ผมรู้สึกว่าผมมีความในใจที่มันออกจะสวนทางสังคมและไม่รุ้เป็นอะไร

เรื่องมันมีอยู่ว่าถ้าฟังอย่าหาผมเป็นเกย์นะครับ ผมไปเที่ยวพัทยา แล้วได้รุ้จักกับครอบครัวหนึ่งเป็นน้องของเพื่อนแม่ซึ่งสนิทกัน และได้รุ้จักเด็กคนนึงซึ่งเป็นลูกของน้องชายคนนั้น เริ่มแรกก็ไม่ได้สนิทไรมาก แต่ยิ่งคุย ยิ่งรุ้จัก คุ้นเึคยกับเด็กคนนี้ เริ่มรุ้สึกถึงความผุกพันธ์ที่มีให้ มันเป็นความรู้สึกเหมือนเด็กนี้ เป็นทั้งญาติ ทั้งน้องแท้ เป็นความรู้สึกที่อยากคลุกคลีอยากจะอยู่ด้วยกัน แล้วบางครั้งก็เล่นอะไรแต่ไม่ใช่เล่นแบบเป็นเด็กๆไปนะครับ ประกอบการช่วงแรกเราด็อยากให้เค้ารุ้สึกกันเองกับเรา จนก่อกันเป็นความผุกพันธ์ เวลาเราห่างไกลกัน ก็จะรุ้สึกโหยหา คิดถึงแต่กัน ทั้งๆที่เราอายุห่างกันตั้งเกือบสิบปั แต่เราก็ยังสื่ออะไรถึงกันได้ ทั้งๆที่ไม่ใช่ในแบบชู้สาว เพื้อนๆมีใครเคยเป็นแบบนี้ แบบรู้สึกถูกชะตา จนพร้อมที่จะทำเพื่อเค้าได้ทุกอย่าง พร้อมที่จะทำอะไรที่เค้าต้องการให้เป็นไม่ตามพลังแห่งรัก ดังเพลงของหินเหล็กไฟ ทำอะไรก็จะแคร์แต่เค้า ผมก็ไม่รุ้ว่าตัวเองเป็นไรนะ แต่ที่พูดมานี่เพราะอย่าแชรืความในใจ ทั้งๆที่เป็นผู้ชาย แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น sensative อ่อนไหวง่าย บางคืนก็นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเค้า อย่าหาว่าบ้าเลยนะครับ บางครั้งเราแบบคิดเสมอเค้ารุ้สึกแบบที่เรารุ้สึกกับเค้าบางทีไม่เป็นอันจะกินก็มีบ้าง แต่น้อยครั้งอ่ะครับ แล้วคิดว่าเค้าจะรุ้สึกประทับใจ ตราตรึงแบบที่เรารุ้สึกหรือเปล่า

สุดท้ายผมยังบอกว่า ผมไม่เข้าใจจริง ว่าทำไมการที่ผุ้ใหญ่(วัยรุ่น)ที่ไม่ได้เป็นไรกับเด็กคนนึงโดยตรง ผุกพันธ์กัน อยากทำไรใกล้ชิดมันผิดมากหรือเปล่า เพราะในหนังฮอลลี่วูดหลายๆเรื่องก็เห็นผู้ใหญ่กับเด็กมีความผูกพันธ์กันแน่นฟ้าเกินกว่าที่จะหยั่งถึง มันลึกซึ้งมากกว่าคำว่าผู้อาวุโส แต่ลึกซึ้งเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ว่าเด็กผู้ใหญ่ที่วัยต่างกันจะซี้กันเสมือนเพื่อนกันและัผูกพีนธ์กันได้ขนาดนี้ ความในใจที่มีอยู่ก็ประมาณนี้แหละครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่