....ตั้งแต่คณะราษฎร์นำโดยปัญญาชนหัวก้าวหน้าทำการยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2475
ล่วงเลยมากว่า 81 ปีแล้ว ทำไมเราเหมือนย่ำอยู่กับที่ ? ข้อสังเกตุนี้มีหลากหลายคนที่สงสัยในประเด็นดังกล่าวเหมือนกัน
จากระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์เปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น
กลุ่มอำนาจที่มีแต่เดิมในระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ คือ ชนชั้นนำหัวอนุรักษ์นิยมที่เป็นเจ้าขุนมูลนายทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
โดยกลุ่มคนดังกล่าวนั้น ได้อยู่อย่างสุขสบายมาโดยตลอด กินเลือดขูดเนื้อประชาชนจากภาษี การบริหารประเทศไม่ได้มีอะไรดี
เลิศเลอเป็นเพียงการบริหารเยี่ยงคน มิใช่บริหารเยี่ยงเทวดา เมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงสมัยรัชกาลนั้น ก็เลือกที่จะปลดข้าราชการ
แทนที่จะปราบปรามคอรัปชั่นของกลุ่มผู้มีอำนาจนั้น สิ่งที่พระบาทพระปกเกล้ากล่าวว่า "เราตั้งใจที่จะสละอำนาจของเราแต่เดิมอยู่แล้ว"นั้น
อาจจะนับได้ว่า อาจเป็นเรื่องที่กล่าวตามน้ำเมื่อถูกยึดอำนาจ การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นส่งผลกระทบต่อผู้มีอำนาจของขุนนาง
อำมาตย์ทั้งหลาย เนื่องจากตนนั้นจะไม่สามารถอยู่อย่างมีอำนาจได้แต่เดิม ครั้งเมื่อคณะราษฎร์ถวายให้ในหลวง ร.7 ให้เป็นประมุข
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น อาจจะเป็นความตั้งใจที่ผิดพลาด หรือ ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ขั้วอำนาจเก่านั้น ยังต้องการกลับมามีอำนาจอยู่ จึงคอยกระแซะ ก่อการต่างๆ
เพื่อที่จะให้ตนเองมีอำนาจอีกครั้ง แม้จะไม่สำเร็จเป็นผลที่ให้ประชาชนเห็น แต่.... เค้าพวกนั้นยังคงมีอำนาจอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ตัวแปรที่สำคัญนั้นคือ ขุนพล (ทหาร) ได้กระทำการในทางลับเสมอ เมื่อขั้วอำนาจตัวเองไม่มีอำนาจ ก็ใช้บริการทหารเหล่านี้
ในการกำจัดขั้วอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ (ลองไล่เรียงกันตามหน้าประวัติศาสตร์กันดู) เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนมีอำนาจ เค้ารู้ว่า
เค้าจะเริ่มหมดอำนาจลง เค้าจึงพยายามทำทุกอย่างให้ประชาชนมีอำนาจน้อยที่สุดโดยผ่านการล้มกระดานการเมืองอยู่บ้อยๆ
นั้นคือสาเหตุที่ประชาธิปไตยเราไม่โตสักเท่าไร เพราะเมื่อประชาธิปไตยเราเริ่มงอก เค้าก็จะตัดมันทิ้ง ประชาธิปไตยเราเริ่มงอก
เค้าก็จะเริ่มตัดมันทิ้ง อยู่แบบนี้เรื่อยไป แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้ พ.ศ. นี้ เค้าประเมินประชาชนผิดไป ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ
เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน ประชาชนเข็มแข็งกว่าเดิมมาก เมื่อประชาธิปไตยเราโต มันไม่ได้ถูกฟันไปทั้งรากทั้งโคน
เหมื่อนเมื่อก่อน แต่เราถูกฟันไปเพียงแค่ใบอ่อนที่เสียไป ดังนั้น ตอนนี้ประชาธิปไตยเราลำต้นเราแข็งแรง รากแก้วหยั่งลึก
ใบที่โดนฟันไปมันกลับแตกหน่อออกมามากกว่าเดิม สิ่งที่ กปปส. ทำขณะนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีจากกำลังทหาร
มาใช้กำลังประชาชนที่ใช้ความเกลียดความกลัวหลอกล่อให้เข้าร่วมชุนนุม การชกครั้งนี้อาจเป็นยกสุดท้ายแล้วก็เป็นได้
ฝ่ายประชาธิปไตยมั่นคงและเข้มแข็ง พร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านกันแล้ว "เราพร้อมสำหรับประชาธิปไตย แต่ เค้าต่างหากที่ไม่ให้"
ประชาธิปไตยจึงยังไม่เกิด.....
ประชาธิปไตยทำไมยังไม่เกิด ? เราไม่พร้อม หรือ เค้าไม่ให้
ล่วงเลยมากว่า 81 ปีแล้ว ทำไมเราเหมือนย่ำอยู่กับที่ ? ข้อสังเกตุนี้มีหลากหลายคนที่สงสัยในประเด็นดังกล่าวเหมือนกัน
จากระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์เปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น
กลุ่มอำนาจที่มีแต่เดิมในระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์ คือ ชนชั้นนำหัวอนุรักษ์นิยมที่เป็นเจ้าขุนมูลนายทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน
โดยกลุ่มคนดังกล่าวนั้น ได้อยู่อย่างสุขสบายมาโดยตลอด กินเลือดขูดเนื้อประชาชนจากภาษี การบริหารประเทศไม่ได้มีอะไรดี
เลิศเลอเป็นเพียงการบริหารเยี่ยงคน มิใช่บริหารเยี่ยงเทวดา เมื่อมีวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงสมัยรัชกาลนั้น ก็เลือกที่จะปลดข้าราชการ
แทนที่จะปราบปรามคอรัปชั่นของกลุ่มผู้มีอำนาจนั้น สิ่งที่พระบาทพระปกเกล้ากล่าวว่า "เราตั้งใจที่จะสละอำนาจของเราแต่เดิมอยู่แล้ว"นั้น
อาจจะนับได้ว่า อาจเป็นเรื่องที่กล่าวตามน้ำเมื่อถูกยึดอำนาจ การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นส่งผลกระทบต่อผู้มีอำนาจของขุนนาง
อำมาตย์ทั้งหลาย เนื่องจากตนนั้นจะไม่สามารถอยู่อย่างมีอำนาจได้แต่เดิม ครั้งเมื่อคณะราษฎร์ถวายให้ในหลวง ร.7 ให้เป็นประมุข
ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น อาจจะเป็นความตั้งใจที่ผิดพลาด หรือ ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ขั้วอำนาจเก่านั้น ยังต้องการกลับมามีอำนาจอยู่ จึงคอยกระแซะ ก่อการต่างๆ
เพื่อที่จะให้ตนเองมีอำนาจอีกครั้ง แม้จะไม่สำเร็จเป็นผลที่ให้ประชาชนเห็น แต่.... เค้าพวกนั้นยังคงมีอำนาจอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ตัวแปรที่สำคัญนั้นคือ ขุนพล (ทหาร) ได้กระทำการในทางลับเสมอ เมื่อขั้วอำนาจตัวเองไม่มีอำนาจ ก็ใช้บริการทหารเหล่านี้
ในการกำจัดขั้วอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่ (ลองไล่เรียงกันตามหน้าประวัติศาสตร์กันดู) เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนมีอำนาจ เค้ารู้ว่า
เค้าจะเริ่มหมดอำนาจลง เค้าจึงพยายามทำทุกอย่างให้ประชาชนมีอำนาจน้อยที่สุดโดยผ่านการล้มกระดานการเมืองอยู่บ้อยๆ
นั้นคือสาเหตุที่ประชาธิปไตยเราไม่โตสักเท่าไร เพราะเมื่อประชาธิปไตยเราเริ่มงอก เค้าก็จะตัดมันทิ้ง ประชาธิปไตยเราเริ่มงอก
เค้าก็จะเริ่มตัดมันทิ้ง อยู่แบบนี้เรื่อยไป แต่อย่างไรก็ตามในปีนี้ พ.ศ. นี้ เค้าประเมินประชาชนผิดไป ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ
เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน ประชาชนเข็มแข็งกว่าเดิมมาก เมื่อประชาธิปไตยเราโต มันไม่ได้ถูกฟันไปทั้งรากทั้งโคน
เหมื่อนเมื่อก่อน แต่เราถูกฟันไปเพียงแค่ใบอ่อนที่เสียไป ดังนั้น ตอนนี้ประชาธิปไตยเราลำต้นเราแข็งแรง รากแก้วหยั่งลึก
ใบที่โดนฟันไปมันกลับแตกหน่อออกมามากกว่าเดิม สิ่งที่ กปปส. ทำขณะนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีจากกำลังทหาร
มาใช้กำลังประชาชนที่ใช้ความเกลียดความกลัวหลอกล่อให้เข้าร่วมชุนนุม การชกครั้งนี้อาจเป็นยกสุดท้ายแล้วก็เป็นได้
ฝ่ายประชาธิปไตยมั่นคงและเข้มแข็ง พร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านกันแล้ว "เราพร้อมสำหรับประชาธิปไตย แต่ เค้าต่างหากที่ไม่ให้"
ประชาธิปไตยจึงยังไม่เกิด.....