็กอคาเดมี่ และ การย้ายแบบฟรีๆของดาวซัลโว
ซึ่งสัญญาฉบับนี้จะผลเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม หรือนั่นก็คือ สิ้นสุดฤดูกาล 2013-14 กับ โบรุซเซีย ดอร์ทมุนด์แล้วนั่นเอง ต่อมาเว็ปไซต์สโมสร บาร์เยิร์น มิวนิค ก็ออกมาแถลงยืนยันอีกครั้งว่า เลวานฯ ได้เซ็นสัญญากับทีมแล้วจริงๆ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นอีก นอกจากระยะเวลาของสัญญา จากคำสัมภาษณ์ของ Karl-Heinz Rummenigge ซีอีโอของทีม
"เราดีใจที่จัดการดีลนี้ได้เสียที เลวานฯเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมของโลก เขาจะช่วยทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และ จะเป็นแรงกระตุ้นใหม่ๆของทีม เราดีใจมากที่วันนี้เราเซ็นต์สัญญากันเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 ฝ่าย สัญญานี้จะมีระยะเวลายาวนาน 5 ปี ..."
การฉีกสัญญาของเด็กอคาเดมี่ (Release Clause)
ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่แล้ว มาริโอ เกิธเซ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการย้ายซบ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองบาวาเรี่ยน "บาร์เยิร์น มิวนิค" ทั้งที่ตอนนั้น การประกบคู่ "ก็อธ-รอยซ์" ในดอร์ทมุนด์ กำลังไปได้สวย ฟอร์มของทีมกำลังยอดเยี่ยม พวกเขามีลุ้นทะลุไปถึงรอบชิงชนะเิลิศใน UCLเสียด้วยซ้ำ
หากยังจำกันได้ ตอนต่อสัญญาครั้งล่าสุดกับดอร์ทมุนต์ในฤดูกาล 2011-12 ตอนนั้นก็มีข่าวลือไม่น้อยว่า เกิธเซจะย้ายไปแมนฯซิตี้ ไม่ก็อาร์เซนอล แต่เกิธเซยังยืนยันว่า
"ทุกคนรู้ดีว่าผมรู้สึกสะดวกสบายแค่ไหนที่ดอร์ทมุนด์ ผมยังคงอยากเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่นี่"
เกิธเซเป็นเด็กอคาเดมี่ของดอร์ทมุนด์ เติบโตมาพร้อมกับเทคนิคการเล่นที่อคาเดมี่สั่งสอน ทั้งการเล่นที่หลากหลาย และการปรับตำแหน่งการเล่นได้ตลอดเวลา เขาเคยยกความดีความชอบจากฟอร์มการเล่นที่ดีของตัวเองให้กับระบบอคาเดมี่ของทีม ที่สั่งสอนเขามาได้เป็นอย่างดี
และ 1 ปีต่อมา เกิธเซก็ย้ายทีมด้วยค่าตัวที่ทุบสถิติการย้ายที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบุนเดสลิกาในรอบหลาย 10 ปี
ดอร์ทมุนด์ ออกมายืนยันข่าวลือ "เกิธเซไปจริงๆ" แต่เขาจะไปหลังจบฤดูกาล 2012-13 โดยในช่วงนั้น ดอร์ทมุนด์กำลังกรำศึกหนักในเวที ยุโรป พวกเขากำลังมีแข่งรอบ 4 ทีมสุดท้าย และกำลังทะลุผ่านเข้าไปถึงรอบชิง ข่าวการประกาศย้ายทีมของเกิธเซเกิดขึ้นตอนที่ดอร์ทมุนด์กำลังมีแข่งเลก 2 กับ รีล มาดริด แม้วันนั้น ดอร์ทมุนด์จะชนะ และผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ ยูฟา แชมป์เปียนลีกส์ได้ แต่พวกเขากลับต้องเสีย นักเตะคนดังของทีมไปให้ทีมอริอย่าง บาร์เยิร์นฯแทน
"แสวงหาเงินตรา เราได้เห็นหัวใจของคุณแล้ว ไสหัวไปเกิทเซ"
คือป้ายผ้าข้อความของแฟนบอลดอร์ทมุนด์นำมาโชว์ในสนาม
เพราะการย้ายทีมของเกิธเซเกิดจากการ Release Cluase หรือ การฉีกสัญญา ดอร์ทมุนด์เลยแทบต้านทานเรื่องนี้ไม่ได้ ซีอีโอของทีมอย่าง Hans-Joachim Watzke เลยต้องออกแถลงการณ์ว่า
"ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เอเยนต์ของเกิธเซเข้ามาขอพูดคุยพร้อมกับบอกว่า เกิธเซอยากจะขอใช้กฏฉีกสัญญาและจะย้ายไปบาร์เยิร์นฯหลังจบฤดูกาลนี้ แม้เราจะผิดหวังมากแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่า พวกเขาสามารถใช้กฏนี้ได้ ตามเงื่อนไขที่ร่างไว้ในสัญญาจริงๆ.."
เหตุผลของเกิธเซนั้นมีเพียงแค่ "ผมอยากร่วมงานกับ เป็ป กวาดิโอล่า"
ซึ่งต่อมาในนัดชิงที่ เวมบลีย์ แม้เกิธเซจะเดินทางมาพร้อมกับทีม แต่เขาก็ไม่ได้ลงแข่งรอบชิงชนะเิลิศที่ ดอร์ทมุนต์สามารถฝ่าฝันมาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ครั้งล่าสุดที่พวกเขามาถึงรอบชิงชนะเิลิศนี้คือในปี 1997 และครั้งนั้น พวกเขากลายเป็นแชมป์
การแข่งขันในครั้งนี้จึงสำคัญมาก ทุกคนอยากคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ ใบที่ 2 ให้กับสโมสรใจจะขาด
จบเกมนัดนั้น บาร์เยิร์นฯเป็นผู้กำชัย ดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้ แม้รูปเกมจะทัดเทียมกันจนพูดยากว่าใครจะได้แชมป์ จนกระทั่งลูกยิงปิดกล่องของ อาเยน ร็อบเบน นั่นเองที่ทำลายความฝันของดอร์ทมุนด์ลง
ฤดูกาล 2012-13 เป็นฤดูกาลที่ดอร์ทมุนต์ ...
... พลาดแชมป์ยูฟาแชมเปี้ยนลีกส์ให้บาร์เยิร์นฯ
... เสียแชมป์ลีกให้บาร์เยิร์นฯ
และ ยังเสียนักเตะลูกหม้อ จากอคาเดมี่ให้ บาร์เยิร์นฯ ในท้ายที่สุด
การย้ายฟรี ของดาวซัลโว (Free Transfer/Bosman Ruling)
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือ นักเตะรายต่อมาที่มีข่าวลือหนาหู เลวานประกาศตัวชัดเจนว่า เขาอยากย้ายไปอยู่กับบาร์เยิร์น มิวนิค มานานมาก
ในเดือนกันยายนปี 2013 เลวานออกมาประกาศว่า "มกรานี้เขาจะเซ็นต์สัญญากับบาร์เยิร์น" การประกาศนั้นนำมาซึ่งเสียงก่นด่า และ ข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บ้างก็ว่า หากทีมยังทำผลงานได้ดี เลวานอาจเปลี่ยนใจ บ้างก็ขอไว้ ถ้าจะย้ายไป ขอเป็นทีมอื่นที่ไม่ใช่ บาร์เยิร์นได้ไหม?
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือ นักเตะที่ดอร์ทมุนด์ซื้อมาในฤดูกาล 2011-12 ขณะนั้น ดอร์มุนด์กำลังไปได้สวยกับกองหน้าตัวฉกาจอย่าง ลูคัส บาริออส ... แต่เมื่อลูคัสเจ็บ ทีมเลยดึงเลวานฯขึ้นมาเล่นแทนในตำแหน่งของเขา และการเล่นแทนครั้งนั้น ได้กลายเป็นตำแหน่งถาวรของ เลวานฯไปในที่สึด (ลูคัสเลยย้ายหนีไป กวางโจ เอเวอแกรนด์)
ปีแรกที่เขามาแทนที่บาริออส เลวานฯติดอันดับ 3 ของผู้ที่ทำประตูมากที่สุดของบุนเดสลิกา ด้วยการกดไปถึง 22 ประตูและยังพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาอีกด้วย ปีต่อมา แม้ทีมจะพลาดคว้าแชมป์ลีกติดต่อกันเป็นสมัยที่ 2 แต่เลวานฯก็ขึ้นแท่น จอมถล่มประตูไปแล้วในที่สุด ด้วยการกดไปถึง 24 ประตู รั้งอันดับ 2 ดาวซัลโวของฤดูกาล เป็นรอง สเตฟาน คีสลิงเพียง 1 ประตูเท่านั้น
แม้จะประกาศล่วงหน้ามานาน แต่หลังจากการประกาศนั้น เลวานฯยังคงทำตามหน้าที่ของตัวเอง ถึงจะประกาศอยากย้ายทีมไปแล้ว แต่เมื่อลงแข่งในชุดสีเหลือง เขายังถล่มประตูให้ดอร์ทมุนด์เหมือนเดิม หลังจากประกาศปลายเดือนกันยา จนถึงปัจจุบัน เลวานลงเล่นให้ดอร์ทมุนด์ 16 เกมจากทุกรายการ เขาทำประตูไปแล้วทั้งสิ้น 11 ประตู
ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ฤดูกาล 2013-14 เลวานฯลงเล่นให้ดอร์ทมุนต์รวมทุกรายการทั้งสิ้น 25 นัด ทำไปแล้ว 16 ประตู
จากการประกาศครั้งแรกในเดือนกันยายน 2013 จนถึง มกราคม 2014 ก็มาถึงเวลาวัดใจสำหรับแฟนๆ เสือเหลืองและเสือใต้สักที เลวานฯจะทำตามที่พูดจริงหรือไม่ แล้วเขาก็ทำตามที่พูดไว้ เซนต์สัญญากับบาร์เยิร์น 5 ปี ในเงื่อนไข "หมดสัญญา และ ย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว"
บางคนบอกว่า ทำไมเลวานฯถึงต้องทำถึงขนาดนี้?
ย้ายทั้งที ทำไมต้องบาร์เยิร์นฯ แถมยังย้ายแบบฟรีๆ จะทำร้ายสโมสรไปถึงไหน?
ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ บาร์เยิร์นฯเอง เคยยื่นข้อเสนอโดยตรงมายังดอร์ทมุนต์แล้ว ถึงการซื้อตัว ถ้าจำเป็นก็อาจด้วยเงื่อนไขฉีกสัญญา แต่หลังจากที่ดอร์ทมุนต์เสียเกิธเซไปแล้ว คงมีคนด่าว่า "บ้าไปแล้ว" แน่ๆหากยังยอมขายเลวานฯไปเสริมทัพให้อีก
ที่ดอร์ทมุนด์ทำ คือการเก็บเลวานไว้จนกว่าจะหมดฤดูกาลและพยายามหาทางให้เขาต่อสัญญา
ไม่ก็พยายามขายไปลีกอื่น นั่นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สโมสรสามารถทำได้แล้ว
และสิ่งที่เลวานฯทำมีเพียงอย่างเดียว คือ ทำประตูให้ทีมปัจจุบัน และ รอคอย ...
เรื่องราวเบื้องหลังของเหตุการณ์อาจยุ่งเหยิงกว่าที่เราคิด แต่เมื่อตลาดฤดูหนาวเปิด แต่ดอร์ทมุนด์ยังไม่สามารถปิดดีลใดๆ เกี่ยวกับเลวานฯกับทีมอื่นๆได้ เลวานฯก็ชิงเซนต์สัญญาใหม่กับ บาร์เยิร์นฯทันที ตามคิวแบบที่เขาเองเคยประกาศไว้เมื่อ 5 เดือนก่อนเป๊ะ ...
แน่นอนว่าการเซนต์สัญญาของเลวานฯครั้งนี้ ต้องนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหลือคณาแน่นอน
"คราวก่อนก็เกิธเซ คราวนี้ก็เลวานฯ บาร์เยิร์นคุณจะโหดไปถึงไหน"
"ไอ้นักเตะทะเยอะยาน อยากอยู่ทีมใหญ่จนตัวสั่น เมิงไม่คิดจะพาทีมปัจจุบันยิ่งใหญ่เองมั่งหรือไง"
"ไอ้พวกเห็นแก่เงิน ไปอยู่ด้วยกันน่ะดีแล้ว"
ไม่ว่าเสียงก่นด่าจะมาจากใจจริง อารมณ์โมโห หรือ ไม่แคร์จริงๆว่านักเตะจะอยู่หรือไป แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญจริงๆคือ "สโมสร" ไม่ใช่นักเตะ
มีนักเตะก้าวเข้ามามากมาย และ จากไปมากมาย บ้างเก็บเกี่ยวเกียรติยศจากที่นี่ บ้างก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเลวร้าย แล้วจากไปยิ่งใหญ่ยังที่อื่น ถูกจดจำในสีเสื้อของอีกทีม บางคนถูกหลงลืม บางคนถูกจดจำ ไม่ว่าอย่างไหนก็ตาม ...
อาชีพนักเตะเป็นอาชีพที่มีช่วงชีวิตความรุ่งโรจน์ไม่มากนัก เมื่อเริ่มทำงานสักตอนอายุ 20 คุณจะสามารถทำอาชีพนี้แบบแข็งขันไปได้อย่างมากก็ 20 ปี คุณก็จะไม่สามารถทำงานแบบที่คุณเคยทำได้อีก คนอื่นจะมาแทนคุณ ความอาวุโสไม่มีผลยั่งยืนบนสนาม คุณอาจมีความเก๋าเป็นจุดเด่น แต่คุณจะถูกวิ่งแซงอย่างง่ายดาย
อาชีพ ความชอบ เงิน เกียรติยศ ความสำเร็จ
ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร คนเลือกย่อมรู้ดีที่สุด
แต่มีความจริงข้อหนึ่งที่นักเตะไม่อาจปฏิเสธได้ ...
"เล่นฟุตบอลเพื่อชื่อบนหน้าอก แล้วคุณจะถูกจดจำในชื่อบนแผ่นหลัง"
นั่นคือสิ่งที่ควรถูกระลึกถึงไว้เสมอ ...
บทความที่เกี่ยวข้อง
ในวันที่เราต้องไกลห่าง : อนาคตหรือความภักดี จาก .. โรบิน ฟาน เพอซี ถึง มาริโอ้ เกิทเซ ..
http://ppantip.com/topic/30523924
Drama Happen : ไม่มีปาฏิหารย์ที่เวมบลีย์
http://ppantip.com/topic/30530633
ลิววี่ ผู้ฆ่ายักษ์ : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ การล้มยักษ์อันน่าทึ่ง
http://ppantip.com/topic/30446809