ใครที่สมองมีที่ว่างมากกว่า 8 บรรทัด
และข้อมูลในโลกนี้ ก็ไม่ได้มีแต่แต่ Facebook
ก็ลองอ่านดูนะครับ


สำหรับน้องๆที่ เกิดไม่ทันยุค 2540 หรือ 17 ปีที่แล้ว ว่ามันเกิดอะไร ขอเล่าง่ายๆ ดังนี้

วิกฤติปี 2540 ฝรั่งเรียกว่าต้มยำกุ้ง เพราะเกิดจากประเทศไทยล้วนๆ
หลายสำนักพยามโบ้ยว่าเป็นปัจจัยนอกประเทศ แต่มันคงตลกที่เขาตั้งชื่อว่า"ต้มยำกุ้ง"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดยเฉพาะสำนักประชาธิปัตย์ ที่ชอบโบ้ย  เช่น น้ำยางกิโลละ 18-30 บาทมาเป็นสิบปี ทักษินมาไม่ถึง 4 ปี ขึ้นไปแตะ 100 พวกประชาธิปัตย์ก็บอกว่า โลกมันพาไป ทักษินแค่นั่งอยู่เฉยๆ แล้วชาวสวนยางเผอิญโชคดี

ความจริงมีหลายสาเหตุ ที่ทำให้เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง
แต่มันก็เหมือนกองไฟกองหนึ่ง ที่มีฟืนหลายอัน
เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ เป็นฟืนดุ้นแรกๆที่ติดขึ้นก่อน แล้วเลี้ยงกองไฟใฟ้มันโหมกระพือจนใหญ่โตขึ้นมา
และเพราะมันเกิดจากในประเทศไทยนี่แหละ มันถึงได้ชื่อว่าต้มยำกุ้ง

อย่างไร?

ช่วงนั้นเพิ่งจบจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ  ประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง ชวน หลีกภัย เป็นรัฐบาล  ในปี 2536

รัฐบาลประชาธิปัตย์  รับสืบทอดนโยบายเปิดเสรีทางการเงินมาจากรัฐบาลปี 2532 ชาติชาย ชุณหวัน
โดยแสดงเจตนาว่าเห็นด้วยกับนโยบายนี้ ด้วยการจัดตั้ง  BIBF  ขึ้นในปี 2536 ด้วยมือของ ชวน หลีกภัย ในขณะนั้น

BIBF คืออะไร อยากรู้ลึกไปอ่านเอา แต่เอาง่ายๆตรงนี้
ชวน หลีกภัย เนรมิตรนโยบายนี้ให้เป็นจริงขึ้นมาด้วยการตั้ง BIBF
เพื่อ เปิดเสรีให้เอกชนไปกู้เงินจากต่างประเทศมาปล่อยกู้ในประเทศไทยได้อย่างเสรี  

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ต้องพูดให้ชัดครับ เพราะประชาธิปัตย์ชอบโบ้ยว่า ชาติชาย ชุณหวัน เป็นคนเริ่มนโยบายนี้  ชวนเข้ามาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ มีคนสะกดจิตรัฐบาลชวน ให้เซ็นต์จัดตั้ง  BIBF  ชวนไม่เกี่ยว ประชาธิปัตย์ไม่ได้เริ่ม เราไม่มีเอี่ยว ถามทักษินดู เผื่อทักษินจะอยู่เบื้องหลังบลาๆๆๆ

ขอยกตัวอย่างแบบสมมุติตัวเลขให้เห็นว่ามันทำงานยังไง
เช่น "สถาบันการเงินประชาธิปัตย์ชวนรวย"  ไปกู้แบงก์เมืองนอกมาก  (สัญญากู้ เป็นสกุลเงิน US Dollar)
เบ็ดเสร็จสรตะคิดเป็นต้นทุนแล้ว เสียดอกเงินกู้เบี้ย ร้อยละ 10 บาท
(ตอนนี้อัตราแลกเปลี่ยนประเทศไทย เป็นแบบ คงที่ 25 บาทต่อดอลล่าห์)

แล้วเอามาปล่อยกู้ในประเทศ ร้อยละ 15 บาท ได้กำไรร้อยละ 5%
เป็นการทำงานร่วมกันกับ BIBF และสถาบันการเงิน โดยไปกู้มาปล่อยสินเชื่อ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นักธุรกิจก็ไปกู้มาสร้างบ้านขาย  เอาสินทรัพย์ราคา 50 บาทมาประกัน แล้วให้กู้ 200 บาท เป็นต้น
ที่ดินบางที่ดินไม่มีอยู่จริง บางทีก็อยู่ในน้ำ แต่ก็ใช้เป็นหลักประกันได้ เพราะผลพวงเสรีการเงิน
ที่การปล่อยกู้นั้นง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย จนคนเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์
ซึ่งมีรายละเอียดแยกไปเขียนนิยายได้อรกเรื่องหนึ่งเลย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เห็นไหมครับ นโยบายประชานิยมมั่นเห้จริงๆ
ส่งเสริมให้ประชามีกองทุนหมู่บ้านดอกเบี้ยถูกแสนถูก มันไม่ดีครับ ประเทศจะล่มจม

มันต้องเป็น นโยบาย"เศรษฐีนิยม"  
อุ้มคนรวย อวยคนมีเงิน ถึงจะเป็นคนดีและประเทศไม่ล่มจม

นี่คือวิธีทำกำไร ที่ ชวน หลีกภัย และสมองใสๆรัฐบาลดรีมทีมคนดีได้ทำให้กับคนรวย ซึ่งจะได้แฉกันต่อไปว่า อุ้มคนรวยนั้น มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่จนถึงวันนี้
จำนำข้าว มันด่าว่าขาดทุนแสนล้าน เดี๋ยวมาดูกันว่า ประชาธิปัตย์เอาเงินแสนล้านไปทำอะไร

ธุรกิจนี้ มันจะเป็นธุรกิจที่เวอร์ค ฉลาด และรวยเร็วมาก แต่ มันจะได้ผลก็ต่อเมื่อ อัตราแลกเปลี่ยน ยังคงที่ที่ 25 บาท
ตรงนี้สำคัญครับ การจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ไม่ใช่สั่งให้มันคงที่ มันก็จะคงที่
แต่แบงก์ชาติจะต้องใช้เงินไป "สู้ค่าเงิน" เพื่อทำให้มันคงที่แถวๆ 25 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อธิบายง่ายๆนะครับ มันไม่ถูกต้องเป๊ะหรอก แต่หลักการเดียวกัน
การจะทำให้ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่แค่ประมาน 25  บาทต่อ USD นั้น
สิ่งที่รัฐบาลทำคือจะต้องมีเงินสำรองระหว่างประเทศในมือ
อธิบายด้วยกองทุนนำมันก็แล้วกัน

ปกติราคาน้ำมันในตลาดโลกจะผันแปรตลอดเวลา ขึ้นๆลง  ทำให้ธุรกิจกะต้นทุนลำบาก ประชาชนก็ปรับตัวไม่ทัน มันแกว่งมากไป อย่ากระนั้นเลย เอางี้ รัฐบาลก็เลยตั้งกองทุนขึ้นมาก้อนหนึ่ง เพื่อจะรักษาราคาน้ำมันให้คงที่  ไม่แกว่งมาก  

พอน้ำมันแพง กองทุนก็จะจ่ายส่วนต่างให้ ทำให้เราได้ใช้นำมันราคาไม่แกว่ง

ทีนี้ พอราคาน้ำมันมันถูกลง อย่างเพื่อนบ้านนั้น น้ำมันถูกลงแล้ว แต่ราคาในประเทศเราก้ยังคงที่อยู่ แสดงว่าเราจ่ายค่าน้ำมันแพงกว่าตลาด ความจริงคือกองทุนไม่ได้มีหน้าที่บริจาคเงินให้คุณใช้นำมันฟรีๆ กองทุนต้องมีเงินกลับคืนเวลาน้ำมันถูก หมายความว่า ช่วงที่น้ำมันลง กองทุนก็จะมีโอกาสได้รับเงินคืน เรียกว่าสมเจตนากองทุนที่มีหน้าที่รักษาระดับราคาน้ำมัน

การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ไว้ที่ 25 บาท ในสมัยนั้น ก็ทำนองเดียวกัน คือธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องทำหน้าที่เล่นแร่แปรธาตุตรงนี้ คือใช้ทุนสำรองของประเทศไปแทรกแซงในระบบการเงิน ให้อัตรามันคงที่ที่ 25 บาท +- ยังไงก็แถวๆ 25 บาท


คนเรามันปล่อยกู้ไม่ใช่วันสองวันนะครับ ปล่อยกู้ก็รายปี ราย 5 ปี
รัฐบาลนี้เขาเชื่อว่า ตลอดระยะเวลาเหล่านี้ อัตราแลกเปลี่ยนมันจะคงที่ โลกมันไม่เปลี่ยนแปลง
ช่วงนั้นเศรษกิจร้อนแรง ธนาคารปล่อยกู้ง่ายมาก มีโครงการหมู่บ้าน
โครงการอะไรมากมายเต็มไปหมด ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด

แล้วหวยก็ออกครับ ฟืนดุ้นต่อๆมาก็เริ่มถูกโยนเข้ามาในกองไฟ
กระแสเงินสดไหลเข้าไหลออกเป็นว่าเล่น มีการเก็งกำไรค่าเงิน

เมื่อประชาธิปัตย์เปิดประตูชักศึกเข้าบ้าน ข้าศึกก็เข้ามาสมใจอยาก
มันก็มีนักเก็งกำไรค่าเงิน ที่ชื่อ จอส โซรอส  เห็นช่องว่างตรงนี้
เลยมาสู้กับแบงก์ชาติ ด้วยการโจมตีค่าเงินด้วยวิธีการนานับประการ

เงินคนพวกนี้มหาศาลครับ  กองทุนพวกนี้เขาเรียกว่า Hedge fund
คือเป็นพวกเงินหนามากๆ แล้วอาศัยเงินหนาๆ เข้าไปสู้ค่าเงินประเทศที่โง่ๆตั้งอัตราแลกเปลี่ยนคงที่

ตอนนั้นเงินทุนสำรองประเทศไทย ในมือธนาคารแห่งประเทศไทย มี  39 พันล้าน USD  
จอส โซรอส ให้เงินอัดเข้ามาในรูปแบบต่างๆ กว่า 100 พันล้าน (2.5 เท่าของเงินที่แบงก์ชาติมี)
รัฐบาลก็สู้ค่าเงินครับ คือพยามจะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนที่ 25 USD

การต่อสู้ใช้เวลาพอสมควร  จนล่วงเข้ามาถึง  2540
คาบเกี่ยวเข้าไปในรัฐบาลใหม่แต่ซวย ชื่อพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ

ผลปรากฏว่า รัฐบาลไทย แพ้การสู้ค่าเงิน โดนจอจดซรอส หอบเงิบกลับไป 40 พันล้าน
ประเทศไทยปี 2539 มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 39 พันล้าน
สู้ค่าเงินจนเข้า 2540 เงินทุนสำรองเหลือ 2.8 พันล้านครับ
ส่งผลให้ล่วงเข้าปี 2540 ประเทศไทย ติดลบ -18 พันล้านดอลล่า
พูดง่ายๆเข้าไปอีก จอส โซรอส ขนไป 40 พันล้านเหรีญ หรือราว 1 แสนล้านในขณะนั้น (25 บาท/USD)

2 กค. 2540 ชวลิต ประกาศปล่อยให้ค่าเงินเป็นไปตามตลาด
มันขึ้นไปแตะ 54 บาทต่อ USD ทันที ถ้าเอาเรทนี้คำนวน จอส โซรอส เอาเงินไป  2.16 แสนล้านบาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ช่วงนั้นมีเด็กๆที่ไปเรียนเมืองนอก ต้องหนีตายหลายคน เพราะพ่อแม่ส่งไม่ไหว บางคนต้องกลับเมืองไทย

พูดให้มันง่ายเข้าไปอีก ประชาธิปัตย์ออกนโยบายเอื้อแต่คนรวยเงินหนา จนเป็นผลให้ประเทศไทยเสียหาย 2.16 แสนล้านบ้าน
โปรดจดเข้าบัญชีหนังมาในใจของคนเสิ้อแดงด้วย 3 ปีของประชาธิปัตย์  2.16 แสนล้านบาทครับพี่น้อง

มีใครช่วยบอกผมหน่อย ว่าเรียกว่าล่มจมหรือยัง? แล้วน้ำมือใคร?
ใครเปิดประตูให้ศึกเข้าบ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา http://www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx?reportID=80&language=th



สมัยนั้นใครที่ร่วมยุคกับผม คงจำได้ว่า เราประหยัดกันทุกหัวระแหง
ตลาดเปิดท้ายที่เราเห็นตามถนน ตามมุมเมือง ก็เกิดขึ้นด้วยเหตุนี้  เช่นตลาดตะวันนาข้างเดอะมอลล์บางกะปิ เกิดขึ้นเพราะวิกฤตินี้
ผู้คนหาเงินยากมาก เลยเอาของเก่าของใช้ออกมาขาย พนักงานบริษัทหลายแสนชีวิตตกงานทันที เลยต้องดิ้นรนออกมาขายของ เพราะการสมัครงานนั้นเป็นเรื่องที่เกินจะคาดหวัง  มีคนฆ่าตัวตาย ขึ้นหน้าหนึ่งประจำ ถนนเลยเต้มไปด้วยแผงลอยนับแต่นั้น นักศึกาาก็พากันขายตัวทั้งชายหญิง เต็มไปหมด เพราะขัดสนเงินทอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ศิริวัฒน์ แซนวิช ก็เป็นตัวอย่างคนที่กู้ไปสร้างโครงการบ้านจัดสรร แต่ยังไม่ทันไร ประเทศก็ล่มจมลงไปก่อน เลยต้องมาทำแซนวิชขายอันละ 30 บาท ตอนนั้นเขาเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในแง่การให้แรงบันดาลใจของคนที่ไม่ยอมแพ้ จากเถ้าแก้หมู่บ้านจัดสรร มายืนทำแซนวิชขายข้างถนน ภาพที่เขายืนริมถนนแถวสีลมแล้วอุ้มกล่องแซนวิช  กลายเป็นภาพติดตาผู้คนจนทุกวันนี้
http://www.sirivatsandwich.com

ต่อมาครับ หลังสถาบันการเงินล่มสลาย บรรดาทรัพย์สินของสถาบันการเงินนั้นถูกยุบรวมกันไปอยู่ในรูป ปรส. มูลค่าประมาณ  8แสนล้านบาท  ต่อมาถูกนำไปประมุลขายในราคา 1.8 แสนล้านให้กับต่างขาติ ตัวเลขไม่ยืนยันนะครับ

คนเสื้อแดง จดเข้าไปอีกครับ
เงินหายไปจากน้ำมือประชาธิปัตย์อีกเท่าไหร่  บ้านนอกเราปี 40 มีแค่คนแก่และเด็ก  ธกส ไม่มีเงินให้กู้
สังคมล่มสลายลงไปยังไง ด้วยน้ำมือพรรคนี้ จดลงไปในบัญชีหนังหมาครับ

สิ่งที่ผมเขียน ให้ช่วยค้านที  ซักให้สะอาด
เราจะได้มีความจริงเอาไว้ยันกับพวกเด็กสมัยนี้ที่ไม่รู้ทันความชั่วร้ายในกาลก่อน

เวลาที่ประชาธิปัตย์พูดว่า ประชานิยมทักษินจะทำให้ชาติล่มจม
ผมก็ขอให้มันจมจริงๆสักทีเถอะ 10 ปีมานี้ คุณยังทำให้มันล่มจมไม่ได้เลยเหรอ
ช่วยทำให้ประเทศมันล่มจมลงไปจริงๆสักที จะได้เสมอกับประชาธิปัตย์ ที่เคยทำไว้

ใครอยากรู้เต็มๆ เชิญนี่ครับ จาก TDRI
รายงานผลการวิเคราะห์และวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจ, เสนอโดย คณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.) ฉบับพิมพ์ซ้ำครั้งที่สี่
http://tdri.or.th/wp-content/uploads/2013/02/PO3.pdf

ชวนอ่านเพิ่มเติม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://bordeure.wordpress.com/tag/%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%88-%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AA/

http://webboard.news.sanook.com/forum/print_3548912__quot_BIBF_%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2540___!!!!_quot_%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99_1.html

http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.ppantip.com/cafe/sinthorn/topic/I1905964/I1905964.html

http://www.ismed.or.th/SME2/src/upload/knowledge/117144084445d2c4cc35fdb.pdf

http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%B5_2540

http://www.efai.or.th/theoil/theoil02.htm