ตามรักคืนเรือน ตอนที่ 2

กระทู้สนทนา
....เสียงตอกไม้ สลับกับ เสียงตะโกนสั่งงาน ดังมาตั้งแต่เช้า วิทยา นั่งมองช่างกำลังขี้นเสาศาลา จากเก้าอี้สนามใต้เงาต้นปาล์มใหญ่  บ้านจัดสรรของบริษัทถูกใจเขาทุกอย่าง บ้านสวย แบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ดี ติดทะเลสาบทุกหลัง สโมสรก็เยี่ยม ขัดใจก็แต่ไอ้ต้นปาล์ม ที่ยัดเยียดปลูกให้เกือบทุกหลัง มันดูแห้งแล้ง และทำให้ดูเหมือนสนามกอล์ฟมากกว่าบ้าน  วันนี้เขาต้องหยุดงานเพื่อมาเฝ้าการทำงานของกองทัพช่างไม้ ของช่างอ๊อด ที่ระดมคนงาน สิบสี่ สิบห้าคน มาประกอบศาลาริมน้ำ ที่ขนมาเป็นชิ้นๆ มาจากสมุทรสาคร เขาแปลกใจนิดหน่อย ที่ช่างใหญ่
ขอเลื่อนวันมาประกอบศาลา เร็วขี้น กว่าเดิมถึงสามวัน จากที่เคยนัดวันไว้  น้ำเสียง ที่ขอร้องของช่างอ๊อด ทำให้เขาขัดไม่ได้
  
   “คุณวิทย์ครับ มาอยู่ที่นี่เอง เมื่อเช้าผมก็มัวแต่สั่งงานลูกน้อง เลยยังไม่ได้คุยกัน” เสียงช่างอ๊อด ดังนำหน้ามาก่อนตัว ท่าทางนั้นดูอิดโรย เหมือนคนอดนอนอย่างเห็นได้ชัด

    “ช่างอ๊อด เร่งงานเกินไปหรือเปล่าครับ งานผมไม่ได้เร่งอะไร ค่อยๆซ่อม แล้วมาประกอบก็ได้ครับ”   เขาทักด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าคู่สนทนา

    “โอ้ย มันจำเป็นครับ ที่ผมจะมาคุยกับ คุณวิทย์ก็เรื่องนี้แหละครับ” สีหน้าช่างอ๊อด ดูลำบากใจ  ก่อนจะหลุดคำถามออกมาได้ “คุณวิทย์ เชื่อเรื่องผีไหมครับ”

    “ถ้าวิญญาณ ละก็เชื่อครับ แต่จะใช่ผีหรือเปล่าผมไม่รู้นะ”  เขาเริ่มเดาได้ว่าช่างใหญ่ จะพูดเรื่องอะไรแล้ว “ช่างอ๊อด อย่าบอกว่าโดนวิญญาณ เจ้าของศาลา หลอกเอา จนอดนอน”

    “ไม่ใช่ผมหรอกครับ แต่คนงานที่โรงเก็บไม้ โดนกันหมดทุกคน ฝันเห็นโดนผีผู้หญิงไล่เหยียบบ้าง ยืนด่าบ้าง บอกว่าไปรื้อเรือนเขามาทำไม ให้เอาไปคืน” ช่างอ๊อด หันไปทางลูกน้องที่เร่งทำงานกันอยู่  “ลูกน้องผมนะเร่งซ่อมไม้ศาลา ทั้งวันทั้งคืน เพราะไม่อยากเก็บไม้ไว้ที่โรงเก็บ พวกที่เฝ้าโรงเก็บไม้ไปลากช่างไม้ จากไซท์งานอื่นมาหมด บอกว่าต้องประกอบให้เสร็จวันนี้ เลยขนกันมาเต็มอย่างที่เห็นนี่แหละครับ”

    “แล้วผีหน้าตาเป็นยังไง ช่างอ๊อดรู้ไหม” เขาชักสนใจ ขี้นมา

    “ผมก็ยังไม่เจอจะๆครับ เดี๋ยว ผมเรียกหลานชายมาเล่าแล้วกันครับ มันโดนถีบตกเตียง แล้วชี้หน้าด่าอีก น่าจะเล่าได้ดีกว่าผม”  พูดจบก็ตะโกนไปทางกลุ่มคนงาน

    “ใครไปตาม ไอ้อู๊ด มานี่ทีสิ”

    อู๊ดหลานช่างอ๊อด นั้นรูปร่างออกท้วม หน่อยๆผิวออกขาว ท่าทางอิดโรยไม่แพ้ผู้เป็นลุง พอเห็นลุงนั่งอยู่กับเจ้าของบ้านบน ม้าสนาม ก็รีบยกมือไหว้ก่อน

   “คุณวิทย์ ท่านอยากรู้เรื่องผีที่ถีบเอ็งตกเตียง นะเล่าให้ท่านฟังหน่อย” ผู้เป็นลุงบอก เมื่อเห็นหลานชายเดินเข้ามาใกล้เจ้าอู๊ด เหลียวไปมอง ทางศาลา ที่ขึ้นโครงเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างอย่างหวาดๆ ก่อนจะยกมือไหว้ เหมือนจะขออนุญาตเล่าเรื่อง เมื่อ 2 คืนก่อน

    “คืนแรกที่พวกผม แยกไม้มาเก็บที่โรงเก็บ มีผมกับ ลูกน้องอีก สอง คนนอนเฝ้าโรงเก็บ ตอนใกล้ๆรุ่ง ผมเหมือนจะโดนถีบเข้าที่สีข้าง ร่วงลงจากเตียง พอผมจะลุก ก็มีเท้ามาเหยียบยอดอกเลยครับนาย”  สีหน้าช่างไม้หนุ่มเริ่มซีดลง เมื่อเล่าถึงตอนนี้ "เงยหน้าไปก็เจอผู้หญิงนุ่งโจงคาดผ้าแถบ หน้าดุมาก ยืนชี้นิ้วมาที่หน้าผมแล้วบอกว่า เอ็งมารื้อเรือนข้าทำไม เอาไปคืนเดี๋ยวนี้เลย ตอนนั้นบทสวดอะไรผมท่องมั่วไปหมด มารู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า ได้ ยินเสียงไอ้แขกลูกน้องที่นอนอีกเตียงข้างๆ ร้องโหวกเหวก ถึงรู้ว่าไม่ได้ฝัน เพราะตัวผมลงมานอนอยู่ข้างเตียง ไอ้แขกเอง ก็ฝันว่าโดนเหยียบเหมือนกัน แต่ไม่โดนถีบเหมือนผม”

    “นั่นคืนแรกครับ พอพวกนี้มาเล่าให้ผมฟัง ผมก็เลยให้เร่งงานจะได้ย้ายมาประกอบให้เสร็จ แล้วหาสร้อยพระไปแจกให้พวกที่ต้องเฝ้าโรงไม้ ไว้ห้อยตอนนอน แล้วไปอยู่เฝ้าด้วย”ผู้เป็นลุงเล่าเสริม

    “เอ็งเล่าต่อสิ ว่าเมื่อคืนโดนอะไรกันอีก” ช่างอ๊อดหันไปสั่งหลาน

    “พวกผม ก็เร่งซ่อมจนงานเสร็จเอาราวๆ สองทุ่ม ทั้งหมดที่มาวันนี้แหละครับ เร่งทำกันทั้งวัน ก็ชวนกัน นอนที่โรงไม้กันหมดพอสัก สี่ทุ่มก็มีเสียง หินขว้างหลังคา” ช่างไม้หนุ่มกลืนน้ำลายหยุดนึกลำดับเหตุการณ์ เมื่อคืนที่ผ่านมาก่อนจะเล่าต่อ

    “พวกผมก็นึกว่า เด็กที่ไหน มาแกล้ง ก็ออกไปดูกัน ถึงขนาดไปนั่งเฝ้านอกโรงไม้ก็ไม่เห็นตัวคนขว้าง แต่ก็ยังมีหินขว้างลงหลังคาอยู่เรื่อยๆ พอสักตีหนึ่งได้มั้งครับ บางคนที่ง่วงทนไม่ไหวก็หลับไปก่อน พวกที่กลัวผีก็จับกลุ่มนั่งคุยกัน คราวนี้เสียงเคาะผนังสังกะสี รอบโรงไม้ดังลั่นเลยครับ พวกที่นอนอยู่ตื่นกันหมด มานั่งเกาะลุ่มกันจนเช้ากว่าเสียงจะหยุดเอาก็เกือบฟ้าสาง”

    “แล้วผีของนายอู๊ด เขาบอกชื่อหรือเปล่า หน้าตาเป็นยังไง แล้วสาวหรือแก่“ วิทยาชักจะสนใจ เรืองผียิ้มนเจ้าของศาลาขี้นมา

    “ชื่ออะไรไม่รู้ครับนาย แต่สาวอยู่ครับ แต่หน้าดุมาก”

     คำบอกเล่าของ ช่างไม้หนุ่มทำให้วิทยา นึกอะไรขึ้นมาได้ มันจะเป็นเพราะเรื่องบังเอิญ หรือเป็นเพราะโชคชะตา ที่ศาลาหลังนั้นมาอยู่ในความครอบครองของเขานะ

    “ขอบใจมากนะ ไปทำงาต่อเถอะ” วิทยาพูดกับช่างหนุ่ม

     นายอู๊ด ช่างไม้หนุ่ม ก็ยกมือไหว้ลา ก่อนจะเดินกลับไปทำงานร่วมกับช่างไม้กลุ่มใหญ่

    “คุณวิทย์ จะทำบุญไล่ผีไหมครับ ผมรู้จักกับ หลวงพี่รูปหนึ่ง ท่านดังมากเรื่อง ไล่ผี ทำน้ำมนต์” ช่างอ๊อด เสนอจะจัดการติดต่อให้หากเขาสนใจ

    “ไว้ก่อนแล้วกัน ครับ พอประกอบศาลาเสร็จเขาอาจจะไปแล้วก็ได้ ผมเองก็ยังไม่เจอกับตัวด้วย” เขาตัดบท ด้วยใจหนึ่งยังคงไม่เชื่อเรื่องผี กับอีกใจที่ยังคงสงสัยอยากรู้ถึงที่มาของวิญญาณนั้น

      “ผมขอตัวก่อนนะครับ” วิทยากล่าวกับช่างอ๊อด


   เรื่องที่ฟังนั้นทำให้เขาต้องเดินกลับเข้ามาในตัวบ้าน ผ่านเข้ามาทางเฉลียงที่มีประตูเลือนกระจกบานใหญ่ เปิดเอาไว้รับลมจากทะเลสาบ ของหมู่บ้าน ในห้องรับแขกนั้นที่ ผนังด้านหนึ่งแขวนไว้ด้วยภาพเขียนสีน้ำ ขนาดต่างๆ 4-5 ภาพในกรอบไม้เรียบๆ หนึ่งในนั้น
เป็นรูป เขียนสีน้ำของหญิงสาว ในชุดเสื้อลูกไม้สีขาวแบบโบราณกระโปรงสีฟ้า สวมหมวกปีกกว้าง นั่งอยู่บนม้านั่งยาวสีขาว ด้านหลังเป็นไม้ระแนงไขว้เป็นลายข้าวหลามตัด วิทยายืนมองรูปนั้นพร้อมกับตั้งคำถามในใจ

        เธอจะใช่คนเดียวกับในรูปนี้ไหมนะ

       --------------------------------------------------------------------------------------------------

   “ผมลากลับก่อนนะครับ คุณวิทย์” ช่างอ๊อดเข้ามาลาเจ้าของบ้านคนงานนั้นขี้นไปนั่งข้างหลัง รถหกล้อกันหมดแล้ว

   “วันนี้ช่างสี ไม่ได้มาด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะส่งให้เขามาเก็บงานสีส่วนที่เหลือ คุณวิทย์จะสะดวกไหมครับ” ช่างใหญ่ ขออนุญาตเขาไว้ก่อน แม้ว่าวันนี้ช่างแต่ละคนจะดูคล้ายผีดิบเดินได้แต่ก็ทำสถิติใหม่เอาไว้ เพราะแค่บ่ายสี่โมงก็ประกอบศาลาเสร็จเหลือเพียงงานสี ที่ต้องให้ช่างสีอีกชุดเข้ามาทำต่อ

    “เดี๋ยวผมฝากแม่บ้าน ไว้แล้วกันครับ ก่อนเข้ามาช่างอ๊อดให้เขาโทรเข้ามาก่อนแล้วกันครับ พรุ่งนี้ผมคงไม่อยู่บ้าน”
    
     หลังจากนัดแนะ เวลากันแล้ว กองทัพช่างไม้ ก็พากันกลับวิทยาเรียกแม่บ้านมาสั่งงาน เรื่องช่างสี กับให้จัดคนไปทำความสะอาดศาลา เขาเดินออกมาดูแม่บ้าน ทำงานที่ศาลาริมน้ำตามคำสั่ง  แม้จะรู้ว่าพรุ่งนี้ ช่างสี ก็คงมาทำเลอะอีก แต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็อยากจะลงมานั่ง ที่ศาลาหลังน้อยที่เพิ่งประกอบเสร็จใหม่ๆจะว่าเห่อ ก็คงได้ ยังเหลือต้องหาต้นไม้มาปลูก ให้เลื้อยไปตามไม้ระแนงรอบศาลา จึงเป็นไปตามที่เขาวาดภาพไว้ในใจ ขณะที่เขากำลังเพลินกับ การวางแผนตกแต่งศาลา ก็ต้องสะดุดลงเพราะเสียงเรียกของเด็กชาย

     “คุณพ่อ” เสียงเรียกนั้นเกือบจะเป็นเสียงตะโกน พร้อมกับที่เจ้าตัวเล็ก วิ่งเข้ามากอดขาเขา

     “ไงไอ้ตัวยุ่ง กลับมาแล้วเหรอ วันนี้ดื้อหรือเปล่า”  ปากแม้จะพูดกับลูกชาย แต่สายตานั้นเหมือนจะถามไปยัง หญิงสาวอีกคนที่เดินตามหลังเข้ามามากกว่า

     “ก็ตามประสาเด็กแหละค่ะ กว่าจะยอมขึ้นรถก็ต้องลากกันนิดหน่อย” แม้จะบ่นกับพฤติกรรมเจ้าลูกชายแต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู

     ราตรี เป็นเลขา คนแรกและคนเดียวของเขา นับตั้งแต่วันที่เขา ขึ้นเป็นผู้บริหารของบริษัท ก่อนจะกลายเป็นตำนานรัก ผู้บริหารหนุ่มกับเลขาสาว ที่ดูใจกันเกือบสี่ปี กว่าจะเขาจะขอเธอแต่งงาน และราตรีก็ยังคงทำหน้าที่เลขา ของเขาเหมือนเดิมแต่ทำเต็มเวลามากขึ้น ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน

    “ไอ้ตัวยุ่งเห็นอะไรใหม่ไหม” มือทั้งสองอุ้มเจ้าลูกชายวัย ห้าขวบขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปในศาลา ที่ตอนนี้ดูสะอาดเรียบร้อยแล้ว

     “นี่เหรอค่ะ ที่ไปซื้อมาจากสมุทรสาคร ?”  ราตรีเดินตามเข้ามาสายตานั้นสำรวจ ไปรอบๆ ตัวศาลา “สวยจังคะ”

     “ก็ยังไม่เรียบร้อยดีนะ ยังเหลือทาสีใหม่ แล้วผมอยากจะให้ช่างที่บริษัทมาเดินสายไฟมาที่นี่ด้วย เผื่อจะมานั่งรับลมกันตอนค่ำ หรือ มานั่งทานอาหารเย็นริมน้ำ จะได้สะดวกหน่อย” เขาเล่าแผนการในใจ

    “ก็ดีคะ แต่คงต้องเลือก โป๊ะ เลือก โคมไฟให้เข้ากับ เรือนหน่อยนะคะคุณวิทย์ ของเดิมสวยอย่างนี้ เอาแบบสมัยใหม่มาติด คงไม่สวย”

      ความคิดของภรรยา นั้นไม่ต่างไปจากเขาเลย  เขารักราตรีก็เพราะอย่างนี้  หล่อนเหมือนจะรู้ใจเขาไปทุกเรื่อง เขามองภรรยานั่งบนเก้าอี้ยาว กำลังเอียงคอ มองดู เจ้าตัวยุ่งที่กำลังตื่นเต้นกับศาลาหลังใหม่ แสงแดดยามเย็นที่ส่องลงมาต้องใบหน้าภรรยายิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนหวาน

     “เหนื่อยไหม วันนี้ผมนวดให้นะ” เขาพูด แฝงรอยยิ้มเป็นนัยๆก่อนจะเดินไปฉุดมือหญิงสาวลุกขึ้น “ไป ไปกินข้าวกัน” ก่อนจะอุ้มลูกชายขึ้นไว้ดว้ยมือข้างซ้ายสองสามีภรรยา เดินจูงมือกันเดินกลับขึ้นบ้าน แต่เสียงเจ้าตัวยุ่งที่อยู่บนแขนเขา ทำให้ชายหนุ่มแทบจะเดินสะดุด

     “ไปก่อนนะพี่สาว”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่