รบกวนขอคำปรึกษาเรื่องอาการ Homesick ค่ะ

เจ้าของกระทู้ตอนนี้มาเรียนที่ยุโรปได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาค่ะ  ผ่านมาก็ตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ยังรู้สึกจิตตก เหงา เศร้า บางทีก็ร้องไห้ออกมาอย่างไร้เหตุผล

พยายามเปิดเพลงปลุกใจก็แล้ว  ดูทีวีออนไลน์ก็แล้ว โทรคุยกับพ่อแม่เพื่อนพี่น้องบ้างก็แล้ว  แต่อาการก็ยังทรงๆ ทรุดๆ ไม่หายขาดค่ะ

พอเป็นแบบนี้ แล้วรู้สึกได้ว่าส่งผลต่อการเรียนด้วย เพราะเมื่อจิตตก ก็ส่งผลให้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง และขาดแรงจูงใจในการเรียนค่ะ

บางคนว่าให้เข้าหาสังคมบ้าง  แต่เนื่องจากภาษาไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่ เลยทำให้ไม่ค่อยคุยกับเพื่อนฝรั่ง เพราะกลัวเค้าไม่เข้าใจที่เราพูด แต่จะให้อยู่กับเพื่อนคนไทยด้วยกัน ก็เกรงใจที่ต้องรบกวนเค้า เพราะต่างคนต่างก็มีภาระหน้าที่ของตัวเอง

ไม่ทราบว่ามีใครมีคำแนะนำดีๆในการรักษาอาการนี้บ้างไหมคะ  ทราบว่าทุกคนที่มาเรียนต่างประเทศคงเคยเป็นกันบ้าง  แต่จะแก้ไขอย่างไรดีค่ะ จึงจะหายขาด ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆค่ะ  ยังกับเป็นโรคจิตเรื้อรังยังไงอย่างงั้นค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ทุกคนที่เคยผ่านชีวิตเมืองนอกคงโดนมาจนอ่วม ผู้ตอบกระทู้นี้มีบุญไปเมืองนอกเมื่ออายุอานามใกล้จะสิ้นบุญอยู่แล้วแถมไปอยู่สอง-สามปีขนาดคิดว่าตัวเองเจ๋งผ่านโลกมามาก  ยังเล่นเอาหกเดือนแรกเกือบตาย โดนทั้งโฮมซิก ทั้งโฮมเลส อดอยาก หางานพาร์ทไทมไม่ได้ จะอยู่ก็ลำบากจะกลับก็ไม่ได้เป็นลูกผีลูกคนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง โชคดีอยู่บ้างที่เป็นคนชอบเข้าห้องสมุด และห้องสมุดต่างประเทศเขาดีแท้ ความคิดมันเลยเถิดเตลิดไปว่า สมัยก่อนคนพวกนี้(หมายถึงฝรั่ง)มันลำบากอย่างเราไหมหนอ จึงค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์เปรียบเทียบกับชีวิตสุดรันทดของตัวเอง ปรากฏว่าฝรั่งเขาลำบากกว่ามากมายนักจนน่าอิจฉา นอกจากร่อนเร่ข้ามทะเลมาติดตารางในดินแดนอาณานิคมมหันตโทษ ต้องถูกเบิกตัวไปก่อสร้างทำถนน ในขณะต้องโทษ เมื่อพ้นโทษใช่จะสบาย ยังต้องเร่ร่อนไปรับจ้างเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะไกลๆเพื่อหาเงินยาไส้ เงียบเหงาจนกลายเป็นบ้าเป็นบอไปก็มี ที่พ้นตารางก็โดนฝรั่งชั้นปกครองดูถูกว่าเป็นเศษเดนไอ้(และอี)ขี้คุกเสียอีก ไหนจะถูกเกณฑ์ไปตายในสาระพัดสงครามอีกไม่น้อยกว่าที่จะกลายมาเป็นประเทศนี้ หลังจากนั้นก็เริ่มทำใจได้ว่า แท้จริงหาใช่อื่นใดไม่ ตัวข้าฯนี้มาย้อนรอยบรรพชนฝรั่งแถวนี้แท้ๆ จึงค่อยคลายความโศกเศร้าที่อยู่ไกลบ้าน หันหน้าเข้าห้องสมุด(ที่จริงไม่รู้ไปทางไหนมากกว่า)จนแอบไปรู้เห็นเรื่องราวดีๆมากมาย

จึง อยากให้กำลังใจเจ้าของกระทู้และบอกว่า เรื่องคิดถึงบ้านเป็นเรื่องปรกติ แต่เราต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ด้วยวิธีที่ฉลาด ถ้าเป็นผมเองคงไปศึกษาดูว่าสมัยโบราณเขาอยู่กันอย่างไร ลำบากหรือไม่ คนอยู่อย่างไรช่วงสงคราม แล้วเขาหาความสุขกันอย่างไร การเขียนไดอารี่เป็นวิธีหนึ่งที่อาจช่วยได้ เขียนบันทึกลงไปอีกสิบปีข้างหน้าคุณจะแปลกใจว่าผ่านช่วงเลวร้ายไปได้อย่างไร และเมื่อคุณมีครอบครัวและมีลูกเป็นของตนเองไดอารี่ที่คุณเขียนวันนี้จงเก็บไว้ให้เขาอ่าน มันจะเป็นกำลังใจยิ่งใหญ่ให้เขาต่อสู้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปได้เช่นเดียวกับคุณผ่านไปได้ นอกจากนั้นทักษะการเขียนของคุณจะดีวันดีคืนเป็นของแถม ชีวิตในต่างประเทศเป็นชีวิตที่ยากลำบาก นอกจากคุณจะต้องเอาชนะใจตนเองและพากเพียรจนศึกษาสำเร็จ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือคุณจะข้ามพ้นวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ได้สมภาคภูมิ(เมื่อถึงวันนั้นจะเข้าใจดี) เมื่อถึงวันที่คุณเอาขนะตัวเองได้ ที่ไหนในโลกนี้คุณก็กล้าไปทั้งสิ้น

ขอให้เจ้าของกระทู้มีความสุขในปีใหม่นี้ และเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ขอให้พยายามเสริมสร้างกำลังใจทุกวัน บอกตัวเองทุกวัน ว่าสามารถผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ กำลังใจคุณจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อถึงที่สุดกำลังใจจะเอาชนะอุปสรรคได้ทุกๆอย่าง ทุกคนไม่ว่า พ่อ-แม่หรือญาติ แฟน มวลมหาประชาชนในพันทิบต่างเอาใจช่วยคุณเสมอ  ขอให้โชคดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่