สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
-การบังคับเปลี่ยนศาสนา นั้น เพื่อเพิ่มคนที่นับถือศานาอิสลามให้เพิ่มขึ้น
-เพื่อกลืนกินศาสนาอื่นให้น้ิอยลงไปครับ
-คำสอนดั่งเดิมจะไม่มีการบังคับ แต่มาเปลี่ยนทีหลังเพื่อเพิ่มคนนับถือให้มากขึ้น เร็วขึ้นครับ
-ใช้เรื่องความรักมาเป็นข้ออ้าง ใครที่บูชาความรักมากกว่าศาสนาก็จะได้ผลดีมากครับ
-แล้วทำไมไม่ลองคิดกลับกันละครับว่า ทำไมฝ่ายชายไม่หันมานับถือศาสนาพุทธเพื่อเรา(ฝ่ายหญิง)บ้างละครับ ถ้ารักเราจริงก็ต้องยอมเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธได้จริงไหมครับ ซึ่งคุณจะไม่ได้รับคำตอบที่ถูกใจคุณแน่นอนครับ เพราะชาวมุสลิมส่วนใหญ่จะไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาเพราะเค้ารักและเชื่อศาสนาอิสลามมากกว่าความรักที่คุณมีให้เค้าซะอีกครับ พูดง่ายๆว่า เค้ารักคุณน้อยกว่าศาสนาอิสลามแน่นอนครับ ไม่เชื่อลองถามดูครับ ให้เค้ามานับถือพุทธได้ไหมถ้ารักเราจริง...
-ชาวมุสลิมจะถูกปลูกฝังศาสนาอิสลามมาตั้งแต่เด็กอายุ3ขวบก็ต้องถูกบังคับให้เรียนศาสนาอิสลามแล้วครับ ทั้งเรียน ทั้งเขียน ทั้งสวดมนต์ ทั้งกราบ5เวลา ทำแบบนั้นจนโต เพราะฉะนั้นศาสนาจึงถูกปลูกฝังเข้าไปในจิตใจเค้าจนเป็นนิสัยซึ่งยากที่จะเปลี่ยนครับ
-ถ้าคุณไม่สบายใจผมก็แนะนำให้มีสติ คิดให้ดีนะครับ ถ้าแต่งกับเค้าก็ต้องเปลี่ยนแน่นอนครับ และถ้าเข้ากับครอบครัวเค้าไม่ได้ก็อาจจะต้องเลิกกันในภายหลังนะครับ อย่าหลงใหลบูชาในความรักมากจนเกินไปนะครับ คิดถึงชีวิตจริงบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
-เพื่อกลืนกินศาสนาอื่นให้น้ิอยลงไปครับ
-คำสอนดั่งเดิมจะไม่มีการบังคับ แต่มาเปลี่ยนทีหลังเพื่อเพิ่มคนนับถือให้มากขึ้น เร็วขึ้นครับ
-ใช้เรื่องความรักมาเป็นข้ออ้าง ใครที่บูชาความรักมากกว่าศาสนาก็จะได้ผลดีมากครับ
-แล้วทำไมไม่ลองคิดกลับกันละครับว่า ทำไมฝ่ายชายไม่หันมานับถือศาสนาพุทธเพื่อเรา(ฝ่ายหญิง)บ้างละครับ ถ้ารักเราจริงก็ต้องยอมเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธได้จริงไหมครับ ซึ่งคุณจะไม่ได้รับคำตอบที่ถูกใจคุณแน่นอนครับ เพราะชาวมุสลิมส่วนใหญ่จะไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาเพราะเค้ารักและเชื่อศาสนาอิสลามมากกว่าความรักที่คุณมีให้เค้าซะอีกครับ พูดง่ายๆว่า เค้ารักคุณน้อยกว่าศาสนาอิสลามแน่นอนครับ ไม่เชื่อลองถามดูครับ ให้เค้ามานับถือพุทธได้ไหมถ้ารักเราจริง...
-ชาวมุสลิมจะถูกปลูกฝังศาสนาอิสลามมาตั้งแต่เด็กอายุ3ขวบก็ต้องถูกบังคับให้เรียนศาสนาอิสลามแล้วครับ ทั้งเรียน ทั้งเขียน ทั้งสวดมนต์ ทั้งกราบ5เวลา ทำแบบนั้นจนโต เพราะฉะนั้นศาสนาจึงถูกปลูกฝังเข้าไปในจิตใจเค้าจนเป็นนิสัยซึ่งยากที่จะเปลี่ยนครับ
-ถ้าคุณไม่สบายใจผมก็แนะนำให้มีสติ คิดให้ดีนะครับ ถ้าแต่งกับเค้าก็ต้องเปลี่ยนแน่นอนครับ และถ้าเข้ากับครอบครัวเค้าไม่ได้ก็อาจจะต้องเลิกกันในภายหลังนะครับ อย่าหลงใหลบูชาในความรักมากจนเกินไปนะครับ คิดถึงชีวิตจริงบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 19
เนื่องจากมีคนชอบมาใส่ไคล้ศาสนาอิสลาม เรื่อง บังคับแต่งงาน
มุสลิมในห้องศาสนา เลยมีการตั้งกระทู้ชี้แจง อธืบายไว้ดังนี้ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด
อิสลามบังคับ หรือความต้องการของตัวเองที่บังคับ (เรื่องแต่งงานแล้วเปลี่ยนศาสนา)
เนื่องจากมีบางคนเข้าใจผิดว่า อิสลามบังคับให้ ผู้ที่จะแต่งงานกับมุสลิมเปลี่ยนศาสนา
แต่จากกุรอ่าน นั้น พระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(وَلاَ تَنكِحُواْ الْمُشْرِكَاتِ حَتَّى يُؤْمِنَّ وَلأَمَةٌ مُّؤْمِنَةٌ خَيْرٌ مِّن مُّشْرِكَةٍ وَلَوْ أَعْجَبَتْكُمْ وَلاَ تُنكِحُواْ الْمُشِرِكِينَ حَتَّى يُؤْمِنُواْ وَلَعَبْدٌ مُّؤْمِنٌ خَيْرٌ مِّن مُّشْرِكٍ وَلَوْ أَعْجَبَكُمْ أُوْلَـئِكَ يَدْعُونَ إِلَى النَّارِ وَاللّهُ يَدْعُوَ إِلَى الْجَنَّةِ وَالْمَغْفِرَةِ بِإِذْنِهِ وَيُبَيِّنُ آيَاتِهِ لِلنَّاسِ لَعَلَّهُمْ يَتَذَكَّرُونَ) (البقرة : 221 )
ความว่า “และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก(หญิงที่ไม่ใช่มุสลิม)จนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านาง(ที่ไม่ใช่มุสลิม)ได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม
และพวกเจ้าจงอย่าทำพิธีแต่งงานให้กับบรรดาชายมุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม“ (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 221)
เราจะพบว่า โองการดังกล่าว สั่งใช้มุสลิมครับ ไม่ใช่คนต่างศาสนา ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าอิสลามบังคับใครผมเคยพิมพ์ไว้นานแล้วว่าคนต่างศาสนาแต่งงานกับมุสลิมได้ครับถ้าศาสนาของเขาผู้นั้นไม่บังคับ
แต่มุสลิมแต่งงานกับคนต่างศาสนาไม่ได้ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนามาเป็นมุสลิม หรือนับถือศาสนาอิสลามคุณก็มีสิทธิเต็มที่ที่จะมีแฟนเป็นมุสลิมได้
แต่มันขึ้นอยู่กับว่ามุสลิมผู้นั้นจะยอมทำผิดหลักศาสนาเพื่อคุณหรือเปล่า แค่นั้นเองดังนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างว่าอิสลามไปบังคับให้ใครต้องเปลี่ยนศาสนาเพื่อมาแต่งงาน หรือเผยแผ่ศาสนาด้วยวิธีนี้ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเอาคนที่ขายแม้แต่ศรัทธาของตัวเองเพื่อเรื่องแบบนี้
ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากเปลี่ยนคุณก็ไม่ต้องเปลี่ยน แต่รู้ไหมว่าทำไมบางคนยอมเปลี่ยนโดยไม่เต็มใจและไม่ศรัทธา นั่นเพราะ ตัณหาไงครับ ตัณหานั้นคือสิ่งแรกที่บังคับถ้าจะโทษใครแล้วล่ะก็โทษตัวเองดีที่สุด จิตใจอ่อนแอเองโทษคนอื่นทำไม
เน้นอีกครั้งอิสลามนั้นบังคับใช้กับมุสลิมครับ เพราะอิสลามคลอบคลุมการดำเนินชีวิตทุกอย่าง ความวุ่นวายเกิดขึ้นแน่ ถ้าคนหนึ่งกินหมู อีกคนไม่กินหมู คนหนึ่งกินเหล้า อีกคนไม่กินเหล้า ลูกๆล่ะจะนับถือศาสนาไหน คงไม่มีมุสลิมแท้ๆคนไหนทนได้หรอกครับ ที่ลูกๆของเขาจะทรยศพระเจ้าด้วยการกราบไหว้บูชาสิ่งอื่น
นี่ยังไม่นับอีกสารพัดปัญหาที่จะตามมารุมเร้า สุดท้ายครอบครัวก็พังทลาย ลูกๆ ก็กลายเป็นเด็กมีปัญหา ไม่เข้มแข็งในเรื่องศีลธรรม เนื่องจากพ่อแม่เอง ก็แตกแยกกันเรื่องศาสนาอยู่แล้วจะเอาอะไรไปสอนลูก ถ้าจะบอกว่าคนละศาสนาก็อบรมลูกให้เป็นคนดีได้แบบนี้
ผมก็ขอเตือนให้ตื่นจากฝันเถอะครับ ผมว่าร้อยละเก้าสิบทำไม่สำเร็จและก่อปัญหามานักต่อนักแล้ว เห็นอยู่ตลอด แล้วจะยอมเสี่ยงเพียงเพราะความอยากชั่วครู่แล้วเข้าใจผิดว่านั่นคือรักไปทำไม?
เอาเป็นว่า ถ้าใครคิดว่าอิสลามแผยแผ่ศาสนาด้วยวิธีนี้ ก็ตอบผมหน่อยว่า ใครไปบังคับคุณนอกจากความต้องการของตัวคุณเองและจำไว้ว่า อิสลามไม่การแบ่งวรรณะนะครับ มุสลิมต้องทำงานเพื่อหาเงินใช้เอง
ไม่มีการไปขอบริจาคเรี่ยรายอะไรจากใคร มุสลิมเยอะก็ไม่ทำให้มุสลิมรวยขึ้น ดีไม่ดีถ้าไม่มีเงินมา มาแต่ตัว มุสลิมก็ต้องช่วยเหลือเขาด้วย
เพราะฉะนั้นเหตุผลเรื่องการเก็บเงินประเภทยิ่งคนเยอะยิ่งรวยเนี่ย ใช้กับศาสนาอื่นคงได้แต่ใช้กับอิสลามไม่ได้ครับก่อนจะจบอยากให้สังเกตง่ายๆเลยว่าเคยเห็นไหมที่พ่อแม่ของมุสลิมคนไหน ยินดีที่ได้คนนอกศาสนามาเปลี่ยนศาสนา(แบบหลอกๆ)เพื่อมาแต่งงานกับลูกตัวเองบ้าง?
เราจะพบแต่บรรดาพ่อแม่เหล่านั้นไม่พอใจ พยายามกันออก นี่ก็เห็นกันแล้วครับว่า อิสลามไม่มีความต้องการที่จะได้เฉพาะจำนวน แต่ไร้ศรัทธา การศรัทธาสำคัญที่สุดครับ ดังนั้น ใครที่คิดว่าอิสลามบังคับ คุณควรตอบคำถามว่า โองการใดที่สั่งใช้ไปยังคนต่างศาสนา? มีหรือที่บอกว่า ถ้าพอใจใครก็บังคับเขาจนกว่ารับอิสลาม?
พิจารณาดูเองนะครับ
จากคุณ: Carroth เขียนเมื่อ: 24 มี.ค. 55 21:02:48
http://topicstock.ppantip.com/religious/topicstock/2012/03/Y11876594/Y11876594.html
มุสลิมในห้องศาสนา เลยมีการตั้งกระทู้ชี้แจง อธืบายไว้ดังนี้ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด
อิสลามบังคับ หรือความต้องการของตัวเองที่บังคับ (เรื่องแต่งงานแล้วเปลี่ยนศาสนา)
เนื่องจากมีบางคนเข้าใจผิดว่า อิสลามบังคับให้ ผู้ที่จะแต่งงานกับมุสลิมเปลี่ยนศาสนา
แต่จากกุรอ่าน นั้น พระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
(وَلاَ تَنكِحُواْ الْمُشْرِكَاتِ حَتَّى يُؤْمِنَّ وَلأَمَةٌ مُّؤْمِنَةٌ خَيْرٌ مِّن مُّشْرِكَةٍ وَلَوْ أَعْجَبَتْكُمْ وَلاَ تُنكِحُواْ الْمُشِرِكِينَ حَتَّى يُؤْمِنُواْ وَلَعَبْدٌ مُّؤْمِنٌ خَيْرٌ مِّن مُّشْرِكٍ وَلَوْ أَعْجَبَكُمْ أُوْلَـئِكَ يَدْعُونَ إِلَى النَّارِ وَاللّهُ يَدْعُوَ إِلَى الْجَنَّةِ وَالْمَغْفِرَةِ بِإِذْنِهِ وَيُبَيِّنُ آيَاتِهِ لِلنَّاسِ لَعَلَّهُمْ يَتَذَكَّرُونَ) (البقرة : 221 )
ความว่า “และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก(หญิงที่ไม่ใช่มุสลิม)จนกว่านางจะศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านาง(ที่ไม่ใช่มุสลิม)ได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม
และพวกเจ้าจงอย่าทำพิธีแต่งงานให้กับบรรดาชายมุชริก จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม“ (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 221)
เราจะพบว่า โองการดังกล่าว สั่งใช้มุสลิมครับ ไม่ใช่คนต่างศาสนา ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าอิสลามบังคับใครผมเคยพิมพ์ไว้นานแล้วว่าคนต่างศาสนาแต่งงานกับมุสลิมได้ครับถ้าศาสนาของเขาผู้นั้นไม่บังคับ
แต่มุสลิมแต่งงานกับคนต่างศาสนาไม่ได้ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนศาสนามาเป็นมุสลิม หรือนับถือศาสนาอิสลามคุณก็มีสิทธิเต็มที่ที่จะมีแฟนเป็นมุสลิมได้
แต่มันขึ้นอยู่กับว่ามุสลิมผู้นั้นจะยอมทำผิดหลักศาสนาเพื่อคุณหรือเปล่า แค่นั้นเองดังนั้นอย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างว่าอิสลามไปบังคับให้ใครต้องเปลี่ยนศาสนาเพื่อมาแต่งงาน หรือเผยแผ่ศาสนาด้วยวิธีนี้ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเอาคนที่ขายแม้แต่ศรัทธาของตัวเองเพื่อเรื่องแบบนี้
ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากเปลี่ยนคุณก็ไม่ต้องเปลี่ยน แต่รู้ไหมว่าทำไมบางคนยอมเปลี่ยนโดยไม่เต็มใจและไม่ศรัทธา นั่นเพราะ ตัณหาไงครับ ตัณหานั้นคือสิ่งแรกที่บังคับถ้าจะโทษใครแล้วล่ะก็โทษตัวเองดีที่สุด จิตใจอ่อนแอเองโทษคนอื่นทำไม
เน้นอีกครั้งอิสลามนั้นบังคับใช้กับมุสลิมครับ เพราะอิสลามคลอบคลุมการดำเนินชีวิตทุกอย่าง ความวุ่นวายเกิดขึ้นแน่ ถ้าคนหนึ่งกินหมู อีกคนไม่กินหมู คนหนึ่งกินเหล้า อีกคนไม่กินเหล้า ลูกๆล่ะจะนับถือศาสนาไหน คงไม่มีมุสลิมแท้ๆคนไหนทนได้หรอกครับ ที่ลูกๆของเขาจะทรยศพระเจ้าด้วยการกราบไหว้บูชาสิ่งอื่น
นี่ยังไม่นับอีกสารพัดปัญหาที่จะตามมารุมเร้า สุดท้ายครอบครัวก็พังทลาย ลูกๆ ก็กลายเป็นเด็กมีปัญหา ไม่เข้มแข็งในเรื่องศีลธรรม เนื่องจากพ่อแม่เอง ก็แตกแยกกันเรื่องศาสนาอยู่แล้วจะเอาอะไรไปสอนลูก ถ้าจะบอกว่าคนละศาสนาก็อบรมลูกให้เป็นคนดีได้แบบนี้
ผมก็ขอเตือนให้ตื่นจากฝันเถอะครับ ผมว่าร้อยละเก้าสิบทำไม่สำเร็จและก่อปัญหามานักต่อนักแล้ว เห็นอยู่ตลอด แล้วจะยอมเสี่ยงเพียงเพราะความอยากชั่วครู่แล้วเข้าใจผิดว่านั่นคือรักไปทำไม?
เอาเป็นว่า ถ้าใครคิดว่าอิสลามแผยแผ่ศาสนาด้วยวิธีนี้ ก็ตอบผมหน่อยว่า ใครไปบังคับคุณนอกจากความต้องการของตัวคุณเองและจำไว้ว่า อิสลามไม่การแบ่งวรรณะนะครับ มุสลิมต้องทำงานเพื่อหาเงินใช้เอง
ไม่มีการไปขอบริจาคเรี่ยรายอะไรจากใคร มุสลิมเยอะก็ไม่ทำให้มุสลิมรวยขึ้น ดีไม่ดีถ้าไม่มีเงินมา มาแต่ตัว มุสลิมก็ต้องช่วยเหลือเขาด้วย
เพราะฉะนั้นเหตุผลเรื่องการเก็บเงินประเภทยิ่งคนเยอะยิ่งรวยเนี่ย ใช้กับศาสนาอื่นคงได้แต่ใช้กับอิสลามไม่ได้ครับก่อนจะจบอยากให้สังเกตง่ายๆเลยว่าเคยเห็นไหมที่พ่อแม่ของมุสลิมคนไหน ยินดีที่ได้คนนอกศาสนามาเปลี่ยนศาสนา(แบบหลอกๆ)เพื่อมาแต่งงานกับลูกตัวเองบ้าง?
เราจะพบแต่บรรดาพ่อแม่เหล่านั้นไม่พอใจ พยายามกันออก นี่ก็เห็นกันแล้วครับว่า อิสลามไม่มีความต้องการที่จะได้เฉพาะจำนวน แต่ไร้ศรัทธา การศรัทธาสำคัญที่สุดครับ ดังนั้น ใครที่คิดว่าอิสลามบังคับ คุณควรตอบคำถามว่า โองการใดที่สั่งใช้ไปยังคนต่างศาสนา? มีหรือที่บอกว่า ถ้าพอใจใครก็บังคับเขาจนกว่ารับอิสลาม?
พิจารณาดูเองนะครับ
จากคุณ: Carroth เขียนเมื่อ: 24 มี.ค. 55 21:02:48
http://topicstock.ppantip.com/religious/topicstock/2012/03/Y11876594/Y11876594.html
แสดงความคิดเห็น
ศาสนา กับ ความรัก ( ถ้าวันนึง ฉันต้องแต่งงานกับชายอิสลาม? )
แรกๆที่คบกันเราคงเป็นคนเดียวที่ดูไม่ออกว่าเค้าเป็นอิสลาม ไปทานข้าวด้วยกันก็สั่งไข่เจียวหมูสับ
มื้อแรกของเราเป็น MK เราก็สั่งแต่หมูนุ่ม หมูนู่นหมูนี่ เต็มโต๊ะไปหมด เพราะเป็นคนไม่ทานเนื้อมานานแล้ว (ไม่ได้นับถืออะไรนะคะ แต่มันย่อยยากเฉยๆ) ส่วนเค้าก็สั่งเนื้อสไลต์มาจานเดยว ทานในหม้อเดียวกันกับเรา โดยที่ก็ไม่เคยบอกอะไรเลยสักคำ ว่าไม่กินหมู ว่าเป็นอิสลาม
จนได้ทานข้าวด้วยกันหลายครั้ง เราก็เริ่มสังเกตเอง และลองถามเค้าตรงๆ ก็ได้คำตอบค่ะ ว่าเค้าเป็นอิสลาม (ตอนนั้นรู้สึกเฟลล์กับตัวเองมากเลย คือทำไมเราไม่รู้ ทำไมดูไม่ออก ทำไมถึงตักไข่เจียวหมูสับใส่จานเค้าแบบน๊านนน ยิ่งคิดยิ่งโมโหตัวเองค่ะ)
แต่เค้าน่าจะเป็นอิสลามที่ไม่เคร่งนะคะ ไม่เคยเห็นเค้าละหมาด หรือทำพิธีทางศาสนาเลย ถามเค้าว่าทำไมไม่กินหมู เหตุผลของเค้าคือ
เพราะเค้าไม่เคยกินมาก่อน คงเหมือนกับเราไม่เคยกินกบ กินแมลง วันนึงมายัดเยียดให้เรากิน ก็คงไม่อยากกินค่ะ
พอเห็นเค้าไม่เคร่งแบบนี้ เราก็สบายใจค่ะ เพราะเสียงรอบตัวเรามันผ่านเข้ามามากเหลือเกินค่ะ ทั้งจากเพื่อน จากคนใกล้ตัวที่เค้าเป็นห่วง
มีแต่คนบอกว่า วันนึงถ้าแกแต่งงานแกก็ต้องนับถือศาสนาเค้านะ แกจะทำได้หรอ แล้วแม่แกล่ะ ครอบครัวแกล่ะ เค้าจะยอมให้แกลำบากแบบนั้นหรอ มันก็ทำให้เราคิดนะคะ เลยตัดสินใจคุยกะแฟนว่า ถ้าวันนึงเราแต่งงานกัน เราต้องเปลี่ยนไปนับถืออิสลามแบบเธอไหม
เค้าบอกว่าไม่เห็นจำเป็นเลย …… พี่ชายเค้ากับแฟนก็คนละศาสนา แฟนพี่ชายก็กินหมู ก็เป็นพุทธเหมือนกับเรา เราก็รู้สึกสบายใจ เริ่มยิ้มได้ และคิดว่าคงไม่คิดเรื่องนี้อีกแล้วละ เพราะแฟนคงมองมันเป็นเรื่องไร้สาระ
จนกระทั่งวันนึง !! มีเรา แฟน พี่ชายแฟน และพี่สะใภ้เค้า (พึ่งแต่งงานกันค่ะ เมื่อไม่นานนี้เอง) ไปทานโคขุนด้วยกัน ก็เลยจะสั่ง 2 เตาไว้กินหมูเตานึง ให้เรากับพี่สะใภ้เค้า พี่ชายเค้าก็พูดขึ้นมาว่า "ไม่มีใครกินหมูแล้วนะ แฟนเค้าเข้าอิสลามแล้ว แต่งงานแล้ว กินหมูได้ที่ไหนกัน"
<< สตั๊นไป20วืค่ะ 10วิแรกไว้อาลัยให้จานเบคอนที่อยู่ตรงหน้า ส่วนอีก10วิมันเหมือนหูอื้อๆ สมองมันคิดตามไม่ทัน >> อุ๊วว…หันไปมองหน้าแฟนตาปริบๆ ส่งสายตาแบบมีนัยยะ ว่า ..เธอๆ เค้าเข้าอิสลามไปแบ๊ว เธอเห็นไหมมคะ แต่ก็ไม่พูดอะไรนะคะ คิดในใจแล้วก็เอาน้องเบคอนไปเก็บที่เดิม
เย็นวันนั้น ก็เลยถามเค้าเรื่องนี้อีกรอบ แต่เค้าก็ทำท่าทางเหมือนไม่อยากตอบ เปลี่ยนเรื่องนู้นเรื่องนี้ เราก็เลยคิดว่าคงไม่ถามอีกแล้วละ เหมือนมันมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า ยังไงก็คงต้องเปลี่ยนไปเข้าอิสลาม เพียงแต่เค้าคงไม่อยากบอกให้เราไม่สบายใจวันนี้ ไว้แต่งงานกันแล้วก็ค่อยปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป มันคงง่ายกว่า
สำหรับตัวเราตอนนี้ มันเป็นเรื่องนึงที่คิดอยู่ทุกวัน เราไม่เคยบอกแม่เลย ว่าเค้าเป็นคนอิสลามเพราะคิดว่าถ้าบอกไปจะลดคะแนนเค้าที่เราช่วยสะสมมา และแม่คงบอกว่า อย่าพึ่งรีบตัดสินใจเลย ค่อยๆคุย ค่อยๆคบหาทำความรู้จักคนอื่นๆไว้ด้วยก็ดีนะ
แต่สำหรับเรา ณ วันนี้ ถ้าจะให้เลิกคบเค้า เลิกรักเค้า เพราะเค้านับถือศาสนาอิสลามมันก็คงไม่ใช่ มันดูไม่มีเหตุผลอะไรเลยจริงๆค่ะ และคงทำไม่ได้ด้วย
เรื่องที่บ้านจะยอมรับไหม อันนี้มั่นใจมากค่ะ ว่าไม่ยอมรับแน่ๆ เพราะแม่เคยพูดมาแต่เด็กแล้ว พี่ข้างบ้านแต่งงานกับคนอิสลามเหมือนกัน (แม่พูดมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ สอนตั้งแต่พี่สาวคนโต จนกระทั่งเรา ว่าไม่ให้มีแฟนเป็นคนใต้ อย่ามีแฟนเป็นอิสลาม คงเพราะแม่เคยเจอคนใต้ที่ใจร้าย มาก่อนก็เลยฝังใจที่ตรงนั้น) ส่วนเราก็เป็นลูกที่น่ารักมากค่ะ ได้แฟนเป็นคนใต้ ไม่ใต้ธรรมดานะคะ ใต้สุดแดนสยามเลย แล้วก็เป็นอิสลามอีกด้วย สมใจแม่เลยค่ะทีนี้ เฮ้อ….
เรื่องของตัวเรา เราคิดว่าเราเติบโตมากับการเข้าวัด ทำบุญ ตักบาตร กรวดน้ำแผ่เมตตา สวดมนต์ กราบหมอนก่อนนอนกับแม่มาตลอดตั้งแต่เด็กค่ะ ทำมาตลอด เด็กทำเพราะแม่ปลูกฝัง แต่โตขึ้นมา ทำเพราะทำแล้วรู้สึกสบายใจ เป็นสุขใจถ้าวันนึงเพราะเปลี่ยนความเชื่อไป ต้องละเลิกทำสิ่งเหล่านี้ ก็คงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาปไปเลย
ศาสนา คือ ความเชื่อและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนเรา แล้วคนคนนึงที่มีความเชื่ออย่างหนึ่งมาตั้งแต่เค้าจำความได้ วันนึงจะให้เค้าต้องละความเชื่อนั้น เปลี่ยนมาเชื่อในสิ่งใหม่ สิ่งที่เค้าไม่เคยเชื่อ ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย เค้าจะทำได้หรอคะ ?
สำหรับตัวเรา ถ้าต้องทำ คงทำได้แต่ในนาม ในทางปฏิบัติมันขัดแย้งจริงๆค่ะ เรื่องกินหมูไม่กินหมูอีกเรื่องนึงค่ะ อิสลามเค้าไม่กินเพราะมีความเชื่อของเค้ามา แต่เราไม่เคยมีความเชื่อนั้น เรากินเป็นอาหารมาแต่เด็ก วันนึงจะไม่ให้กิน แล้วพูดอย่างเต็มปากว่าเพราะเราเป็นอิสลาม มันคงไม่ใช่เพราะความเชื่อ แต่มันคงเป็นเพียงแค่เรายืมศาสนาเค้าที่พึ่งเข้ามาอ้างแค่เท่านั้น ไม่อยากหลอกตัวเองจริงๆค่ะ
อีกเรื่องนึงที่คิดไปไกลค่ะ แล้วถ้าวันนึงที่เรามีลูกๆที่น่ารัก เค้าจะต้องนับถือศาสนาอะไร เค้าต้องนับถือศาสนาเหมือนพ่อเค้าใช่ไหม
เราคงไม่มีโอกาส ได้เห็นลูกสาวตัวน้อยๆใส่ชุดขาว ประนมมือสวดมนต์ กราบพระ ตักบาตรด้วยกันกับเราในตอนเช้า คงไม่ได้เห็นลูกชายบวชเณรเป็นเณรน้อยเจ้าปัญญา ทุกวันนี้แค่ภาพที่ได้ไปถวายสังฆทานร่วมกัน ตักบาตรด้วยกัน หรือแค่ลอยกระทงร่วมกัน ก็ยังไม่มีเหมือนกับคู่อื่นๆเลยค่ะ
เรารู้สึกว่าเรากับแฟนมาไกลแล้วค่ะ ไกลมากแล้วจริงๆ ตัวแปรพวกนี้มันเหมือนเป็นแค่สิ่งรบกวน เหมือนเป็นแค่เรื่องพิสูจน์ว่าเรารักกันมากแค่ไหน เหมือนมันเป็นปัญหาจุกจิกที่เราพยายามคิดว่ามันไม่มีอิทธิพลกับความรักของเราหรอก แต่ทุกวันนี้ที่ต้องนอนคิดอยู่นี่หรอที่ว่าไม่มีอิทธิพล
ทุกอย่างที่ระบายมาเป็นแค่ความรู้สึกของเราเพียงคนเดียวนะคะ ไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวว่าหรือยกเรื่องของศาสนาขึ้นมาให้เกิดความขัดแย้งใดๆเลยค่ะ เพียงแต่มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเรา แล้วไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนจริงๆค่ะ ก็เลยมาขอพื้นที่เล็กๆตรงนี้ เพื่อขอความเห็นจากเพื่อนๆที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน หรืออยากแสดงความคิดเห็น ความในใจ ในมุมมองต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติกันก็เท่านั้นค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ^^=