สองเดือนสุดท้าย ก่อนสิ้นปี 2556 รัฐบาลระบอบทักษิณได้เผยธาตุแท้ของความอำมหิต
โหดร้าย เลวทราม ออกมาอย่างหมดเปลือก โดยอาศัยความเป็นรัฐตำรวจ รักษาอำนาจ
ทางการเมืองของตนเอง ก่อให้เกิดความสูญเสียร้ายแรงแก่ประชาชนและประเทศชาติส่วนรวม
เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีกลิ่นสีกากีคละคลุ้ง อาทิ
เหตุการณ์คืนวันที่ 30 พ.ย.56 ล้อมสังหารนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหง นายทวีศักดิ์
โพธิ์แก้ว นักศึกษารามคำแหง ถูกยิงเสียชีวิต ตำรวจไม่เข้าระงับเหตุ ไม่เข้าไปช่วยเหลือ
อ้างว่าเข้าพื้นที่ไม่ได้ จนในที่สุด ทหารต้องบุกเข้าไปช่วยนักศึกษานับร้อยคนออกมาช่วงสาย
วันที่ 1 ธันวาคม 56
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 56 หน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง การใช้กำลังตำรวจปะทะ
กับผู้ชุมนุม คปท. ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก อาทิ นายวสุ สุฉันทบุตร ผู้ชุมนุม
ถูกยิงด้วยอาวุธปืน กระสุนทะลุตับ เสียชีวิต, ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ จร. สน.ตลาดพลู
ถูกยิงเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนมาก
พฤติกรรมของตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาอย่างผิดหลักสากล ยิงตั้งแต่เช้ายันบ่าย โดยยิงวิถีพุ่ง
ตรงเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แถมด้วยการยิงกระสุนยางอย่างเมามัน มีคน
ในชุดตำรวจดาหน้าทุบตีผู้ชุมนุม ทำลายรถยนต์-รถจักรยานยนต์ของผู้ชุมนุมอย่างโหดร้าย โดย
เมื่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหารไปตรวจค้นรถของตำรวจก็พบอาวุธหนักจำนวนมาก มีทั้งปืน
เครื่องกระสุนจริง และระเบิดมือ!
เวลาประมาณตีสาม วันที่ 28 ธันวาคม 56 คนร้ายใช้อาวุธสงคราม บุกกราดยิงใส่กลุ่มการ์ด
คปท. ด้านหลังเวทีปราศรัย บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ นายยุทธนา องอาจ เสียชีวิต มีผู้
ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เป็นการก่อเหตุอุกอาจ เล็ดรอดด่านของตำรวจอย่างสะดวกโยธิน
ขณะที่ท่าทีของตำรวจ แสดงตนเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงกับประชาชนผู้ชุมนุม กปปส. คปท.
และทุกกลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
1) ก่อนรัฐประหารในปี 2549 การชุมนุมของพันธมิตรฯ ขับไล่ระบอบทักษิณ ตำรวจก็แสดง
ตนเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน โดยบรรดาตำรวจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปูนบำเหน็จ แต่งตั้ง
ผลักดัน เข้าไปยึดกุมกลไกของรัฐไว้เกือบจะทั้งหมด ต่างแสดงบทบาทค้ำจุนอำนาจของ
ระบอบทักษิณ ตัดตอนการตรวจสอบ รวมถึงเล่นงานฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ อาทิ กกต.ยุค
พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ (สามหนาห้าห่วง), ป.ป.ช.ยุค พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ
(ขึ้นเงินเดือนตัวเอง), ป.ป.ง.ที่ตรวจบัญชีสื่อมวลชนและเอ็นจีโอ ฯลฯ
มีการฆาตกรรมในสงครามยาเสพติด กว่า 2,500 ศพ
อุ้มฆ่าในพื้นที่ภาคใต้
อุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร
เมื่อมีการทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตร อาทิ ทำร้ายคนแก่ที่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ (เซ็นทรัลเวิร์ล)
หรือแม้แต่การยิง M79 เข้าใส่ผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจก็ไม่สามารถติดตามจับกุมผู้
กระทำผิดได้เลย
2) ในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตำรวจก็เข้ามาร่วมเป็นองค์กรสุดท้าย ก่อนออกทีวี
แถลงการณ์ยึดอำนาจของ คปค. นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
3) ปี 2550 รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ พยายามกระจายอำนาจ กระจายงานของตำรวจ
เริ่มต้นปฏิรูปตำรวจ เพื่อมิให้อำนาจตำรวจกระจุกตัวขึ้นอยู่กับนักการเมือง ปรากฏว่า ตำรวจมี
ท่าทีต่อต้าน
4) ปี 2551 ปลายสมัยรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย เมื่อประชาชนออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ
ตำรวจใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาสังหารประชาชน 7 ต.ค. 2551 ทำให้ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ
หรือน้องโบว์ เสียชีวิต ประชาชนพิการ บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร้ายแรง
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ พลตำรวจเอกพัชรวาท
วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
จนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครได้รับโทษ
5) ปี 2552-53 ตำรวจเกียร์ว่าง ไม่จัดการกับขบวนการเสื้อแดงล้มรัฐบาล โค่นอำมาตย์ ไม่ใช้
แก๊สน้ำตา ไม่ใช้ความเด็ดขาดในการรักษากฎหมายและดูแลความสงบในบ้านเมือง กระทั่งมี
การล้มการประชุมอาเซียน ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ก่อเหตุยิงระเบิด M79 เข้าใส่สถานที่
ราชการต่างๆ สังหารประชาชนที่ต่อต้านเสื้อแดง
แกนนำเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ถึงกับประกาศว่า “ตำรวจเป็นพวกเรา” ไม่ต้องห่วงแกนนำ
หลังจากนั้น แกนนำเสื้อแดงก็ได้รับการดูแลโดยตำรวจเป็นอย่างดี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
สามารถไต่เชือกตะกายตึกหนีการจับกุมของตำรวจได้ แกนนำหลายคนสามารถหลบหนีไป
ต่างประเทศได้
6) เมื่อระบอบทักษิณได้กลับมายึดครองอำนาจรัฐอีกครั้ง รัฐตำรวจก็ยิ่งเหิมเกริม ลุแก่อำนาจมากขึ้น
ใช้อำนาจโดยไม่ยำเกรงกฎหมาย ไม่เห็นหัวประชาชน และเห็นประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
เป็นศัตรูที่ต้องประหัตประหารอย่างไม่ต้องปราณี ไม่ว่าจะเป็น การจัดการกับการชุมนุมกลุ่มพิทักษ์สยาม
(เสธ.อ้าย) การชุมนุมของกองทัพประชาชนฯ อย่างเด็ดขาด โหดร้าย หรือแม้แต่กรณีอุ้มฆ่า
นายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ตำรวจก็ยังทำคดีให้เกิดข้อครหามากมาย
ขณะเดียวกัน ก็มีการปูนบำเหน็จ แต่งตั้งให้ตำรวจในอาณัติของระบอบทักษิณได้ยึดกุมตำแหน่ง
สำคัญไว้อย่างมากมาย เกือบทุกวงการ อาทิ
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก คนที่เคยถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่แพ้โหวตในสภา ก่อนที่ทักษิณและเสื้อแดงจะออกมาป่วนนอกสภา ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการ ปปส.
พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้ดิบได้ดีจากระบอบทักษิณต่อเนื่อง เป็นถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง.
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการแต่งตั้งตำรวจของระบอบทักษิณเข้าไปดำรงตำแหน่งบอร์ดในรัฐวิสาหกิจ
จำนวนมาก เช่น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์, พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
เป็นประธานบอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นต้น
7) มาวันนี้ เมื่อระบอบทักษิณพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจของตนไว้อย่างบ้าคลั่ง
จึงปรากฏว่า รัฐตำรวจได้แสดงออกถึงการรับใช้ ปกป้องอำนาจให้แก่ระบอบทักษิณอย่างอุกอาจ
โหดเหี้ยม
พยายามปลุกปั่นให้ตำรวจทั้งหลายเกิดความเกลียดแค้นชิงชังประชาชนฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
บิดเบือนว่า กปปส.จะทำลายองค์กรตำรวจ จะเอาตำรวจไปขึ้นกับ อบต. ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะ
กปปส.ประกาศจะปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ก้าวหน้า มีเงินเดือนสวัสดิการเพียงพอ
มีเกียรติยศดียิ่งขึ้น ไม่ต้องวิ่งเต้นเส้นสาย หาเงินส่งให้นาย กระจายอำนาจตำรวจ ไปขึ้นกับผู้ว่า
ราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง
ปลุกปั่นใส่ร้ายว่าผู้ชุมนุมฆ่าตำรวจ ตำรวจจะต้องไม่ตายฟรี โดยยกเอากรณีเสียชีวิตของ ด.ต.ณรงค์
ปิติสิทธิ์ ในเหตุการณ์วันที่ 26 ธันวาคม 2556 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ขึ้นมาปลุกปั่น ทั้งๆ ที่
พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 เปิดเผยว่า ด.ต.ณรงค์ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .32 วิถี
กระสุนยิงแนวกดลงทำมุม 15 องศา เข้าบริเวณหัวไหล่ด้านขวา ถูกเส้นเลือดใหญ่ เศษกระสุนไปฝัง
ที่ผนังหัวใจ โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในเหตุการณ์วันดังกล่าว มีหลักฐานภาพถ่ายและวีดีโอคลิป
ยืนยันว่า คนในชุดตำรวจจำนวนหนึ่งได้ขึ้นไปปฏิบัติการบนดาดฟ้าของตึกในกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็น
พื้นที่ควบคุมของตำรวจนั่นเอง
แต่บรรดานายตำรวจของระบอบทักษิณก็จงใจมองข้ามข้อเท็จจริง แต่ใช้การตายของตำรวจมาปลุกปั่น
ให้ตำรวจเกิดความเคียดแค้น เกลียดชังผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ กระทั่งเกิดเหตุการณ์บุกยิง
สังหารการ์ด คปท. ตอนตี 3 เช้ามืดของวันที่ 28 ธันวาคม 2556
ทั้งหมดนี้ คือ อาการของรัฐตำรวจในระบอบทักษิณ
ตำรวจของระบอบทักษิณกำลังดิ้นรน เอากำลังของสถาบันตำรวจไปใช้โดยบิดเบือน รับใช้ระบอบทักษิณ
เอาใจนักการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ประกาศไม่รับอำนาศาลรัฐธรรมนูญ ประหัตประหารประชาชน
เป็นศัตรูกับประชาชน เพื่อต่ออายุอำนาจของระบอบทักษิณซึ่งตนเองมีผลประโยชน์ส่วนตัวร่วมด้วยต่อไป!
.....จบ.....
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.naewna.com/politic/columnist/10323
นึกถึงตำรวจในระบอบอภิสิทธิ์ ทีไร ก็นึกถึง "จ่าเพียร" .... วิ่งมาขอย้ายตัวเอง
เพราะใกล้เกษียณ ก็ไม่สำเร็จ ก็เลยเสียชีวิต สังเวยระบอบอภิสิทธิ์
อะไรอีก ตำรวจในระบอบอภิสิทธิ์ ตั้งผบ.ตร.ไม่ได้ค่ะ ต้องมีการรักษาการผบ.ตร.จนหมดอายุรัฐบาล
แล้วยังกรณี สร้างโรงพัก ไม่สำเร็จอีก .... เฮ้อ .... กลุ้มใจ นักวิชาการ ของระบอบอภิสิทธิ์
รวมทั้งสื่อแบบ แนวหน้า ไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลย ทำความ ... ยำ อะไรไว้บ้าง
ใครนึกอะไรออก จะมาบอกเติมก็ได้นะคะ
ตำรวจในระบอบทักษิณ ขอคิดด้วยฅน เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แนวหน้าออนไลน์
สองเดือนสุดท้าย ก่อนสิ้นปี 2556 รัฐบาลระบอบทักษิณได้เผยธาตุแท้ของความอำมหิต
โหดร้าย เลวทราม ออกมาอย่างหมดเปลือก โดยอาศัยความเป็นรัฐตำรวจ รักษาอำนาจ
ทางการเมืองของตนเอง ก่อให้เกิดความสูญเสียร้ายแรงแก่ประชาชนและประเทศชาติส่วนรวม
เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ล้วนแต่มีกลิ่นสีกากีคละคลุ้ง อาทิ
เหตุการณ์คืนวันที่ 30 พ.ย.56 ล้อมสังหารนักศึกษาในมหาวิทยาลัยรามคำแหง นายทวีศักดิ์
โพธิ์แก้ว นักศึกษารามคำแหง ถูกยิงเสียชีวิต ตำรวจไม่เข้าระงับเหตุ ไม่เข้าไปช่วยเหลือ
อ้างว่าเข้าพื้นที่ไม่ได้ จนในที่สุด ทหารต้องบุกเข้าไปช่วยนักศึกษานับร้อยคนออกมาช่วงสาย
วันที่ 1 ธันวาคม 56
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 56 หน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง การใช้กำลังตำรวจปะทะ
กับผู้ชุมนุม คปท. ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก อาทิ นายวสุ สุฉันทบุตร ผู้ชุมนุม
ถูกยิงด้วยอาวุธปืน กระสุนทะลุตับ เสียชีวิต, ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ จร. สน.ตลาดพลู
ถูกยิงเสียชีวิต มีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนมาก
พฤติกรรมของตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาอย่างผิดหลักสากล ยิงตั้งแต่เช้ายันบ่าย โดยยิงวิถีพุ่ง
ตรงเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก แถมด้วยการยิงกระสุนยางอย่างเมามัน มีคน
ในชุดตำรวจดาหน้าทุบตีผู้ชุมนุม ทำลายรถยนต์-รถจักรยานยนต์ของผู้ชุมนุมอย่างโหดร้าย โดย
เมื่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหารไปตรวจค้นรถของตำรวจก็พบอาวุธหนักจำนวนมาก มีทั้งปืน
เครื่องกระสุนจริง และระเบิดมือ!
เวลาประมาณตีสาม วันที่ 28 ธันวาคม 56 คนร้ายใช้อาวุธสงคราม บุกกราดยิงใส่กลุ่มการ์ด
คปท. ด้านหลังเวทีปราศรัย บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ นายยุทธนา องอาจ เสียชีวิต มีผู้
ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย เป็นการก่อเหตุอุกอาจ เล็ดรอดด่านของตำรวจอย่างสะดวกโยธิน
ขณะที่ท่าทีของตำรวจ แสดงตนเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงกับประชาชนผู้ชุมนุม กปปส. คปท.
และทุกกลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
1) ก่อนรัฐประหารในปี 2549 การชุมนุมของพันธมิตรฯ ขับไล่ระบอบทักษิณ ตำรวจก็แสดง
ตนเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน โดยบรรดาตำรวจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ปูนบำเหน็จ แต่งตั้ง
ผลักดัน เข้าไปยึดกุมกลไกของรัฐไว้เกือบจะทั้งหมด ต่างแสดงบทบาทค้ำจุนอำนาจของ
ระบอบทักษิณ ตัดตอนการตรวจสอบ รวมถึงเล่นงานฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ อาทิ กกต.ยุค
พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ (สามหนาห้าห่วง), ป.ป.ช.ยุค พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ
(ขึ้นเงินเดือนตัวเอง), ป.ป.ง.ที่ตรวจบัญชีสื่อมวลชนและเอ็นจีโอ ฯลฯ
มีการฆาตกรรมในสงครามยาเสพติด กว่า 2,500 ศพ
อุ้มฆ่าในพื้นที่ภาคใต้
อุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร
เมื่อมีการทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตร อาทิ ทำร้ายคนแก่ที่เวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ (เซ็นทรัลเวิร์ล)
หรือแม้แต่การยิง M79 เข้าใส่ผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจก็ไม่สามารถติดตามจับกุมผู้
กระทำผิดได้เลย
2) ในการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตำรวจก็เข้ามาร่วมเป็นองค์กรสุดท้าย ก่อนออกทีวี
แถลงการณ์ยึดอำนาจของ คปค. นำโดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
3) ปี 2550 รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ พยายามกระจายอำนาจ กระจายงานของตำรวจ
เริ่มต้นปฏิรูปตำรวจ เพื่อมิให้อำนาจตำรวจกระจุกตัวขึ้นอยู่กับนักการเมือง ปรากฏว่า ตำรวจมี
ท่าทีต่อต้าน
4) ปี 2551 ปลายสมัยรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย เมื่อประชาชนออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ
ตำรวจใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาสังหารประชาชน 7 ต.ค. 2551 ทำให้ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ
หรือน้องโบว์ เสียชีวิต ประชาชนพิการ บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร้ายแรง
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ พลตำรวจเอกพัชรวาท
วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
จนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครได้รับโทษ
5) ปี 2552-53 ตำรวจเกียร์ว่าง ไม่จัดการกับขบวนการเสื้อแดงล้มรัฐบาล โค่นอำมาตย์ ไม่ใช้
แก๊สน้ำตา ไม่ใช้ความเด็ดขาดในการรักษากฎหมายและดูแลความสงบในบ้านเมือง กระทั่งมี
การล้มการประชุมอาเซียน ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ก่อเหตุยิงระเบิด M79 เข้าใส่สถานที่
ราชการต่างๆ สังหารประชาชนที่ต่อต้านเสื้อแดง
แกนนำเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ถึงกับประกาศว่า “ตำรวจเป็นพวกเรา” ไม่ต้องห่วงแกนนำ
หลังจากนั้น แกนนำเสื้อแดงก็ได้รับการดูแลโดยตำรวจเป็นอย่างดี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
สามารถไต่เชือกตะกายตึกหนีการจับกุมของตำรวจได้ แกนนำหลายคนสามารถหลบหนีไป
ต่างประเทศได้
6) เมื่อระบอบทักษิณได้กลับมายึดครองอำนาจรัฐอีกครั้ง รัฐตำรวจก็ยิ่งเหิมเกริม ลุแก่อำนาจมากขึ้น
ใช้อำนาจโดยไม่ยำเกรงกฎหมาย ไม่เห็นหัวประชาชน และเห็นประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
เป็นศัตรูที่ต้องประหัตประหารอย่างไม่ต้องปราณี ไม่ว่าจะเป็น การจัดการกับการชุมนุมกลุ่มพิทักษ์สยาม
(เสธ.อ้าย) การชุมนุมของกองทัพประชาชนฯ อย่างเด็ดขาด โหดร้าย หรือแม้แต่กรณีอุ้มฆ่า
นายเอกยุทธ อัญชัญบุตร ตำรวจก็ยังทำคดีให้เกิดข้อครหามากมาย
ขณะเดียวกัน ก็มีการปูนบำเหน็จ แต่งตั้งให้ตำรวจในอาณัติของระบอบทักษิณได้ยึดกุมตำแหน่ง
สำคัญไว้อย่างมากมาย เกือบทุกวงการ อาทิ
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก คนที่เคยถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่แพ้โหวตในสภา ก่อนที่ทักษิณและเสื้อแดงจะออกมาป่วนนอกสภา ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการ ปปส.
พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้ดิบได้ดีจากระบอบทักษิณต่อเนื่อง เป็นถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
และเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ป.ป.ง.
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงการแต่งตั้งตำรวจของระบอบทักษิณเข้าไปดำรงตำแหน่งบอร์ดในรัฐวิสาหกิจ
จำนวนมาก เช่น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์, พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
เป็นประธานบอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นต้น
7) มาวันนี้ เมื่อระบอบทักษิณพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจของตนไว้อย่างบ้าคลั่ง
จึงปรากฏว่า รัฐตำรวจได้แสดงออกถึงการรับใช้ ปกป้องอำนาจให้แก่ระบอบทักษิณอย่างอุกอาจ
โหดเหี้ยม
พยายามปลุกปั่นให้ตำรวจทั้งหลายเกิดความเกลียดแค้นชิงชังประชาชนฝ่ายที่ต่อต้านระบอบทักษิณ
บิดเบือนว่า กปปส.จะทำลายองค์กรตำรวจ จะเอาตำรวจไปขึ้นกับ อบต. ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะ
กปปส.ประกาศจะปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ก้าวหน้า มีเงินเดือนสวัสดิการเพียงพอ
มีเกียรติยศดียิ่งขึ้น ไม่ต้องวิ่งเต้นเส้นสาย หาเงินส่งให้นาย กระจายอำนาจตำรวจ ไปขึ้นกับผู้ว่า
ราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง
ปลุกปั่นใส่ร้ายว่าผู้ชุมนุมฆ่าตำรวจ ตำรวจจะต้องไม่ตายฟรี โดยยกเอากรณีเสียชีวิตของ ด.ต.ณรงค์
ปิติสิทธิ์ ในเหตุการณ์วันที่ 26 ธันวาคม 2556 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ขึ้นมาปลุกปั่น ทั้งๆ ที่
พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ 10 เปิดเผยว่า ด.ต.ณรงค์ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .32 วิถี
กระสุนยิงแนวกดลงทำมุม 15 องศา เข้าบริเวณหัวไหล่ด้านขวา ถูกเส้นเลือดใหญ่ เศษกระสุนไปฝัง
ที่ผนังหัวใจ โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในเหตุการณ์วันดังกล่าว มีหลักฐานภาพถ่ายและวีดีโอคลิป
ยืนยันว่า คนในชุดตำรวจจำนวนหนึ่งได้ขึ้นไปปฏิบัติการบนดาดฟ้าของตึกในกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็น
พื้นที่ควบคุมของตำรวจนั่นเอง
แต่บรรดานายตำรวจของระบอบทักษิณก็จงใจมองข้ามข้อเท็จจริง แต่ใช้การตายของตำรวจมาปลุกปั่น
ให้ตำรวจเกิดความเคียดแค้น เกลียดชังผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ กระทั่งเกิดเหตุการณ์บุกยิง
สังหารการ์ด คปท. ตอนตี 3 เช้ามืดของวันที่ 28 ธันวาคม 2556
ทั้งหมดนี้ คือ อาการของรัฐตำรวจในระบอบทักษิณ
ตำรวจของระบอบทักษิณกำลังดิ้นรน เอากำลังของสถาบันตำรวจไปใช้โดยบิดเบือน รับใช้ระบอบทักษิณ
เอาใจนักการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ประกาศไม่รับอำนาศาลรัฐธรรมนูญ ประหัตประหารประชาชน
เป็นศัตรูกับประชาชน เพื่อต่ออายุอำนาจของระบอบทักษิณซึ่งตนเองมีผลประโยชน์ส่วนตัวร่วมด้วยต่อไป!
.....จบ.....
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.naewna.com/politic/columnist/10323
นึกถึงตำรวจในระบอบอภิสิทธิ์ ทีไร ก็นึกถึง "จ่าเพียร" .... วิ่งมาขอย้ายตัวเอง
เพราะใกล้เกษียณ ก็ไม่สำเร็จ ก็เลยเสียชีวิต สังเวยระบอบอภิสิทธิ์
อะไรอีก ตำรวจในระบอบอภิสิทธิ์ ตั้งผบ.ตร.ไม่ได้ค่ะ ต้องมีการรักษาการผบ.ตร.จนหมดอายุรัฐบาล
แล้วยังกรณี สร้างโรงพัก ไม่สำเร็จอีก .... เฮ้อ .... กลุ้มใจ นักวิชาการ ของระบอบอภิสิทธิ์
รวมทั้งสื่อแบบ แนวหน้า ไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลย ทำความ ... ยำ อะไรไว้บ้าง
ใครนึกอะไรออก จะมาบอกเติมก็ได้นะคะ