สวัสดีครับ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ แฟนคลับปีศาจแดงทุกท่าน ช่วงนี้เรา ๆ ที่เชียร์ทีมรักอย่างยูไนเต็ดก็แช่มชื่น
ส่งท้ายปีกันเป็นพิเศษนะครับ กับสองนัดเกมเยือนส่งท้ายปีเก่า ที่ได้เตะกับทีมที่ทีมเรามีชื่อชั้นเป็นต่อเค้าอยู่
และผลก็เป็นดังที่คาดครับ ชนะไปได้ทั้งสองนัด คือ ชนะ ฮัลล์ซิตี้ 2 - 3 และชนะนอริช 0 - 1 แต่กว่าจะชนะ
สองนัดนี้ต้องบอกเลยครับว่า "หืด" ขึ้นคอเป็นอย่างมาก
ไล่มาตั้งแต่นัดฮัลล์ ซิตี้ที่วันนี้เปิดโอกาสให้การคืนสนามเป็นตัวจริงของ prince fletcher ได้ลงเล่น
แต่ทว่าเปิดเกมมาไม่ทันไร ในจังหวะลูกเตะมุม เจอ เจมส์ เชสเตอร์ อดีตเด็กปั้นทีมเราเอง ตามยิงตามน้ำหวด
ตูมเดียวเสยไปใต้คานอย่างสุดสวยให้ ฮัลล์ ออกนำอย่างไว เล่นไปเล่นมา ความหละหลวมในแนวรับ ที่วันนี้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้า ทำให้แข้งขาอ่อน เฮียจ้อน จอนนี่ อีแวนส์ เลยไปสกัดบอลเปลี่ยนทางเข้า
ประตูตนเองไปซะได้ ซึ่งหากไม่โดนเปลี่ยนทางแล้ว บอลน่าจะถูก เด เกอา รับเข้าซองอย่างสบาย ๆ ไปแล้ว
แนวรับวันนี้ที่หลวมอยู่แล้ว กลับมีสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อ ราฟาเอล แบ็กขวา บราซิลเลี่ยน เกิดอาการ
บาดเจ็บบริเวณต้นขา เดินกะโผลกกะเผลก เลยถูกเปลี่ยนตัวออก ให้ขวัญใจกองเชียร์อย่าง หนูอั๊ด อัดนาน
ยานาไซ ได้ลงไปยืนปีกขวา แล้วขยับวาเลนเซียมาเป็นแบ็กขวาแทน แต่ทว่านี่กลับเป็นจุดเปลี่ยนเล็ก ๆ เมื่อ
เวลาผ่านมาประมาณ 20 นาทีแรก เป็นอัดนานที่หลอกล่อทางด้านขวาจนทำให้ทีมได้ฟาวล์ และนำไปสู่ลูก
ตั้งเตะนอกกรอบและเปิดเข้าไปให้ "น้องเล็ก" สมอลลิ่ง ที่วันนี้รับบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับอีแวนส์ โหม่งเข้า
มุมด้านขวามือของผู้รักษาประตูไปอย่างสวยงาม เรียกได้ว่า อีแวนส์ ที่เพิ่งพลาดทำเข้าประตูตัวเอง รีบวิ่ง
เข้าไปดีใจกับสมอลลิ่งอย่างมากเลยในจังหวะนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยอมรับว่า ความคล่องตัว และความมั่นใจที่มีอยู่ในตัวเจ้าหนูอัดนาน ทำให้ทีมเรามีความวูบวาบ
และกดดันทีมฮัลล์ ซิตี้ ได้ดีขึ้นจริง ๆ ครับ นอกจากนั้นบวกรวมกับฟอร์มในแดนกลางของเคลฟเวอร์รี่ที่
เหมือนกับปลุกฟอร์มในช่วงที่ได้เปลี่ยนตัวมานัดแชริตี้ ชิลด์กับซิตี้ที่โดนนำไป 2 - 0 แต่กลับมาชนะได้ 2 - 3
ด้วยฟอร์มของเคลฟช่วงนี้ การเชื่อมเกม การรอรับบอล รวมถึงการผ่านบอลนั้นทำได้ดีมากเลยครับ
นั่นทำให้เกมการเล่น การครองเกมในแดนกลางของทีมแมนยูทำได้ดีไปด้วยนั่นเอง
ทำให้เกมเล่นไปเล่นมา ไม่นานนัก ในนาทีที่ 26 นักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดของทีมเราในปีนี้ มีความสำคัญ
ต่อทีมมากที่สุด แบกรับภาระไว้อย่างรูนีย์ก็มาระเบิดฟอร์มด้วยลูกยิงแบบ unbelieveable ยิงแบบใบไม้ร่วง
เข้าไปอย่างสวยงาม เรียกได้ว่าเสมอได้อย่างฉับไว จนแฟนบอลหรือตัวผมที่นั่งเชียร์อยู่ยังคิดไม่ถึงเลยจะ
เสมอได้ไวแบบนี้ และด้วยฟอร์มที่ดีแบบนี้ หากรูนีย์ได้รับบทบาทแบบนี้ และรักษามาตรฐานต่อไปได้
ผมว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับรูนีย์ ในการพัฒนากระโดดข้ามขั้นของตนเองไปอีกขั้น
และอาจจะ "เขยิบ" เข้าไปเกือบ ๆ ใกล้ระดับเดียวกับนักเตะเก่ง ๆ ของโลกอย่างโรนัลโด้ เมสซี่ อิบราก็เป็นได้
เพราะฟอร์มของรูนีย์ปีนี้นั้น สำหรับผมนี่คือ หัวใจ และเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเกมและรักษาสมดุลของเกม
ให้กับแมนยูเลยล่ะในปีนี้ ยิ่งในจังหวะที่ ไม่มี คาร์ริค การได้รูนีย์ลงมาช่วยล้วงบอล จ่ายบอล นั้นทำให้เกมมันเดิน
ไปในแดนหน้าได้ แถมในบางครั้ง บางจังหวะ รูนี่ย์ ยังไปช่วยในเกมรับอีกด้วย คำสบประมาทหลาย ๆ ครั้ง ของ
หลาย ๆ คนรวมทั้งผมด้วยที่มีต่อรูนีย์ในช่วงต้นฤดูกาลที่มีปัญหาอยากย้ายทีมนั้น ถือเป็นคำพูดที่พลาดไปจริง ๆ
ครับ ผมยอมรับแล้วว่า "รูนี่ย์ เป็นนักเตะที่ไม่ได้มีไว้ขาย" อย่างที่มอยส์บอกไว้ช่วงต้นฤดูกาลจริง ๆ ครับ
สำหรับลูกประตูชัยในช่วงนาทีที่ 65 นั้นก็บอกเลยว่าฟลุคครับ เพราะได้มาจาก own goal ของเจมส์ เชสเตอร์ที่
ไม่รู้ว่าโหม่งลูกเปิดของ ยัง ได้ยังไง แรงขนาดนั้น เลยส่งผลให้คุมทิศทางไม่ได้ ทำให้พลาดเข้าประตูตนเองไป
นอกจากนี้ในช่วงท้ายเกมก็มีใบแดงจนได้ ไม่รู้เป็นเพราะวาเลนเซียอยากพักหนีหนาวหรือเปล่าเลยไปเตะบอลทิ้ง
ทำให้ได้รับใบเหลืองที่สอง เป็น "ใบแดง" ได้ไปอาบน้ำก่อนเพื่อนสมใจเลยครับ ซึ่งใบแดงนี้เรียกได้ว่าส่งผลกระทบ
กับนัดเยือนนอริชเลยทีเดียว เพราะวาเลนเซียถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง และน่าจะเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้ฟอร์มนัดเจอนอริชของแมนยู ถือได้ว่าเล่นกันได้แย่มากเลยทีเดียวครับ
อย่างกรณีของ "เชสเตอร์" นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่แสดงให้เห็นเลยนะครับว่า ดาวรุ่งของอคาเดมี่ทีมเรานี่ไม่ธรรมดา
ทั้งนั้น ฝีเท้าแต่ละคนเล่นพรีเมียร์ลีคได้ แต่เราก็ปล่อยหลุดมือไปหลายคนแล้วครับ ที่เจ๋ง ๆ ก็ ชอว์ครอสของสโตค
พอล ป็อกบา, ราเวล มอริสัน หรือแม้แต่เฟรเซอร์ แคมเบลล์ กองหน้าคาร์ดิฟฟ์ บิรัม ดิยุฟ คิด ๆ ดูดาวรุ่งชุดนี้ถ้าได้
รับการดูแลที่ดีและให้โอกาสในยุคมอยส์น่าจะมีขึ้นมาอีกหลายคนเลย เพราะจากคำสัมภาษณ์ล่าสุดของมอยส์กับ
กรณีนักเตะถูกปล่อยยืมตัวอย่าง พาวล์ ลินการ์ด หรือทันนิคลิฟฟ์ ซึ่งมอยส์เคยบอกแล้วว่า นักเตะควรได้รับโอกาส
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ผมชอบมาก ๆ เลยสไตล์นี้ เราจะได้เห็นเด็กหนุ่มอคาเดมี่ที่ฟอร์มดี ๆ ได้รับโอกาสแจ้งเกิด ไล่ ๆ
ชื่อนับดูถ้าดาวรุ่งดี ๆ ไม่ย้ายไปรวมกับดาวรุ่งที่มีอยู่คงเป็น class of Moyes ที่ไม่ธรรมดาได้เลยทีเดียวครับ
มาพูดถึงฟอร์ม ฮัลล์ นี่ก็สมควรแล้วนะครับที่เค้ายิงเราได้ตั้งสองลูก แต่กลับโดนเราแซงเพราะเฮียบรูซ ของพวกเรา
ก็เป็นสไตล์ผู้จัดการทีมที่ชอบลุย ชอบแลก เน้นเกมรุกเป็นหลักมานานแล้ว ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเกมรุกฮัลล์ไม่ธรรมดา
เพราะในนัดต่อมา พี่เสือ ฮัลล์ เล่นถล่มเจ้าสัวน้อยไปซะเละเลยถึงครึ่งโหล 6 - 0 ซึ่งผลในนัดนี้คงส่งผลกระทบที่
แตกต่างระหว่างสองผู้จัดการทีม บรูซ กับ มิวเลนสทีน ซึ่งเป็นครอบครัวของปีศาจแดงทั้งคู่ครับ
มาถึงนัดต่อมาคือ เยือนเจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน นอริช ซิตี้ ก่อนเกมก็หวั่นในใจลึก ๆ เหมือนกันเพราะเกมปีที่แล้ว
ช่วงที่ปีศาจแดงในยุคป๋าฟอร์มดีดี ก็มาพลาดแพ้ที่นี่เหมือนกัน
ยิ่งพอมาเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงที่ไม่มีดาราคนสำคัญอย่างเวนย์ รูนีย์
ก็ทำให้ใจหายเข้าไปใหญ่ครับ เพราะช่วงหลังยังมีรูนีย์ที่คอยจ่ายออกปีกบ้างอะไรบ้าง แต่เกมนี้ยังดี
ที่เราได้เห็นคาร์ริคกลับมายืนเป็นตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง หลังแมตซ์กับฮัลล์ก็ได้ลงเป็นตัวสำรองมาแล้ว นอกจากนี้แนวรุก
ก็มีกิกส์ คากาวะ ยัง และศูนย์หน้าเป็นถั่ว
สภาพเกมก็เป็นไปอย่างที่คิดจริง ๆ ครับเพราะนอริชที่เล่นอย่างไม่กลัวศักดิ์ศรีแชมป์เก่าเลย ดาหน้าบุก พับสนามบุก
การครองเกม จำนวนการยิง ลูกเตะมุม เรียกได้ว่า นอริชมีเหนือกว่าทุกอย่าง แต่สิ่งที่ในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นอย่างเดียว
ที่แมนยูมี นั่นก็คือ "One Dan Show" นั่นเอง
ก็นี่ล่ะครับ ใครจะไปนึกไปคิดว่า ศูนย์หน้าที่ในปีก่อนยิงไปแค่ 2 ลูก มาปีนี้พอจับยืนถูกตำแหน่งหน่อย
ก็ระเบิดฟอร์มยิงได้ต่อเนื่องเลย แถมนัดนี้ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็กลายเป็น "โจ๊กเกอร์"
ตัวทีเด็ดของมอยส์ ลงมายิงประตูชัยให้ทีมด้วยครับ ซึ่งฟอร์มแบบนี้แหละที่ผมคาดหวังจากเวลเบคมาตลอดเลย โดย
เฉพาะช่วงที่มีปัญหากับรูนีย์ ผมก็ลุ้นว่าทีมยังมีเวลเบค ยังมีคากาวะ โดยเฉพาะเวลเบคนี่ โครงสร้างรูปร่างเค้าเป็นนักกีฬา
จริง ๆ ประมาณเดียวกับ ป็อกบา ที่มีรูปร่างดี เพียงแต่ที่ผ่านมาเวลเบคยิงไม่คมเอาซะเลย ปีนี้ก็ยังไม่คมมากนะ แต่ยัง
มีความพัฒนามากขึ้นแล้วนั่นเอง ซึ่งถ้าพัฒนาความคมตรงนี้ได้ต่อไปล่ะก็ผมว่าได้เห็นศูนย์หน้าจอมถล่มประตูที่มอยส์
หวังว่าจะยิงสัก 20+ ต่อฤดูกาลแน่นอนครับ และผมคิดว่ามีโอกาสทำได้นะเพราะเวลเบคได้รับโอกาสการเรียนรู้จากยอด
ศูนย์หน้าดัตซ์จอมถล่มประตูถึง 2 คน ทั้ง ฟานนิสเตลรอย และ ฟานเพอร์ซี่
(ปล. จริง ๆ ผมดูแล้วทรงเวลเบคนี่ถ้าพัฒนาจริง ๆ จะไปได้ถึงขั้นอองรีหรือมุลเลอร์ เลยแต่ก็ต้องตามดูกันต่อไปครับ
แต่ชอบครับได้มาลุ้นเชียร์ฟอร์มเด็กอคาเดมี่เราเองนี่ มีความสุขจริง ๆ )
สำหรับนัดต่อไป เป็นนัดเปิดศักราชรับปีใหม่ พ.ศ. 2557 หรือ ค.ศ. 2014 ด้วยการรับมือกับไก่เดือยทอง ที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ช
อย่างเป็นทางการด้วยการตั้ง ทิม เชอร์วู้ด อดีตกองกลางตัวรับดีกรีทีมชาติอังกฤษ ก็นับว่าเป็นโค้ชชาวอังกฤษรุ่นใหม่
ที่ได้รับการสนับสนุนและได้โอกาสจากทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีคเลย เพราะหาได้ยากมาก ๆ ที่ทีมในพรีเมียร์ลีคยุคนี้จะมี
โค้ชเป็นคนหนุ่มชาวอังกฤษ ซึ่งผลงานล่าสุด ในช่วงโปรแกรมโหดก็พาทีมชนะมาได้ทั้งสองนัด เรียกได้ว่าพาทีมมาได้ดี
แบบผิดคาดเลยทีเดียว สำหรับ ทิม เชอร์วู้ด เพราะตอนแรกนึกว่าจะเป๋แล้ว แต่กลับมาได้ทั้งการใช้บริการของ อเดบายอร์
เรียกได้ว่าน่าจะเป็นการตั้งโค้ชที่ประสานรอยร้าวในทีมให้กลับมาดีได้นั่นเอง ไม่รู้ว่าคิดจะเลียนแบบช่วงเชลซี ที่ใช้
ดิ มัตเทโอคุมจนพาได้แชมป์ UCL เลยหรือเปล่า ดังนั้นทีมปีศาจแดงคงจะประมาทไม่ได้แน่ ๆ เพราะช่วงนี้
เป็นช่วงที่ถือว่ากำลังเลี้ยงเข้าโค้งสำคัญแล้วล่ะ ถ้าพ้นไปได้แล้วยังอยู่ในทางตรงแห่งการร่วมชิงชัยการลุ้นแชมป์แล้ว
แม้มีโอกาสเพียงนิดเดียว แต่หากยังมีโอกาสอยู่ผมว่าด้วยประสบการณ์ของนักเตะในทีมที่เคยได้แชมป์ลีคมาหลายครั้ง
น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศและสภาพจิตใจในทีมให้สู้และฮึกเหิมได้แน่ ๆ ครับ แต่เป้าหมายของแฟน ๆ ตอนนี้
ก็คงยังเหมือนเดิมล่ะครับ คือลุ้นไปแบบนัดต่อนัด เพราะโปรแกรมมีหลายรายการ ทั้ง ลีค ถ้วยในประเทศ หรือถ้วยยุโรปใบใหญ่
ด้วยครับ
มาว่ากันต่อถึงโปรแกรมในช่วงปีใหม่ พวกเรากองเชียร์ของปีศาจแดงก็หวังว่าจะรักษาฟอร์มดีต่อเนื่องแบบนี้ได้นะครับ
เริ่มจากวันปีใหม่ที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของไก่เดือยทอง ที่เพิ่งเสมอกันมา 2 - 2 ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง
มาไล่โปรแกรมพรีเมียร์ลีคช่วงปีใหม่และน่าจะเป็นก่อนจะมีศึก UCL แล้วโปรแกรมก็มีหนักกับเชลซี ที่ต้องไปเยือน แล้ว
นอกนั้นก็มีไล่ตั้งแต่ Spurs (1 Jan H ), Swansea (11 Jan H ), Chelsea (19 Jan A ), Cardiff (28 Jan H ),
Stoke (1 Feb A ) และFulham (9 Feb H ) ก็ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ไม่หนักมากนัก มีที่หนัก ๆ ก็ Spurs, Chelsea
บรรดากองเชียร์อย่างพวกเราก็หวังว่าจะมีผลงานที่ต่อเนื่องดี ๆ อย่างนี้ไปจนถึงปีใหม่ด้วยนะครับ
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สวัสดีแฟนปีศาจแดงทุกคนครับ
ขอให้โชคดีมีชัยสุขศรีร่ำรวยตลอดปีและตลอดไปครับ
In Manchester United, We trust
ส่งท้ายปีเก่า อำนวยอวยชัยให้ผีแดงมีโชคและฟอร์มดีต่อเนื่อง ไปถึงปีใหม่ตลอดปีดีตลอดไป
ส่งท้ายปีกันเป็นพิเศษนะครับ กับสองนัดเกมเยือนส่งท้ายปีเก่า ที่ได้เตะกับทีมที่ทีมเรามีชื่อชั้นเป็นต่อเค้าอยู่
และผลก็เป็นดังที่คาดครับ ชนะไปได้ทั้งสองนัด คือ ชนะ ฮัลล์ซิตี้ 2 - 3 และชนะนอริช 0 - 1 แต่กว่าจะชนะ
สองนัดนี้ต้องบอกเลยครับว่า "หืด" ขึ้นคอเป็นอย่างมาก
ไล่มาตั้งแต่นัดฮัลล์ ซิตี้ที่วันนี้เปิดโอกาสให้การคืนสนามเป็นตัวจริงของ prince fletcher ได้ลงเล่น
แต่ทว่าเปิดเกมมาไม่ทันไร ในจังหวะลูกเตะมุม เจอ เจมส์ เชสเตอร์ อดีตเด็กปั้นทีมเราเอง ตามยิงตามน้ำหวด
ตูมเดียวเสยไปใต้คานอย่างสุดสวยให้ ฮัลล์ ออกนำอย่างไว เล่นไปเล่นมา ความหละหลวมในแนวรับ ที่วันนี้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้า ทำให้แข้งขาอ่อน เฮียจ้อน จอนนี่ อีแวนส์ เลยไปสกัดบอลเปลี่ยนทางเข้า
ประตูตนเองไปซะได้ ซึ่งหากไม่โดนเปลี่ยนทางแล้ว บอลน่าจะถูก เด เกอา รับเข้าซองอย่างสบาย ๆ ไปแล้ว
แนวรับวันนี้ที่หลวมอยู่แล้ว กลับมีสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อ ราฟาเอล แบ็กขวา บราซิลเลี่ยน เกิดอาการ
บาดเจ็บบริเวณต้นขา เดินกะโผลกกะเผลก เลยถูกเปลี่ยนตัวออก ให้ขวัญใจกองเชียร์อย่าง หนูอั๊ด อัดนาน
ยานาไซ ได้ลงไปยืนปีกขวา แล้วขยับวาเลนเซียมาเป็นแบ็กขวาแทน แต่ทว่านี่กลับเป็นจุดเปลี่ยนเล็ก ๆ เมื่อ
เวลาผ่านมาประมาณ 20 นาทีแรก เป็นอัดนานที่หลอกล่อทางด้านขวาจนทำให้ทีมได้ฟาวล์ และนำไปสู่ลูก
ตั้งเตะนอกกรอบและเปิดเข้าไปให้ "น้องเล็ก" สมอลลิ่ง ที่วันนี้รับบทบาทเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับอีแวนส์ โหม่งเข้า
มุมด้านขวามือของผู้รักษาประตูไปอย่างสวยงาม เรียกได้ว่า อีแวนส์ ที่เพิ่งพลาดทำเข้าประตูตัวเอง รีบวิ่ง
เข้าไปดีใจกับสมอลลิ่งอย่างมากเลยในจังหวะนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยอมรับว่า ความคล่องตัว และความมั่นใจที่มีอยู่ในตัวเจ้าหนูอัดนาน ทำให้ทีมเรามีความวูบวาบ
และกดดันทีมฮัลล์ ซิตี้ ได้ดีขึ้นจริง ๆ ครับ นอกจากนั้นบวกรวมกับฟอร์มในแดนกลางของเคลฟเวอร์รี่ที่
เหมือนกับปลุกฟอร์มในช่วงที่ได้เปลี่ยนตัวมานัดแชริตี้ ชิลด์กับซิตี้ที่โดนนำไป 2 - 0 แต่กลับมาชนะได้ 2 - 3
ด้วยฟอร์มของเคลฟช่วงนี้ การเชื่อมเกม การรอรับบอล รวมถึงการผ่านบอลนั้นทำได้ดีมากเลยครับ
นั่นทำให้เกมการเล่น การครองเกมในแดนกลางของทีมแมนยูทำได้ดีไปด้วยนั่นเอง
ทำให้เกมเล่นไปเล่นมา ไม่นานนัก ในนาทีที่ 26 นักเตะที่เล่นได้ดีที่สุดของทีมเราในปีนี้ มีความสำคัญ
ต่อทีมมากที่สุด แบกรับภาระไว้อย่างรูนีย์ก็มาระเบิดฟอร์มด้วยลูกยิงแบบ unbelieveable ยิงแบบใบไม้ร่วง
เข้าไปอย่างสวยงาม เรียกได้ว่าเสมอได้อย่างฉับไว จนแฟนบอลหรือตัวผมที่นั่งเชียร์อยู่ยังคิดไม่ถึงเลยจะ
เสมอได้ไวแบบนี้ และด้วยฟอร์มที่ดีแบบนี้ หากรูนีย์ได้รับบทบาทแบบนี้ และรักษามาตรฐานต่อไปได้
ผมว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับรูนีย์ ในการพัฒนากระโดดข้ามขั้นของตนเองไปอีกขั้น
และอาจจะ "เขยิบ" เข้าไปเกือบ ๆ ใกล้ระดับเดียวกับนักเตะเก่ง ๆ ของโลกอย่างโรนัลโด้ เมสซี่ อิบราก็เป็นได้
เพราะฟอร์มของรูนีย์ปีนี้นั้น สำหรับผมนี่คือ หัวใจ และเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเกมและรักษาสมดุลของเกม
ให้กับแมนยูเลยล่ะในปีนี้ ยิ่งในจังหวะที่ ไม่มี คาร์ริค การได้รูนีย์ลงมาช่วยล้วงบอล จ่ายบอล นั้นทำให้เกมมันเดิน
ไปในแดนหน้าได้ แถมในบางครั้ง บางจังหวะ รูนี่ย์ ยังไปช่วยในเกมรับอีกด้วย คำสบประมาทหลาย ๆ ครั้ง ของ
หลาย ๆ คนรวมทั้งผมด้วยที่มีต่อรูนีย์ในช่วงต้นฤดูกาลที่มีปัญหาอยากย้ายทีมนั้น ถือเป็นคำพูดที่พลาดไปจริง ๆ
ครับ ผมยอมรับแล้วว่า "รูนี่ย์ เป็นนักเตะที่ไม่ได้มีไว้ขาย" อย่างที่มอยส์บอกไว้ช่วงต้นฤดูกาลจริง ๆ ครับ
สำหรับลูกประตูชัยในช่วงนาทีที่ 65 นั้นก็บอกเลยว่าฟลุคครับ เพราะได้มาจาก own goal ของเจมส์ เชสเตอร์ที่
ไม่รู้ว่าโหม่งลูกเปิดของ ยัง ได้ยังไง แรงขนาดนั้น เลยส่งผลให้คุมทิศทางไม่ได้ ทำให้พลาดเข้าประตูตนเองไป
นอกจากนี้ในช่วงท้ายเกมก็มีใบแดงจนได้ ไม่รู้เป็นเพราะวาเลนเซียอยากพักหนีหนาวหรือเปล่าเลยไปเตะบอลทิ้ง
ทำให้ได้รับใบเหลืองที่สอง เป็น "ใบแดง" ได้ไปอาบน้ำก่อนเพื่อนสมใจเลยครับ ซึ่งใบแดงนี้เรียกได้ว่าส่งผลกระทบ
กับนัดเยือนนอริชเลยทีเดียว เพราะวาเลนเซียถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง และน่าจะเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้ฟอร์มนัดเจอนอริชของแมนยู ถือได้ว่าเล่นกันได้แย่มากเลยทีเดียวครับ
อย่างกรณีของ "เชสเตอร์" นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่แสดงให้เห็นเลยนะครับว่า ดาวรุ่งของอคาเดมี่ทีมเรานี่ไม่ธรรมดา
ทั้งนั้น ฝีเท้าแต่ละคนเล่นพรีเมียร์ลีคได้ แต่เราก็ปล่อยหลุดมือไปหลายคนแล้วครับ ที่เจ๋ง ๆ ก็ ชอว์ครอสของสโตค
พอล ป็อกบา, ราเวล มอริสัน หรือแม้แต่เฟรเซอร์ แคมเบลล์ กองหน้าคาร์ดิฟฟ์ บิรัม ดิยุฟ คิด ๆ ดูดาวรุ่งชุดนี้ถ้าได้
รับการดูแลที่ดีและให้โอกาสในยุคมอยส์น่าจะมีขึ้นมาอีกหลายคนเลย เพราะจากคำสัมภาษณ์ล่าสุดของมอยส์กับ
กรณีนักเตะถูกปล่อยยืมตัวอย่าง พาวล์ ลินการ์ด หรือทันนิคลิฟฟ์ ซึ่งมอยส์เคยบอกแล้วว่า นักเตะควรได้รับโอกาส
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ผมชอบมาก ๆ เลยสไตล์นี้ เราจะได้เห็นเด็กหนุ่มอคาเดมี่ที่ฟอร์มดี ๆ ได้รับโอกาสแจ้งเกิด ไล่ ๆ
ชื่อนับดูถ้าดาวรุ่งดี ๆ ไม่ย้ายไปรวมกับดาวรุ่งที่มีอยู่คงเป็น class of Moyes ที่ไม่ธรรมดาได้เลยทีเดียวครับ
มาพูดถึงฟอร์ม ฮัลล์ นี่ก็สมควรแล้วนะครับที่เค้ายิงเราได้ตั้งสองลูก แต่กลับโดนเราแซงเพราะเฮียบรูซ ของพวกเรา
ก็เป็นสไตล์ผู้จัดการทีมที่ชอบลุย ชอบแลก เน้นเกมรุกเป็นหลักมานานแล้ว ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเกมรุกฮัลล์ไม่ธรรมดา
เพราะในนัดต่อมา พี่เสือ ฮัลล์ เล่นถล่มเจ้าสัวน้อยไปซะเละเลยถึงครึ่งโหล 6 - 0 ซึ่งผลในนัดนี้คงส่งผลกระทบที่
แตกต่างระหว่างสองผู้จัดการทีม บรูซ กับ มิวเลนสทีน ซึ่งเป็นครอบครัวของปีศาจแดงทั้งคู่ครับ
มาถึงนัดต่อมาคือ เยือนเจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน นอริช ซิตี้ ก่อนเกมก็หวั่นในใจลึก ๆ เหมือนกันเพราะเกมปีที่แล้ว
ช่วงที่ปีศาจแดงในยุคป๋าฟอร์มดีดี ก็มาพลาดแพ้ที่นี่เหมือนกัน
ยิ่งพอมาเห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงที่ไม่มีดาราคนสำคัญอย่างเวนย์ รูนีย์
ก็ทำให้ใจหายเข้าไปใหญ่ครับ เพราะช่วงหลังยังมีรูนีย์ที่คอยจ่ายออกปีกบ้างอะไรบ้าง แต่เกมนี้ยังดี
ที่เราได้เห็นคาร์ริคกลับมายืนเป็นตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง หลังแมตซ์กับฮัลล์ก็ได้ลงเป็นตัวสำรองมาแล้ว นอกจากนี้แนวรุก
ก็มีกิกส์ คากาวะ ยัง และศูนย์หน้าเป็นถั่ว
สภาพเกมก็เป็นไปอย่างที่คิดจริง ๆ ครับเพราะนอริชที่เล่นอย่างไม่กลัวศักดิ์ศรีแชมป์เก่าเลย ดาหน้าบุก พับสนามบุก
การครองเกม จำนวนการยิง ลูกเตะมุม เรียกได้ว่า นอริชมีเหนือกว่าทุกอย่าง แต่สิ่งที่ในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นอย่างเดียว
ที่แมนยูมี นั่นก็คือ "One Dan Show" นั่นเอง
ก็นี่ล่ะครับ ใครจะไปนึกไปคิดว่า ศูนย์หน้าที่ในปีก่อนยิงไปแค่ 2 ลูก มาปีนี้พอจับยืนถูกตำแหน่งหน่อย
ก็ระเบิดฟอร์มยิงได้ต่อเนื่องเลย แถมนัดนี้ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็กลายเป็น "โจ๊กเกอร์"
ตัวทีเด็ดของมอยส์ ลงมายิงประตูชัยให้ทีมด้วยครับ ซึ่งฟอร์มแบบนี้แหละที่ผมคาดหวังจากเวลเบคมาตลอดเลย โดย
เฉพาะช่วงที่มีปัญหากับรูนีย์ ผมก็ลุ้นว่าทีมยังมีเวลเบค ยังมีคากาวะ โดยเฉพาะเวลเบคนี่ โครงสร้างรูปร่างเค้าเป็นนักกีฬา
จริง ๆ ประมาณเดียวกับ ป็อกบา ที่มีรูปร่างดี เพียงแต่ที่ผ่านมาเวลเบคยิงไม่คมเอาซะเลย ปีนี้ก็ยังไม่คมมากนะ แต่ยัง
มีความพัฒนามากขึ้นแล้วนั่นเอง ซึ่งถ้าพัฒนาความคมตรงนี้ได้ต่อไปล่ะก็ผมว่าได้เห็นศูนย์หน้าจอมถล่มประตูที่มอยส์
หวังว่าจะยิงสัก 20+ ต่อฤดูกาลแน่นอนครับ และผมคิดว่ามีโอกาสทำได้นะเพราะเวลเบคได้รับโอกาสการเรียนรู้จากยอด
ศูนย์หน้าดัตซ์จอมถล่มประตูถึง 2 คน ทั้ง ฟานนิสเตลรอย และ ฟานเพอร์ซี่
(ปล. จริง ๆ ผมดูแล้วทรงเวลเบคนี่ถ้าพัฒนาจริง ๆ จะไปได้ถึงขั้นอองรีหรือมุลเลอร์ เลยแต่ก็ต้องตามดูกันต่อไปครับ
แต่ชอบครับได้มาลุ้นเชียร์ฟอร์มเด็กอคาเดมี่เราเองนี่ มีความสุขจริง ๆ )
สำหรับนัดต่อไป เป็นนัดเปิดศักราชรับปีใหม่ พ.ศ. 2557 หรือ ค.ศ. 2014 ด้วยการรับมือกับไก่เดือยทอง ที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ช
อย่างเป็นทางการด้วยการตั้ง ทิม เชอร์วู้ด อดีตกองกลางตัวรับดีกรีทีมชาติอังกฤษ ก็นับว่าเป็นโค้ชชาวอังกฤษรุ่นใหม่
ที่ได้รับการสนับสนุนและได้โอกาสจากทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีคเลย เพราะหาได้ยากมาก ๆ ที่ทีมในพรีเมียร์ลีคยุคนี้จะมี
โค้ชเป็นคนหนุ่มชาวอังกฤษ ซึ่งผลงานล่าสุด ในช่วงโปรแกรมโหดก็พาทีมชนะมาได้ทั้งสองนัด เรียกได้ว่าพาทีมมาได้ดี
แบบผิดคาดเลยทีเดียว สำหรับ ทิม เชอร์วู้ด เพราะตอนแรกนึกว่าจะเป๋แล้ว แต่กลับมาได้ทั้งการใช้บริการของ อเดบายอร์
เรียกได้ว่าน่าจะเป็นการตั้งโค้ชที่ประสานรอยร้าวในทีมให้กลับมาดีได้นั่นเอง ไม่รู้ว่าคิดจะเลียนแบบช่วงเชลซี ที่ใช้
ดิ มัตเทโอคุมจนพาได้แชมป์ UCL เลยหรือเปล่า ดังนั้นทีมปีศาจแดงคงจะประมาทไม่ได้แน่ ๆ เพราะช่วงนี้
เป็นช่วงที่ถือว่ากำลังเลี้ยงเข้าโค้งสำคัญแล้วล่ะ ถ้าพ้นไปได้แล้วยังอยู่ในทางตรงแห่งการร่วมชิงชัยการลุ้นแชมป์แล้ว
แม้มีโอกาสเพียงนิดเดียว แต่หากยังมีโอกาสอยู่ผมว่าด้วยประสบการณ์ของนักเตะในทีมที่เคยได้แชมป์ลีคมาหลายครั้ง
น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศและสภาพจิตใจในทีมให้สู้และฮึกเหิมได้แน่ ๆ ครับ แต่เป้าหมายของแฟน ๆ ตอนนี้
ก็คงยังเหมือนเดิมล่ะครับ คือลุ้นไปแบบนัดต่อนัด เพราะโปรแกรมมีหลายรายการ ทั้ง ลีค ถ้วยในประเทศ หรือถ้วยยุโรปใบใหญ่
ด้วยครับ
มาว่ากันต่อถึงโปรแกรมในช่วงปีใหม่ พวกเรากองเชียร์ของปีศาจแดงก็หวังว่าจะรักษาฟอร์มดีต่อเนื่องแบบนี้ได้นะครับ
เริ่มจากวันปีใหม่ที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของไก่เดือยทอง ที่เพิ่งเสมอกันมา 2 - 2 ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานี่เอง
มาไล่โปรแกรมพรีเมียร์ลีคช่วงปีใหม่และน่าจะเป็นก่อนจะมีศึก UCL แล้วโปรแกรมก็มีหนักกับเชลซี ที่ต้องไปเยือน แล้ว
นอกนั้นก็มีไล่ตั้งแต่ Spurs (1 Jan H ), Swansea (11 Jan H ), Chelsea (19 Jan A ), Cardiff (28 Jan H ),
Stoke (1 Feb A ) และFulham (9 Feb H ) ก็ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ไม่หนักมากนัก มีที่หนัก ๆ ก็ Spurs, Chelsea
บรรดากองเชียร์อย่างพวกเราก็หวังว่าจะมีผลงานที่ต่อเนื่องดี ๆ อย่างนี้ไปจนถึงปีใหม่ด้วยนะครับ
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สวัสดีแฟนปีศาจแดงทุกคนครับ
ขอให้โชคดีมีชัยสุขศรีร่ำรวยตลอดปีและตลอดไปครับ
In Manchester United, We trust