1. รัฐบาลยิ่งลักษณ์จงใจใช้การเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเอง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกตน สามารถบงการกลไกการเลือกตั้งได้ ผูกขาดระบบหัวคะแนนไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ และมั่นใจว่าจะชนะด้วยจำนวนเสียง โดยที่ไม่สนใจคุณภาพของเสียง เขียนเช่นนี้ เดี๋ยวก็จะมีคนออกมากรีดร้องว่า ไปดูถูกคนอื่น คิดแต่ว่าเสียงตนมีคุณภาพ เสียงคนอื่นด้อยคุณภาพ ผมก็ต้องตอบว่า อย่ามัวแต่โลกสวย เราต้องยอมรับความเลวร้ายในสังคม ว่ามันมีอยู่จริง คนเราเลือกผู้แทนด้วยหลากหลายเหตุผล แต่คะแนนที่ระบอบทักษิณได้มาและเอามาอ้างอยู่ตลอดนั้น ได้มาโดยไม่เป็นธรรม เพราะให้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนแก่คนเลือก ทั้งการซื้อเสียงทางตรงโดยเอาเงินไปแจก และซื้อเสียงทางอ้อมคือเอานโยบายประชานิยมไปมอมเมา ซึ่งการซื้อเสียงทางอ้อมนี้สำคัญมาก เพราะเป็นการเอาเงินภาษีซึ่งส่วนใหญ่เก็บจากชนชั้นกลางไปหาคะแนนเสียงให้ตนเองจากชนชั้นรากหญ้า ซึ่งการเอาภาษีไปช่วยเหลือชนชั้นรากหญ้านั้นผมเห็นด้วย และเชื่อว่าทุกคนที่ออกมาไล่รัฐบาลตอนนี้ก็เห็นด้วย แต่ต้องเป็นการเอาเงินไปลงทุนเพื่อพัฒนา เสริมสร้างความเข้มแข็งของชนชั้นรากหญ้า ให้พึ่งพาตัวเองได้ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากนักการเมือง ซึ่งสิ่งที่ระบอบทักษิณทำ มันไม่ใช่
2. ผมและคนอื่นๆ ที่ออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ ก็ต้องยอมรับ ว่าตนเองไม่ใช่คนดีเลิศ คนเราล้วนมีชั่วมีดี และพวกผมก็ไม่ได้มีคุณค่าความเป็นคนสูงส่งกว่าชาวบ้านรากหญ้าเลย ผมกลับยอมรับในน้ำใจของชาวชนบท(ที่เวลาเลือกตั้งทีไรส่วนมากก็เลือกระบอบทักษิณ) ที่อาจจะมีมากกว่าคนในเมืองบางคนซะอีก แต่ผมและคนที่ออกมาไล่รับบาล โชคดีกว่า ตรงที่พวกเราพอจะพึ่งพาตัวเองได้ พวกเราไม่ต้องพึ่งพานโยบายของรัฐบาลในการดำรงชีวิตมากนัก พวกเรามีช่องทางรับข่าวสารที่มากกว่า พวกเราไม่ได้มีวิถีชีวิตที่วันๆ ต้องฟังหัวคะแนนพรรคการเมืองที่จัดตั้งอยู่ในทุกหมู่บ้านเอาข่าวสารมาบอก และฟังแต่ช่องเอเชียอัพเดทที่ปลุกปลั่นด้วยข้อมูลด้านเดียวที่พูดซ้ำๆๆๆๆ จนคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง
3. ตั้งแต่ทักษิณเข้าสู่การเมือง ได้มอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยม ซึ่งต้องยอมรับว่ามีทั้งดีและไม่ดี แต่ที่ดีนั้น สัดส่วนน้อยมาก และมีเฉพาะช่วงแรกๆ เช่น นโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่โกงเก่ง ก็ย่อมเริ่มต้นเหมือนดูดี แต่นโยบายอื่นๆที่เหลือ ล้วนแต่เอาประโยชน์เข้าตัว ใช้ภาษีไปหาเสียงให้ตัวเองจากชนชั้นรากหญ้า และทำลายความเข้มแข็งของสังคมในระยะยาว เน้นสิ่งที่เห็นผลเร็ว จับต้องได้ในระยะสั้นๆ ส่วนในระยะยาว สังคมจะอ่อนแอลงจนพึ่งพาตัวเองไม่ได้ เช่น นโยบายกองทุนพัฒนาสตรี (ซึ่งก็คล้ายกับพัฒนาเฉพาะสตรีเสื้อแดง) นโยบายเพิ่มค่าแรงแบบก้าวกระโดดโดยไม่ต้องจำแนกระดับฝีมือแรงงาน นโยบายแจกแท๊บเล็ตจีนให้เด็กฝึกเล่นเกมตั้งแต่ ป.1 นโยบายกองทุนหมู่บ้านที่กู้ไปแล้วแทบจะเหมือนได้ฟรี ผมเคยได้ยินหัวคะแนนบางคนบอกกับชาวบ้านว่า กู้ๆไปเถอะ เหมือนได้เงินใช้ฟรี เดี๋ยวถ้าไม่มีจ่ายรัฐบาลก็ยกเลิกหนี้ หรือชะลอหนี้ให้ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเชียร์รัฐบาลเอาข้อมูลมาดูเลย ว่า กองทุนหมู่บ้าน ขาดทุนไปเท่าไหร่ นโยบายจำนำข้าวขาดทุนไปเท่าไหร่
4. “การเอาเงินไปให้คนจน ไม่มีวันที่คนจนจะหายจน” แต่นี่คือสิ่งที่ระบอบทักษิณทำมาโดยตลอด ผมขอยกตัวอย่างแค่โครงการเดียว (ความจริงมีหลายโครงการ ซึ่งมันยืดยาวมาก) คือจำนำข้าว ถ้าเราอยากให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดี พึ่งพาตัวเองได้ เราต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพข้าว พัฒนาและแจกจ่ายพันธุ์ข้าว ส่งเสริมให้มีการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้เกษตรอินทรีย์แทนการใช้สารเคมี ส่งเสริมการกำจัดศัตรูพืชด้วยกลไกธรรมชาติมากกว่าเสียเงินไปกับยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลง สร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ฝนไม่ตก ก็คิดค้นฝนเทียมมาช่วย พร้อมๆกับการส่งเสริมให้ดูแลรักษาป่าต้นน้ำ พัฒนาดินให้มีคุณภาพ กระตุ้นให้ปลูกพืชหมุนเวียนอย่าเอาแต่ปลูกข้าวอย่างเดียว ส่งเสริมให้ทำเกษตรผสมผสาน ส่งเสริมการรวมกลุ่มของชาวในแต่ละหมู่บ้านเพื่อสร้างอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ส่งเสริมการส่งออก (ท่านผู้อ่านลองคิดดูดีๆ จะรู้ว่าวิธีที่ผมกล่าวมาข้างต้น ผมไม่ได้คิดเอง แต่ผมคิดได้จากศึกษาการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลากว่า 60 ปี ของผู้ที่เสียสละผู้หนึ่ง ที่มีแต่ให้ชาวไทยมาโดยตลอด) แน่นอนว่าวิธีดังกล่าว กว่าจะเห็นผล ต้องใช้เวลานาน และใช้ความขยันขันแข็งเข้าสู้ แต่ในระยะยาวจะยั่งยืนมาก แต่สิ่งที่ระบบทักษิณทำคือ จู่ๆก็ไปเพิ่มราคาขายข้าวให้ราคาสูงโดยทำลายกลไกตลาด จนประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวของโลกลงมาอยู่ที่ 3 แม้ว่าราคาข้าวสูงขึ้น แต่ราคาปุ๋ยเคมี สารกำจัดศัตรูพืชก็สูงไปด้วย ค่าครองชีพ ค่าน้ำมันก็สูงไปด้วย ให้ชาวนาเห็นภาพในระยะสั้นๆว่าได้เงินมากขึ้น และ ง่ายขึ้น โดยใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อละลายแม่น้ำแห่งความโลภในอำนาจ
5. การเอาเงินไปให้แบบง่ายๆ เป็นใครใครก็ชอบ ประชาชนจำนวนมากจะชื่นชอบไปกับนโยบายมอมเมา ก็ไม่แปลก ที่จะยังเลือกระบอบทักษิณ แต่เป็นการเลือกโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน เลือกเพราะตนได้ประโยชน์ แต่ไม่ได้ดูว่าประเทศเสียประโยชน์ ผมเคยได้ยินชาวนาพูดว่า ถ้าไม่มีทักษิณ พวกตนคงเดือดร้อน คงจะขายข้าวไม่ได้ราคาดีอย่างนี้แน่ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นหลักฐานที่เห็นชัดๆว่า เค้าใช้นโยบายที่ทำให้คนจนต้องพึ่งพาเค้าไปตลอด และต้องเลือกเค้าไปตลอด
6. ระบอบทักษิณได้ทำลายความเข้มแข็งของสังคมทุกอย่าง ที่สำคัญคือการเล่นพรรคเล่นพวก ข้าราชการคนไหนไม่ยอมก้มหัวให้ ก็ไล่ให้พ้นจากตำแหน่ง เช่นกรณี คุณถวิล เปลี่ยนศรี ที่ถูกเด้งจากเลขา สมช.อย่างไม่เป็นธรรม โดยศาลปกครองได้ตัดสินแล้ว และยังมีการสร้างค่านิยมให้ยอมรับคนโกง สังเกตว่าเวลาทักษิณหรือยิ่งลักษณ์และพรรคพวกถูกกล่าวหาเรื่องโกง เขาเหล่านี้ไม่เคยตอบคำถามด้วยข้อมูลเลยว่า ตนเองไม่ได้โกงอย่างไร ตนเองสุจริตอย่างไร แต่จะตอบโต้ว่า คนอื่นๆก็โกงแล้วทำให้เรื่องน่าเบื่อ คนไทยที่ความอดทนต่ำ ขี้เบื่อ เห็นข่าวสารมากๆเข้าก็สับสน แล้วก็จบๆไปแบบได้ข้อสรุปง่ายๆเพียงว่า ใครๆมันก็โกงทั้งนั้นแหละ แล้วก็เลยยอมรับให้คนโกงอยู่ในอำนาจต่อไป โดยไม่ได้ติดตามข้อพิสูจน์เลย ที่ว่าใครๆก็โกงนั้นจริงมั้ย เพราะกว่ากระบวนการตรวจสอบของ ปปช.หรือของศาลจะออกมา ก็ใช้เวลานานมากจนคนลืมเรื่องราวไปมากแล้ว ( ยกตัวอย่างเช่น คดีทุจริตรถดับเพลิงของประชา มาลีนนท์ ที่ตอนนี้หนีคุกตามเจ้านายไปแล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายคือ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้รับการตัดสินว่าไม่ผิด โดยเราจะเห็นความแตกต่างของประชา และ อภิรักษ์ เมื่อตอนโดนกล่าวหาว่าทุจริต ประชายังอยู่ในตำแหน่ง ในขณะที่อภิรักษ์แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ผมเขียนเช่นนี้ เดี๋ยวก็จะถูกดิสเครดิตด้วยข้อหาว่าเป็นขี้ข้าประชาธิปัตย์ ซึ่งผมขอปฏิเสธ ผมมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับพรรคประชาธิปัตย์ไปซะทุกเรื่อง แต่สิ่งที่ผมเอามายกตัวอย่าง ขอย้ำว่ามันคือข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อคิดเห็น ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองเลย)
7. ตัวอย่างมูลค่าของการทุจริต ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหา และกำลังอยู่ในการตรวจสอบของ ปปช. คือโครงการจำนำข้าว มีมูลค่าที่สงสัยว่าจะมีการทุจริตสูงมาก สิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวในข้อนี้ ขอย้ำว่าเป็นตัวเลขเมื่อเดือนตุลาคน 2556 ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการจากองค์กรตรวจสอบ (อย่าเพิ่งปักใจเชื่อที่ผมเขียน แต่ลองคิดเองว่าควรเชื่อมั้ย) แต่เท่าที่ผมติดตามผมไม่เห็นการชี้แจงด้วยข้อมูลของรัฐบาล หากผู้ชื่นชอบรัฐบาลคนไหนมีตัวเลขที่ชี้แจงได้ ช่วยนำมาชี้แจงต่อสาธารณะด้วยนะครับ) (ข้อมูลดิบตัวเลขจาก Team-Korn Chatikavanij Page และผมเอามาคิดต่อบางส่วน, ไม่ต้องแถนะครับ ว่าเป็นตัวเลขจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าเอาตัวเลขนี้มาจาก รมช.พานิชย์และ ตัวเลขจากกระทรวงการคลัง ซึ่งถ้าจะบอกว่าไม่จริง ก็ควรเอาตัวเลขจริงมาแย้งได้เลยครับ)
ข้อมูลจากรมช.พาณิชย์ ยรรยง ให้สัมภาษณ์เองว่า.. ผลผลิตข้าวที่รับจำนำ ปี 54/55 และ 55/56 มีข้าวทั้งหมด 26 ล้านตัน ขายข้าวได้เงิน 1.29 แสนล้าน มีข้าวในสต็อกเหลือ 14 ล้านตัน เท่ากับขายไป 12 ล้านตัน
ข้อเท็จจริงจากการใช้เงินภาษีในการจำนำข้าวตัวเลขโดยกระทรวงการคลัง
2 ปีใช้เงินภาษีในการจำนำข้าวทั้งสิ้น 6.78 แสนล้าน รวมค่าดำเนินการ 8.9 หมื่นล้าน รวม 7.67 แสนล้านบาท เพื่อให้ได้ข้าวสารมากองไว้ 26 ล้านตัน
ต้นทุนเฉลี่ยต่อตันของข้าวจากการจำนำ คือ จำนวนเงินที่ใช้รวม 7.67 แสนล้าน หาร จำนวนข้าวที่ได้ 26 ล้านตัน = ต้นทุนข้าวต่อตันคือ 28,673 บาทต่อตัน
ราคาขายข้าวในตลาดโลกอยู่ที่ตันละ 10,750 บาทต่อตัน
จำนวนขาดทุนต่อตัน = ต้นทุนต่อตัน - ราคาตลาดต่อตัน
(28,673-10,750) = จำนำข้าวขาดทุน 17,923 บาทต่อตัน
แสดงว่าข้าว 12 ล้านตันที่ขายไปแล้ว จะขาดทุน = 12 ล้านตัน คูณ 17,923 ได้เจ๊งจำนำข้าวรวม 215,076 ล้านบาท
แต่ ...ข้าวที่ยังเหลือล้นในโกดัง นับวันจะยิ่งเสื่อมสภาพ และราคายิ่งจะต่ำลงไปเรื่อยๆ จำนวน 14 ล้านตัน สมมติแบบใจดีต่อรัฐบาล คือ ข้าวไม่เสื่อมสภาพเลย และขายได้ในราคาตลาดโลก จะขาดทุน 14 ล้านตัน คูณ 17,923 = 250,922 แสนล้าน
สรุป 2 ปีที่ผ่านมา จะขาดทุนไม่น้อยกว่า 215,076ล้านบาท + 250,922 ล้านบาท = 465,998 ล้านบาท
และอย่าลืมว่า ต้นทุนจำนำข้าวจากตัวเลขข้างต้นนี้ คือ ตันละ 28,673 บาท
ซึ่งถ้าหักค่าดำเนินการออกไป จะเหลือมูลค่าที่รัฐบาลใช้ไปในการจำนำข้าว คือตันละ 6.78 แสนล้าน หาร 26 ล้านตัน เท่ากับ 26,077 บาทต่อตัน แต่ชาวนาได้เงินตันละ 15,000 บาท (ถ้าโดนหักหัวคิวจะยิ่งได้น้อยกว่า 15,000 บาท)
ถามว่าเงินส่วนต่าง 26,077 - 15,000 = 11,077 บาท/ตัน ซึ่งรวมมูลค่าเงินที่หายไป คือ 11,077 คูณ 26 ล้านตัน = 2.88 แสนล้านบาท เงินก้อนนี้หายไปอยู่ในพุงใคร? พุงฝ่ายค้านเหรอ ?
จำนำข้าว 2 ปี ประเทศชาติขาดทุนไป 4.66 แสนล้าน โดยขาดทุนให้ชาวนา 1.78 แสนล้าน ส่วนระบอบไอ้ขี้โกงเอาไป 2.88 แสนล้าน
8. สมมติว่าข้อมูลในข้อ 7 เป็นตามนี้ หรือคลาดเคลื่อนจากนี้ไม่มากนัก เงินที่ไอ้โม่งได้ไปจากโครงการนี้ 2.88 แสนล้านบาท ( เน้นว่านี่แค่โครงการเดียวนะครับ) สามารถเอาไปทำอะไรก็ได้ เช่น เอาไปแจกคน 15 ล้านคน คนละ 1,000 บาท ก็จะใช้เงินแค่ 15,000 ล้านบาท สมมติว่าแจกทุก 4 ปี กว่าเงินก้อนนี้จะแจกหมด ก็ 76 ปีเองครับ หรือถ้าอยากใช้ให้หมดเร็วกว่า 76 ปี ก็แบ่งไปซื้อข้าราชการบางคน (เช่นซื้อริดสีดวง) ซื้อตำรวจบางคน ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน ไม่ใช่เงินตัวเองซะอย่าง
9. เขียนมายืดยาว ถึงข้อนี้ถ้าใครยังอ่านด้วยความตั้งใจ ขอชื่นชมครับ จะบอกว่านี่เป็นเพียงเหตุผลแค่เพียงส่วนหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นว่า ระบอบทักษิณควบคุมกลไกการเลือกตั้ง มีเงินทุนมหาศาล(ซึ่งไม่ใช่เงินในกระเป๋าตัวเอง) มีทั้งระบบหัวคะแนน ระบบตำรวจ ระบบข้าราชการ มีข้อกล่าวหาว่าซื้อเสียงทางตรง และมีการซื้อเสียงทางอ้อม(ซื้อเสียงทางอ้อม ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่ากล่าวหา เพราะเห็นกันอยู่ชัดๆ) แถมตอนนี้ยิ่งลักษณ์ก็อยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์นายก ที่ตอนนี้เอางบประมาณราชการ ออกไปเดินสายตามพื้นที่ฐานเสียงของตนเองตามภาคเหนือและภาคอีสาน คือเอาเปรียบคนอื่นทุกอย่างจริงๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม พรรคเพื่อไทย ถึงอยากเลือกตั้งมาก และพยายามสร้างความเข้าใจผิด ว่า เลือกตั้ง คือ ประชาธิปไตย ทั้งๆที่จริงแล้ว เลือกตั้งเป็นเพียงกระบวนการนึงในระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกนักการเมือง เอามาเป็นเครื่องมือขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งถ้าเลือกตั้งภายใต้ภาวะที่ผมชี้ให้เห็น 8 ข้อข้างต้น ยังไง พรรคเพื่อไทยก็ชนะ และจะนำชัยชนะจากการเลือกตั้งแบบนี้ มาอ้างความชอบธรรม เหมือนที่ทำมาโดยตลอด เค้าสามารถเอาผลเลือกตั้งมาอ้างได้แม้กระทั่งว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับสิ่งที่รับบาลทำ เช่น การออก พรบ.ล้างผิดยกเข่ง การแก้รัฐธรรมนูญที่ศาลตัดสินแล้วว่าผิดกฎหมาย ซึ่งระบอบแบบนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นเพียงระบอบเล่นพรรคเล่นพวก ใครมีพวกมาก คือ ผู้ถูกตลอดกาล โดยที่ไม่ฟังเหตุผลของเสียงส่วนน้อย ไม่ดูความถูกต้องชอบธรรม ไม่มียางอายทางการเมือง
คิดยังไงกับข้อความที่แชร์กันในเฟสของฝ่าย กปปส. เหตุผล 10 ข้อ เพื่ออธิบายว่าทำไมต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
2. ผมและคนอื่นๆ ที่ออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ ก็ต้องยอมรับ ว่าตนเองไม่ใช่คนดีเลิศ คนเราล้วนมีชั่วมีดี และพวกผมก็ไม่ได้มีคุณค่าความเป็นคนสูงส่งกว่าชาวบ้านรากหญ้าเลย ผมกลับยอมรับในน้ำใจของชาวชนบท(ที่เวลาเลือกตั้งทีไรส่วนมากก็เลือกระบอบทักษิณ) ที่อาจจะมีมากกว่าคนในเมืองบางคนซะอีก แต่ผมและคนที่ออกมาไล่รับบาล โชคดีกว่า ตรงที่พวกเราพอจะพึ่งพาตัวเองได้ พวกเราไม่ต้องพึ่งพานโยบายของรัฐบาลในการดำรงชีวิตมากนัก พวกเรามีช่องทางรับข่าวสารที่มากกว่า พวกเราไม่ได้มีวิถีชีวิตที่วันๆ ต้องฟังหัวคะแนนพรรคการเมืองที่จัดตั้งอยู่ในทุกหมู่บ้านเอาข่าวสารมาบอก และฟังแต่ช่องเอเชียอัพเดทที่ปลุกปลั่นด้วยข้อมูลด้านเดียวที่พูดซ้ำๆๆๆๆ จนคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง
3. ตั้งแต่ทักษิณเข้าสู่การเมือง ได้มอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยม ซึ่งต้องยอมรับว่ามีทั้งดีและไม่ดี แต่ที่ดีนั้น สัดส่วนน้อยมาก และมีเฉพาะช่วงแรกๆ เช่น นโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่โกงเก่ง ก็ย่อมเริ่มต้นเหมือนดูดี แต่นโยบายอื่นๆที่เหลือ ล้วนแต่เอาประโยชน์เข้าตัว ใช้ภาษีไปหาเสียงให้ตัวเองจากชนชั้นรากหญ้า และทำลายความเข้มแข็งของสังคมในระยะยาว เน้นสิ่งที่เห็นผลเร็ว จับต้องได้ในระยะสั้นๆ ส่วนในระยะยาว สังคมจะอ่อนแอลงจนพึ่งพาตัวเองไม่ได้ เช่น นโยบายกองทุนพัฒนาสตรี (ซึ่งก็คล้ายกับพัฒนาเฉพาะสตรีเสื้อแดง) นโยบายเพิ่มค่าแรงแบบก้าวกระโดดโดยไม่ต้องจำแนกระดับฝีมือแรงงาน นโยบายแจกแท๊บเล็ตจีนให้เด็กฝึกเล่นเกมตั้งแต่ ป.1 นโยบายกองทุนหมู่บ้านที่กู้ไปแล้วแทบจะเหมือนได้ฟรี ผมเคยได้ยินหัวคะแนนบางคนบอกกับชาวบ้านว่า กู้ๆไปเถอะ เหมือนได้เงินใช้ฟรี เดี๋ยวถ้าไม่มีจ่ายรัฐบาลก็ยกเลิกหนี้ หรือชะลอหนี้ให้ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ใครเชียร์รัฐบาลเอาข้อมูลมาดูเลย ว่า กองทุนหมู่บ้าน ขาดทุนไปเท่าไหร่ นโยบายจำนำข้าวขาดทุนไปเท่าไหร่
4. “การเอาเงินไปให้คนจน ไม่มีวันที่คนจนจะหายจน” แต่นี่คือสิ่งที่ระบอบทักษิณทำมาโดยตลอด ผมขอยกตัวอย่างแค่โครงการเดียว (ความจริงมีหลายโครงการ ซึ่งมันยืดยาวมาก) คือจำนำข้าว ถ้าเราอยากให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดี พึ่งพาตัวเองได้ เราต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนาคุณภาพข้าว พัฒนาและแจกจ่ายพันธุ์ข้าว ส่งเสริมให้มีการลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้เกษตรอินทรีย์แทนการใช้สารเคมี ส่งเสริมการกำจัดศัตรูพืชด้วยกลไกธรรมชาติมากกว่าเสียเงินไปกับยาฆ่าหญ้าฆ่าแมลง สร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ ฝนไม่ตก ก็คิดค้นฝนเทียมมาช่วย พร้อมๆกับการส่งเสริมให้ดูแลรักษาป่าต้นน้ำ พัฒนาดินให้มีคุณภาพ กระตุ้นให้ปลูกพืชหมุนเวียนอย่าเอาแต่ปลูกข้าวอย่างเดียว ส่งเสริมให้ทำเกษตรผสมผสาน ส่งเสริมการรวมกลุ่มของชาวในแต่ละหมู่บ้านเพื่อสร้างอำนาจในการต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ส่งเสริมการส่งออก (ท่านผู้อ่านลองคิดดูดีๆ จะรู้ว่าวิธีที่ผมกล่าวมาข้างต้น ผมไม่ได้คิดเอง แต่ผมคิดได้จากศึกษาการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลากว่า 60 ปี ของผู้ที่เสียสละผู้หนึ่ง ที่มีแต่ให้ชาวไทยมาโดยตลอด) แน่นอนว่าวิธีดังกล่าว กว่าจะเห็นผล ต้องใช้เวลานาน และใช้ความขยันขันแข็งเข้าสู้ แต่ในระยะยาวจะยั่งยืนมาก แต่สิ่งที่ระบบทักษิณทำคือ จู่ๆก็ไปเพิ่มราคาขายข้าวให้ราคาสูงโดยทำลายกลไกตลาด จนประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวของโลกลงมาอยู่ที่ 3 แม้ว่าราคาข้าวสูงขึ้น แต่ราคาปุ๋ยเคมี สารกำจัดศัตรูพืชก็สูงไปด้วย ค่าครองชีพ ค่าน้ำมันก็สูงไปด้วย ให้ชาวนาเห็นภาพในระยะสั้นๆว่าได้เงินมากขึ้น และ ง่ายขึ้น โดยใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อละลายแม่น้ำแห่งความโลภในอำนาจ
5. การเอาเงินไปให้แบบง่ายๆ เป็นใครใครก็ชอบ ประชาชนจำนวนมากจะชื่นชอบไปกับนโยบายมอมเมา ก็ไม่แปลก ที่จะยังเลือกระบอบทักษิณ แต่เป็นการเลือกโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน เลือกเพราะตนได้ประโยชน์ แต่ไม่ได้ดูว่าประเทศเสียประโยชน์ ผมเคยได้ยินชาวนาพูดว่า ถ้าไม่มีทักษิณ พวกตนคงเดือดร้อน คงจะขายข้าวไม่ได้ราคาดีอย่างนี้แน่ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นหลักฐานที่เห็นชัดๆว่า เค้าใช้นโยบายที่ทำให้คนจนต้องพึ่งพาเค้าไปตลอด และต้องเลือกเค้าไปตลอด
6. ระบอบทักษิณได้ทำลายความเข้มแข็งของสังคมทุกอย่าง ที่สำคัญคือการเล่นพรรคเล่นพวก ข้าราชการคนไหนไม่ยอมก้มหัวให้ ก็ไล่ให้พ้นจากตำแหน่ง เช่นกรณี คุณถวิล เปลี่ยนศรี ที่ถูกเด้งจากเลขา สมช.อย่างไม่เป็นธรรม โดยศาลปกครองได้ตัดสินแล้ว และยังมีการสร้างค่านิยมให้ยอมรับคนโกง สังเกตว่าเวลาทักษิณหรือยิ่งลักษณ์และพรรคพวกถูกกล่าวหาเรื่องโกง เขาเหล่านี้ไม่เคยตอบคำถามด้วยข้อมูลเลยว่า ตนเองไม่ได้โกงอย่างไร ตนเองสุจริตอย่างไร แต่จะตอบโต้ว่า คนอื่นๆก็โกงแล้วทำให้เรื่องน่าเบื่อ คนไทยที่ความอดทนต่ำ ขี้เบื่อ เห็นข่าวสารมากๆเข้าก็สับสน แล้วก็จบๆไปแบบได้ข้อสรุปง่ายๆเพียงว่า ใครๆมันก็โกงทั้งนั้นแหละ แล้วก็เลยยอมรับให้คนโกงอยู่ในอำนาจต่อไป โดยไม่ได้ติดตามข้อพิสูจน์เลย ที่ว่าใครๆก็โกงนั้นจริงมั้ย เพราะกว่ากระบวนการตรวจสอบของ ปปช.หรือของศาลจะออกมา ก็ใช้เวลานานมากจนคนลืมเรื่องราวไปมากแล้ว ( ยกตัวอย่างเช่น คดีทุจริตรถดับเพลิงของประชา มาลีนนท์ ที่ตอนนี้หนีคุกตามเจ้านายไปแล้ว ในขณะที่อีกฝ่ายคือ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้รับการตัดสินว่าไม่ผิด โดยเราจะเห็นความแตกต่างของประชา และ อภิรักษ์ เมื่อตอนโดนกล่าวหาว่าทุจริต ประชายังอยู่ในตำแหน่ง ในขณะที่อภิรักษ์แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ผมเขียนเช่นนี้ เดี๋ยวก็จะถูกดิสเครดิตด้วยข้อหาว่าเป็นขี้ข้าประชาธิปัตย์ ซึ่งผมขอปฏิเสธ ผมมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับพรรคประชาธิปัตย์ไปซะทุกเรื่อง แต่สิ่งที่ผมเอามายกตัวอย่าง ขอย้ำว่ามันคือข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อคิดเห็น ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองเลย)
7. ตัวอย่างมูลค่าของการทุจริต ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหา และกำลังอยู่ในการตรวจสอบของ ปปช. คือโครงการจำนำข้าว มีมูลค่าที่สงสัยว่าจะมีการทุจริตสูงมาก สิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวในข้อนี้ ขอย้ำว่าเป็นตัวเลขเมื่อเดือนตุลาคน 2556 ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการจากองค์กรตรวจสอบ (อย่าเพิ่งปักใจเชื่อที่ผมเขียน แต่ลองคิดเองว่าควรเชื่อมั้ย) แต่เท่าที่ผมติดตามผมไม่เห็นการชี้แจงด้วยข้อมูลของรัฐบาล หากผู้ชื่นชอบรัฐบาลคนไหนมีตัวเลขที่ชี้แจงได้ ช่วยนำมาชี้แจงต่อสาธารณะด้วยนะครับ) (ข้อมูลดิบตัวเลขจาก Team-Korn Chatikavanij Page และผมเอามาคิดต่อบางส่วน, ไม่ต้องแถนะครับ ว่าเป็นตัวเลขจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าเอาตัวเลขนี้มาจาก รมช.พานิชย์และ ตัวเลขจากกระทรวงการคลัง ซึ่งถ้าจะบอกว่าไม่จริง ก็ควรเอาตัวเลขจริงมาแย้งได้เลยครับ)
ข้อมูลจากรมช.พาณิชย์ ยรรยง ให้สัมภาษณ์เองว่า.. ผลผลิตข้าวที่รับจำนำ ปี 54/55 และ 55/56 มีข้าวทั้งหมด 26 ล้านตัน ขายข้าวได้เงิน 1.29 แสนล้าน มีข้าวในสต็อกเหลือ 14 ล้านตัน เท่ากับขายไป 12 ล้านตัน
ข้อเท็จจริงจากการใช้เงินภาษีในการจำนำข้าวตัวเลขโดยกระทรวงการคลัง
2 ปีใช้เงินภาษีในการจำนำข้าวทั้งสิ้น 6.78 แสนล้าน รวมค่าดำเนินการ 8.9 หมื่นล้าน รวม 7.67 แสนล้านบาท เพื่อให้ได้ข้าวสารมากองไว้ 26 ล้านตัน
ต้นทุนเฉลี่ยต่อตันของข้าวจากการจำนำ คือ จำนวนเงินที่ใช้รวม 7.67 แสนล้าน หาร จำนวนข้าวที่ได้ 26 ล้านตัน = ต้นทุนข้าวต่อตันคือ 28,673 บาทต่อตัน
ราคาขายข้าวในตลาดโลกอยู่ที่ตันละ 10,750 บาทต่อตัน
จำนวนขาดทุนต่อตัน = ต้นทุนต่อตัน - ราคาตลาดต่อตัน
(28,673-10,750) = จำนำข้าวขาดทุน 17,923 บาทต่อตัน
แสดงว่าข้าว 12 ล้านตันที่ขายไปแล้ว จะขาดทุน = 12 ล้านตัน คูณ 17,923 ได้เจ๊งจำนำข้าวรวม 215,076 ล้านบาท
แต่ ...ข้าวที่ยังเหลือล้นในโกดัง นับวันจะยิ่งเสื่อมสภาพ และราคายิ่งจะต่ำลงไปเรื่อยๆ จำนวน 14 ล้านตัน สมมติแบบใจดีต่อรัฐบาล คือ ข้าวไม่เสื่อมสภาพเลย และขายได้ในราคาตลาดโลก จะขาดทุน 14 ล้านตัน คูณ 17,923 = 250,922 แสนล้าน
สรุป 2 ปีที่ผ่านมา จะขาดทุนไม่น้อยกว่า 215,076ล้านบาท + 250,922 ล้านบาท = 465,998 ล้านบาท
และอย่าลืมว่า ต้นทุนจำนำข้าวจากตัวเลขข้างต้นนี้ คือ ตันละ 28,673 บาท
ซึ่งถ้าหักค่าดำเนินการออกไป จะเหลือมูลค่าที่รัฐบาลใช้ไปในการจำนำข้าว คือตันละ 6.78 แสนล้าน หาร 26 ล้านตัน เท่ากับ 26,077 บาทต่อตัน แต่ชาวนาได้เงินตันละ 15,000 บาท (ถ้าโดนหักหัวคิวจะยิ่งได้น้อยกว่า 15,000 บาท)
ถามว่าเงินส่วนต่าง 26,077 - 15,000 = 11,077 บาท/ตัน ซึ่งรวมมูลค่าเงินที่หายไป คือ 11,077 คูณ 26 ล้านตัน = 2.88 แสนล้านบาท เงินก้อนนี้หายไปอยู่ในพุงใคร? พุงฝ่ายค้านเหรอ ?
จำนำข้าว 2 ปี ประเทศชาติขาดทุนไป 4.66 แสนล้าน โดยขาดทุนให้ชาวนา 1.78 แสนล้าน ส่วนระบอบไอ้ขี้โกงเอาไป 2.88 แสนล้าน
8. สมมติว่าข้อมูลในข้อ 7 เป็นตามนี้ หรือคลาดเคลื่อนจากนี้ไม่มากนัก เงินที่ไอ้โม่งได้ไปจากโครงการนี้ 2.88 แสนล้านบาท ( เน้นว่านี่แค่โครงการเดียวนะครับ) สามารถเอาไปทำอะไรก็ได้ เช่น เอาไปแจกคน 15 ล้านคน คนละ 1,000 บาท ก็จะใช้เงินแค่ 15,000 ล้านบาท สมมติว่าแจกทุก 4 ปี กว่าเงินก้อนนี้จะแจกหมด ก็ 76 ปีเองครับ หรือถ้าอยากใช้ให้หมดเร็วกว่า 76 ปี ก็แบ่งไปซื้อข้าราชการบางคน (เช่นซื้อริดสีดวง) ซื้อตำรวจบางคน ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน ไม่ใช่เงินตัวเองซะอย่าง
9. เขียนมายืดยาว ถึงข้อนี้ถ้าใครยังอ่านด้วยความตั้งใจ ขอชื่นชมครับ จะบอกว่านี่เป็นเพียงเหตุผลแค่เพียงส่วนหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นว่า ระบอบทักษิณควบคุมกลไกการเลือกตั้ง มีเงินทุนมหาศาล(ซึ่งไม่ใช่เงินในกระเป๋าตัวเอง) มีทั้งระบบหัวคะแนน ระบบตำรวจ ระบบข้าราชการ มีข้อกล่าวหาว่าซื้อเสียงทางตรง และมีการซื้อเสียงทางอ้อม(ซื้อเสียงทางอ้อม ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่ากล่าวหา เพราะเห็นกันอยู่ชัดๆ) แถมตอนนี้ยิ่งลักษณ์ก็อยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์นายก ที่ตอนนี้เอางบประมาณราชการ ออกไปเดินสายตามพื้นที่ฐานเสียงของตนเองตามภาคเหนือและภาคอีสาน คือเอาเปรียบคนอื่นทุกอย่างจริงๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม พรรคเพื่อไทย ถึงอยากเลือกตั้งมาก และพยายามสร้างความเข้าใจผิด ว่า เลือกตั้ง คือ ประชาธิปไตย ทั้งๆที่จริงแล้ว เลือกตั้งเป็นเพียงกระบวนการนึงในระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกนักการเมือง เอามาเป็นเครื่องมือขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งถ้าเลือกตั้งภายใต้ภาวะที่ผมชี้ให้เห็น 8 ข้อข้างต้น ยังไง พรรคเพื่อไทยก็ชนะ และจะนำชัยชนะจากการเลือกตั้งแบบนี้ มาอ้างความชอบธรรม เหมือนที่ทำมาโดยตลอด เค้าสามารถเอาผลเลือกตั้งมาอ้างได้แม้กระทั่งว่า ประชาชนส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับสิ่งที่รับบาลทำ เช่น การออก พรบ.ล้างผิดยกเข่ง การแก้รัฐธรรมนูญที่ศาลตัดสินแล้วว่าผิดกฎหมาย ซึ่งระบอบแบบนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นเพียงระบอบเล่นพรรคเล่นพวก ใครมีพวกมาก คือ ผู้ถูกตลอดกาล โดยที่ไม่ฟังเหตุผลของเสียงส่วนน้อย ไม่ดูความถูกต้องชอบธรรม ไม่มียางอายทางการเมือง