เมื่อฟ้าคือสิ่งที่สดใสและหม่นหมองในเวลาเดียวกัน ......
คำนี้คือสิ่งที่อธิบาย คอนเซปท์หนังรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์
Blue is the warmest color หรือ La Vie d'Adèle
หนังฝรั่งเศส แสดงโดยนักแสดงฝรั่งเศส ที่หน้าใหม่ แต่ฝีมือจัดจ้าน
Léa Seydoux and Adèle Exarchopoulos และกำกับโดย Abdellatif Kechiche
3 ประสานที่สำคัญ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ ประสบความสำเร็จ
เนื้อหาสั้นๆ ของ Blue is the warmest color เกี่ยวกับ เด็กสาววัยรุ่นที่ลังเลในเพศสภาพตัวเอง
ว่าชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ค้นหาว่ารักแท้คืออะไร และรวมทั้งเมื่อพบรักแล้ว จะรักษา
และรับมือกับความผิดหวังได้อย่างไร ฟังพล๊อตเรื่องก็เหมือนกับหนัง Coming of Age และหนัง Lesbian ทั่วไป
ไม่น่าตื่นเต้น แต่ว่า....มันต้องมีดีซิ ไม่งั้นกรรมการคงไม่ยกนิ้วให้ ขนาดสตีเว่น สปีลเบิร์ก
พ่อมดแห่งฮอลีวู้ด ยังบอกว่า "หนังรักที่ ทำให้คนดูรู้สึกหลงรักและเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง ไปกับตัวละคร"
หลังจากรอคอยมาร่วม 2 เดือน ก็ได้คิวมาฉายที่ไทยซะที โดยฉายที่เดียวคือ House RCA นั่นเอง
โดยได้เรท NC-17 และคนดูต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป
(ซึ่งน่าจะเป็นเพราะ Sex scene 10 นาทีแบบไม่มีตัดนั่นเอง.....)
หลังจาก 3 ชั่วโมง ที่นั่งฟังภาษาฝรั่งเศส และทนหนาว ก็ได้คำตอบว่า
นี่คือหนังที่ดีที่สุด สำหรับเราในปี 2013 ค่ะ
หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์จริตของเรา ทั้งความเป็นหนังดราม่า โรแมนติค วัยรุ่นและเพศสภาพได้อย่างดี
เสน่ห์ของเรื่องนี้คือความสมจริงในทุกองค์ประกอบ ไม่ต้องมี Visual Effect/Make Up Effect
หรือ Costume ใดๆ เพราะเสน่ห์ของหนังดราม่าที่ดีอยู่ที่ Performance ของนักแสดง
ที่กลั่นออกมา ทำให้เรารู้สึกว่า เค้าไม่ได้แสดง ทำให้เราอินได้ โดยมองข้ามไปเลยว่านี้คือ
หนัง ญ รัก ญ มันคือหนังรักทั่วไปนั่นเอง
เราคงไม่ได้พูดถึงเรื่องราวและจุดจบ ของหนังมาก เพราะดูจาก Trailer ก็เดาได้
แต่จะมาโฟกัสมุมมองของผู้กำกับ และการแสดงมากกว่า
มุมมองการถ่ายทอดของผู้กำกับ
การถ่ายทำส่วนมากของเรื่องนี้จะเน้นการ Close Up ไปที่สีหน้าของตัวละคร โดยเฉพาะ
Adele ตัวหลักของเรือง ที่เราจะเห็นสีหน้าทั้งเขินอาย สมหวัง ผิดหวัง เศร้า ได้อย่างชัดเจน
ปราศจากการปรุงแต่ง เวลายิ้มก็ยิ้มซะหวานเหลือเกิน เวลาเศร้าก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งเต็ม ๆ
ถ้าเรามองแล้ว ทุกๆซีน ผู้กำกับจะให้ความสำคัญกับดีเทลเป็นอย่างมาก ทั้งซีนนางเอกนอน
นางเอกกิน ทุกอย่างถูกแปลเป็น Symbolic ได้ทั้งหมด แล้วแต่คนตีความ ก็ตามสไตล์ฝรั่งเศส
ละเมียดทั้งมุม แสง การ Shift Focus ฯ
2 นักแสดงสุดฮอต
Adele และ Lea เรียกได้ว่าเคมีตรงกันมาก ทั้ง 2 สามารถส่งสายตาให้กันอย่าง
ไม่เขิลอาย แถมฉาก Sex Scene นั้นก็ต้องบอกว่าทั้ง 2 ทุ่มสุดตัว และในแง่มุมของ
Sex Scene ที่มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างมากว่าจำเป็นแค่ไหนที่ใส่เข้ามาเต็มขนาดนั้น
เรามองว่าเป็นที่ผู้กำกับ อยากให้คนดูได้เห็นว่า ความสุขของนางเอกระหว่างการที่เค้ามี
อะไรกับผู้ชายและผู้หญิงมันต่างกันมาก ๆ หรืออยากให้เห็นว่านางเอ็นจอยแบบนี้มากกว่า
(คิดซะว่าเป็นกำไรกับคนดู ที่เป็นผู้ชายและเบี้ยนๆ ทั้งหลายแล้วกัน 55++) และมองว่า
มันคือ Make Love with Passion Scene มากกว่า Sex Scene
ฉากที่ชอบ
ทั้ง 3 ฉากของเรื่องเป็นจุดที่เปลี่ยนและดำเนินเรื่องไปอีกหนึ่งขั้นเท่านั้น
1.ฉากที่ป่ะกันบนถนนครั้งแรก ที่ให้อารมณ์ Love First Sight เรียกว่า มองกันเหลียวหลัง
ไปเลย ให้ความรู้สึกว่า คนนี้แหละจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเรา
2.ฉาก First Kiss อันนี้โคลสอัพ ให้เห็นความปลื้มปลิ่มของ Adele มาก ๆ ต้องไปดูค่ะ
3.ฉากทะเลาะ อันนี้เรียกได้ว่า 2 คนนี้จัดเต็มมาก ตอนดูอึดอัด เหมือนเห็นเพื่อนรักเรา
ทะเลาะกับแฟนให้เห็น แบบว่า หยุดเถอะนาาาาา
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การวิจารณ์ เรียกได้ว่าดูแล้วมาเล่าที่ชอบให้ฟัง ใครที่ดูแล้ว มาคุยกันเนอะ
สรุป เรื่องนี้ทำให้เรายิ้มและหัวใจสลายไปพร้อมๆกัน
เหมือนความสดใสและความหม่นหมองของสีฟ้าค่ะ
คะแนน 9.5/10
ปล.จะไปดูอีกรอบหล่ะ
Blue is the warmest color เมื่อฟ้าคือสิ่งที่สดใสและหม่นหมองในเวลาเดียวกัน
คำนี้คือสิ่งที่อธิบาย คอนเซปท์หนังรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์
Blue is the warmest color หรือ La Vie d'Adèle
หนังฝรั่งเศส แสดงโดยนักแสดงฝรั่งเศส ที่หน้าใหม่ แต่ฝีมือจัดจ้าน
Léa Seydoux and Adèle Exarchopoulos และกำกับโดย Abdellatif Kechiche
3 ประสานที่สำคัญ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ ประสบความสำเร็จ
เนื้อหาสั้นๆ ของ Blue is the warmest color เกี่ยวกับ เด็กสาววัยรุ่นที่ลังเลในเพศสภาพตัวเอง
ว่าชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ค้นหาว่ารักแท้คืออะไร และรวมทั้งเมื่อพบรักแล้ว จะรักษา
และรับมือกับความผิดหวังได้อย่างไร ฟังพล๊อตเรื่องก็เหมือนกับหนัง Coming of Age และหนัง Lesbian ทั่วไป
ไม่น่าตื่นเต้น แต่ว่า....มันต้องมีดีซิ ไม่งั้นกรรมการคงไม่ยกนิ้วให้ ขนาดสตีเว่น สปีลเบิร์ก
พ่อมดแห่งฮอลีวู้ด ยังบอกว่า "หนังรักที่ ทำให้คนดูรู้สึกหลงรักและเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง ไปกับตัวละคร"
หลังจากรอคอยมาร่วม 2 เดือน ก็ได้คิวมาฉายที่ไทยซะที โดยฉายที่เดียวคือ House RCA นั่นเอง
โดยได้เรท NC-17 และคนดูต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป
(ซึ่งน่าจะเป็นเพราะ Sex scene 10 นาทีแบบไม่มีตัดนั่นเอง.....)
หลังจาก 3 ชั่วโมง ที่นั่งฟังภาษาฝรั่งเศส และทนหนาว ก็ได้คำตอบว่า
นี่คือหนังที่ดีที่สุด สำหรับเราในปี 2013 ค่ะ
หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์จริตของเรา ทั้งความเป็นหนังดราม่า โรแมนติค วัยรุ่นและเพศสภาพได้อย่างดี
เสน่ห์ของเรื่องนี้คือความสมจริงในทุกองค์ประกอบ ไม่ต้องมี Visual Effect/Make Up Effect
หรือ Costume ใดๆ เพราะเสน่ห์ของหนังดราม่าที่ดีอยู่ที่ Performance ของนักแสดง
ที่กลั่นออกมา ทำให้เรารู้สึกว่า เค้าไม่ได้แสดง ทำให้เราอินได้ โดยมองข้ามไปเลยว่านี้คือ
หนัง ญ รัก ญ มันคือหนังรักทั่วไปนั่นเอง
เราคงไม่ได้พูดถึงเรื่องราวและจุดจบ ของหนังมาก เพราะดูจาก Trailer ก็เดาได้
แต่จะมาโฟกัสมุมมองของผู้กำกับ และการแสดงมากกว่า
มุมมองการถ่ายทอดของผู้กำกับ
การถ่ายทำส่วนมากของเรื่องนี้จะเน้นการ Close Up ไปที่สีหน้าของตัวละคร โดยเฉพาะ
Adele ตัวหลักของเรือง ที่เราจะเห็นสีหน้าทั้งเขินอาย สมหวัง ผิดหวัง เศร้า ได้อย่างชัดเจน
ปราศจากการปรุงแต่ง เวลายิ้มก็ยิ้มซะหวานเหลือเกิน เวลาเศร้าก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งเต็ม ๆ
ถ้าเรามองแล้ว ทุกๆซีน ผู้กำกับจะให้ความสำคัญกับดีเทลเป็นอย่างมาก ทั้งซีนนางเอกนอน
นางเอกกิน ทุกอย่างถูกแปลเป็น Symbolic ได้ทั้งหมด แล้วแต่คนตีความ ก็ตามสไตล์ฝรั่งเศส
ละเมียดทั้งมุม แสง การ Shift Focus ฯ
2 นักแสดงสุดฮอต
Adele และ Lea เรียกได้ว่าเคมีตรงกันมาก ทั้ง 2 สามารถส่งสายตาให้กันอย่าง
ไม่เขิลอาย แถมฉาก Sex Scene นั้นก็ต้องบอกว่าทั้ง 2 ทุ่มสุดตัว และในแง่มุมของ
Sex Scene ที่มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างมากว่าจำเป็นแค่ไหนที่ใส่เข้ามาเต็มขนาดนั้น
เรามองว่าเป็นที่ผู้กำกับ อยากให้คนดูได้เห็นว่า ความสุขของนางเอกระหว่างการที่เค้ามี
อะไรกับผู้ชายและผู้หญิงมันต่างกันมาก ๆ หรืออยากให้เห็นว่านางเอ็นจอยแบบนี้มากกว่า
(คิดซะว่าเป็นกำไรกับคนดู ที่เป็นผู้ชายและเบี้ยนๆ ทั้งหลายแล้วกัน 55++) และมองว่า
มันคือ Make Love with Passion Scene มากกว่า Sex Scene
ฉากที่ชอบ
ทั้ง 3 ฉากของเรื่องเป็นจุดที่เปลี่ยนและดำเนินเรื่องไปอีกหนึ่งขั้นเท่านั้น
1.ฉากที่ป่ะกันบนถนนครั้งแรก ที่ให้อารมณ์ Love First Sight เรียกว่า มองกันเหลียวหลัง
ไปเลย ให้ความรู้สึกว่า คนนี้แหละจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตเรา
2.ฉาก First Kiss อันนี้โคลสอัพ ให้เห็นความปลื้มปลิ่มของ Adele มาก ๆ ต้องไปดูค่ะ
3.ฉากทะเลาะ อันนี้เรียกได้ว่า 2 คนนี้จัดเต็มมาก ตอนดูอึดอัด เหมือนเห็นเพื่อนรักเรา
ทะเลาะกับแฟนให้เห็น แบบว่า หยุดเถอะนาาาาา
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การวิจารณ์ เรียกได้ว่าดูแล้วมาเล่าที่ชอบให้ฟัง ใครที่ดูแล้ว มาคุยกันเนอะ
สรุป เรื่องนี้ทำให้เรายิ้มและหัวใจสลายไปพร้อมๆกัน
เหมือนความสดใสและความหม่นหมองของสีฟ้าค่ะ
คะแนน 9.5/10
ปล.จะไปดูอีกรอบหล่ะ