ไม่รู้คนอื่นจะมีนิสัยชอบเ(สื)ผือกเรื่องคนอื่นบนถนนรึเปล่า เผือกที่ว่าไม่ได้หมายถึงไปกวนหรือไปเผือกอะไรไม่ดีกะเค้า แต่ไปเผือกเพราะอยากช่วยเหลือคนที่เราพอจะช่วยอะไรได้บ้างโดยที่เราก็ไม่ได้เสี่ยงอันตรายอะไรและไม่ได้คิดว่าเท่ แต่คิดว่าอย่างน้อยเราก็มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมทางบ้าง ซึ่งเรื่องที่จะเล่าก็เป็นเรื่องที่ผมได้ประสบบนถนนกรุงเทพที่รถติดยิ่งกว่าตังเมเสียอีก โดยเรื่องที่ได้ไปเผือกชาวบ้านเค้าก็มีเรื่องต่างๆดังนี้
1. เผือกคนชอบลืมเปิดไฟรถตอนกลางคืน
- ปกติแล้วผมจะเลิกงานดึก(?) คือช่วง 1-2 ทุ่มจะเลิกงานและขับรถกลับบ้านในระยะทางที่ไม่ไกลเท่าไหร่ (20โลได้) ครั้งแรกที่ผมได้เผือกกับคนเหล่านี้คือช่วงข้ามสะพานตากสินมา ซึ่งเส้นตากสินฝั่งธนตรงใต้บีทีเอสไม่รู้เป็นอะไรทำไมบางวันถึงไม่เปิดไฟข้างถนน วันนั้นก็เป็นวันที่ไม่ได้เปิดไฟ ขณะที่กำลังวิ่งขวาเอื่อยๆตามรถข้างหน้าด้วยความเร็วประมาณ 60-80 มองกระจกหลังเห็นเงาตะคุ่มๆ ซึ่งสังเกตุเห็นได้ว่าเป็นรถคันหนึ่งที่ไม่ได้เปิดไฟรถ ก็เกิดอาการอยากเผือกขึ้นมาทันที จึงได้ทำการเข้าเลนกลางเพื่อปล่อยให้รถคันนั้นแซงขึ้นไปแล้วผมก็เข้าเลนขวาต่อท้ายตามหลังเพื่อไล่ชน เอ๊ยไม่ใช่ เพื่อขอเผือกเรื่องชาวบ้าน ซึ่งผมได้สังเกตุแล้วว่ารถคันข้างหน้าซึ่งเป็นวีออสนั้นไฟท้ายก็ไม่ติด ไฟหน้าก็ไม่ติด แสดงว่าลืมเปิดไฟแน่นอน ก็เลยจัดการติ๊บไฟสูงใส่แล้วก็เปิดปิดไฟหน้ารถตัวเองเพื่อให้เค้ารู้ว่าเค้าต้องเปิดไฟ ... ลองครั้งแรกยังนิ่ง ก็เลยจัดไปอีกรอบก็ยังนิ่ง แถมวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม (สงสัยคิดว่าไปติ๊บไฟให้เร่งเร็วๆ
) ก็เลยเร่งตามไปอีกนิดพร้อมกับติ๊บไฟสูงและเปิดปิดไฟอีกรอบให้เห็น คราวนี้ได้ผลวีออสคันนั้นสังเกตุเห็นและทำการเปิดไฟรถแล้ว จากนั้นผมก็เลยขับตามปกติ เผือกสำเร็จไปหนึ่ง
ครั้งที่สอง เนื่องจากเส้นที่ผมต้องขับผ่านนั้น จะค่อนข้างติดบางวันและบางวันก็ไม่ติด แต่ถ้าติดนี่ก็ติดโคดๆ โดยเฉพาะเส้นสาทรก่อนขึ้นสะพานตากสินที่คุณตำรวจชอบกักรถไว้นานๆ มีวันหนึ่งขณะวิ่งอยู่ที่เส้นนั้น ผมซึ่งชอบขับมองกระจกหลังบ้าง กระจกข้างบ้างเพราะชอบระวังรถหรืออะไรรอบๆรถเรา ได้ขับอยู่เลนกลางของถนน และบังเอิญมองกระจกข้างขวาไปเห็นรถแคมรีคันนึงไม่ได้เปิดไฟ ต่อมเผือกเริ่มทำงานอีกครั้ง จังหวะที่รถแคมรี่คันนั้นวิ่งแซงไปทางขวาผมก็เปิดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเลนเข้าขวาตามหลังแคมรีทันที พยายามติ๊บไฟใส่แล้วก็เปิดปิดไฟเผื่อเค้าจะมองเห็นแบบคันแรก แต่ทำไปหลายครั้งก็ยังไม่สังเกตุเห็น จนกระทั่งรถจอดติดไฟแดงที่ชอบแดงประมาณ 5-10 นาที ใจหนึ่งอยากลงจากรถเดินไปบอกคนขับ แต่อีกใจหนึ่งก็กล้าๆกลัวๆ แต่ก็คิดได้ว่าขับรถกลางคืนไม่เปิดไฟมันอันตรายอาจะเกิดอุบัติเหตุได้ และเราไปช่วยเค้าอย่างน้อยก็ถือว่าเราทำดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ เลยจัดการลงจากรถเดินไปที่แคมรีคันข้างหน้าที่ฝั่งคนขับ โดยคนขับนั้นเป็นผู้หญิง ผมทำการเคาะกระจก คนขับมองมาแล้วทำหน้าตกใจ
ผมเองก็ตกใจไปด้วย
เพรากลัวเค้าจะคิดว่าเรามาร้าย แต่พอตั้งสติได้ก็ได้พยายามขยับปากพูดบอกว่า "คุณลืมเปิดไฟ" พร้อมกับทำมือประกอบ แต่คนขับก็ยังทำหน้างงๆ
ก็เลยชี้ไปที่ไฟหน้ารถให้เค้าเห็น พอเค้าเห็นแล้วว่าลืมเปิดไฟก็ยกมือขอบคุณผม ผมคิดในใจ "เกือบเงิบแล้วกรู
"
นี่เป็นสองครั้งที่ผมได้ไปเผือกกับคนเหล่านั้น
2. พวกไฟท้ายรถเสีย
- พวกไฟท้ายรถเสียจะเจอบ่อยและเจ้าของรถไม่รู้เลยเพราะไฟมันอยู่ข้างหลัง โดยส่วนมากที่ผมเจอและสังเกตุเห็นมักจะเป็นทางที่เป็นถนนใหญ่ 3-4 เลนอะไรแบบนี้ ซึ่งแน่นอนขับตามรถพวกนี้ก็อันตรายเพราะกว่าเราจะรู้ว่ารถข้างหน้าเบรคก็คือระยะระหว่างรถมันลดระยะเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดการเสยท้ายได้ ผมเองก็อยากเผือกคนพวกนี้แต่เนื่องจากจังหวะไม่ได้และมันอันตรายและบอกให้รู้จากสัญญาณไฟรถเราไม่ได้เลย จึงไม่มีโอกาส จนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาช่วงเช้าขณะขับรถไปทำงานตอน 6-7 โมง ได้เจอรถกระบะที่ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์คันหนึ่ง ไฟเบรคเสียและผมละกลัวจะมีคนเสยท้ายพี่แกจริงๆ ผมสังเกตุเห็นว่ารถคันนั้นติดป้ายโฆษณาของร้านซักอบรีดร้านหนึ่ง เบอร์ xxx และอีกป้ายหนึ่งเขียนว่า "ขับรถไม่สุภาพติดต่อ yyyy" เห็นดังนี้เลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะพิมพ์ SMS ไปบอกเจ้าของร้านหรือเจ้าของรถว่ารถไฟเบรคเสีย แต่ไม่รู้ว่ามีสองเบอร์จะเอาเบอร์ไหนดีเลยตัดสินใจเอาเบอร์ yyyy ละกัน ก็ทำการพิมพ์ไปบอก
"รถไฟเบรคเสีย ลองตรวจสอบด้วยนะครับ"......
หลังจากพิมพ์ไปก็หวังว่าเค้าคงจะรู้และไปซ่อมมันซะ ก็ขับไปเรื่อยๆจนถึงที่จอดรถ จอดได้สักแปปเบอร์ yyyy ก็โทรมา
ผมก็เลยกดรับ ที่ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายลึกลับ : พอดีได้รับข้อความมาว่าไฟเบรถรถเสีย ไฟท้ายรถคันไหนเหรอครับ
ผม : รถกระบะอะครับที่ไฟเบรคเสีย
ผู้ชายลึกลับ : รถกระบะคันไหนครับ
ผม : คันที่มีป้ายเขียนว่าซักอบรีดครับ
ผู้ชายลึกลับ : เอ๊ะ ผมไม่มีรถคันนั้นนะครับ แล้วรถที่มีตอนนี้ทุกคันก็จอดอยู่ที่บ้าน
ผม : .....(คิดในใจ เงิบแล้วสิกรู
)
ผม : อ้อ ขอโทดทีครับ พอดีผมเห็นเบอร์นี้ติดอยู่ที่รถ เลยคิดว่าเป็นเบอร์เจ้าของรถก็เลยอยากจะเตือนเค้าว่าไฟเบรคเสีย ขอโทษด้วยครับ
ผู้ชายลึกลับ : ครับๆ
จบบทสนทนาพร้อมกับความเงิบที่อยากจะเผือกช่วยแต่มันดันแปะเบอร์โทรใครไม่รู้ เผือกไม่สำเร็จ
(แต่ครั้งหน้าถ้าเจอรถแบบนี้อีกก็จะเผือกอีกรอบ
)
3. พวกที่ต้องการออกจากซอย
- กรณีนี้ผมเจอตอนเช้าที่ถนน 4 เลยคือแบ่งฝั่งละสองเลน ซึ่งสองเลนขาไปเนี่ยช่วง 7 โมงไปรถจะติดยาวมากกว่า 500 เมตรได้ ส่วนอีกฝั่งรถโล่งไม่มีเลย ซึ่งระหว่างที่รถกำลังขยับแบบหอยทากอยู่ ข้างหน้ารถหยุดเพราะไฟแดง ผมที่อยู่เลนขวาสุดก็หยุดตรงหน้าซอยและเว้นช่องให้รถเข้าออกซอยได้ เพราะผมไม่ชอบขับขวางไปปิดทางรถคนอื่นทั้งๆที่รถเราก็ติดไฟแดงไปไหนไม่ได้อยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าจะขยับไปอีก 2-3 เมตรเพื่อทำคนอื่น(คนที่จะเข้าออกซอย)ให้ลำบากกับเราทำไม (คันซ้ายก็คิดเหมือนกันก็เลยจอดเว้นช่องหน้าซอยด้วย
) และก็ตามคาดมีรถออกจากซอย พยายามจะออกไปเลนที่ว่างอีกฝั่งแต่เนื่องจากรถที่ติดยาวเหยีดทำให้เจ้าของรถนั้นมองไม่เห็นว่ามีรถวิ่งมาอีกฝั่งหรือไม่ ผมเองซึ่งอยู่เลนขวาสุดซึ่งสามารถเอียงหัวดูได้อยู่แล้วว่ารถอีกฝั่งโล่งหรือไม่โล่ง ก็เลยผือกช่วยเค้าไปนิดๆด้วยการชะโงกมองรถให้ว่าโล่งและทำมือให้สัญญาณเค้าว่าออกมาจากซอยได้ คนขับรถคันนั้นเห็นก็พยักหัวพร้อมพูดขอบคุณและค่อยๆขับรถออกมาก นี่ถ้าเค้าไม่กล้าขับออกมาว่าจะลงจากรถไปช่วยโบกเลยนะเนี่ย
ไม่รุ้ทำไมผมชอบเผือกคนเหล่านี้จัง และก็คิดว่าถ้าเจอคนเดือดร้อนหรืออะไรแบบนี้อีกก็คิดจะยังเผือกต่อไป แม้จะเงิบบ้างก็ตาม (ฮา) ใครอยากเผือกก็สามารถลอกเลียนแบบได้ครับ ไม่หวงห้าม แต่ก็ดูสถานการณ์ด้วยว่าควรเผือกหรือไม่ เพราะถ้าอย่างไปเจอรถจอดข้างทางเปลี่ยวๆก็คงไม่ไปเผือกตัวต่อตัวเหมือนกันเพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ ยังไงก็ระมัดระวังตัวเองเป็นสำคัญก่อนถ้าคิดจะเผือกนะครับ ด้วยความหวังดีจากคนหนึ่งที่ชอบเผือก
เรื่องเล่าบนถนน เรื่องของคนชอบเผือก
1. เผือกคนชอบลืมเปิดไฟรถตอนกลางคืน
- ปกติแล้วผมจะเลิกงานดึก(?) คือช่วง 1-2 ทุ่มจะเลิกงานและขับรถกลับบ้านในระยะทางที่ไม่ไกลเท่าไหร่ (20โลได้) ครั้งแรกที่ผมได้เผือกกับคนเหล่านี้คือช่วงข้ามสะพานตากสินมา ซึ่งเส้นตากสินฝั่งธนตรงใต้บีทีเอสไม่รู้เป็นอะไรทำไมบางวันถึงไม่เปิดไฟข้างถนน วันนั้นก็เป็นวันที่ไม่ได้เปิดไฟ ขณะที่กำลังวิ่งขวาเอื่อยๆตามรถข้างหน้าด้วยความเร็วประมาณ 60-80 มองกระจกหลังเห็นเงาตะคุ่มๆ ซึ่งสังเกตุเห็นได้ว่าเป็นรถคันหนึ่งที่ไม่ได้เปิดไฟรถ ก็เกิดอาการอยากเผือกขึ้นมาทันที จึงได้ทำการเข้าเลนกลางเพื่อปล่อยให้รถคันนั้นแซงขึ้นไปแล้วผมก็เข้าเลนขวาต่อท้ายตามหลังเพื่อไล่ชน เอ๊ยไม่ใช่ เพื่อขอเผือกเรื่องชาวบ้าน ซึ่งผมได้สังเกตุแล้วว่ารถคันข้างหน้าซึ่งเป็นวีออสนั้นไฟท้ายก็ไม่ติด ไฟหน้าก็ไม่ติด แสดงว่าลืมเปิดไฟแน่นอน ก็เลยจัดการติ๊บไฟสูงใส่แล้วก็เปิดปิดไฟหน้ารถตัวเองเพื่อให้เค้ารู้ว่าเค้าต้องเปิดไฟ ... ลองครั้งแรกยังนิ่ง ก็เลยจัดไปอีกรอบก็ยังนิ่ง แถมวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม (สงสัยคิดว่าไปติ๊บไฟให้เร่งเร็วๆ) ก็เลยเร่งตามไปอีกนิดพร้อมกับติ๊บไฟสูงและเปิดปิดไฟอีกรอบให้เห็น คราวนี้ได้ผลวีออสคันนั้นสังเกตุเห็นและทำการเปิดไฟรถแล้ว จากนั้นผมก็เลยขับตามปกติ เผือกสำเร็จไปหนึ่ง
ครั้งที่สอง เนื่องจากเส้นที่ผมต้องขับผ่านนั้น จะค่อนข้างติดบางวันและบางวันก็ไม่ติด แต่ถ้าติดนี่ก็ติดโคดๆ โดยเฉพาะเส้นสาทรก่อนขึ้นสะพานตากสินที่คุณตำรวจชอบกักรถไว้นานๆ มีวันหนึ่งขณะวิ่งอยู่ที่เส้นนั้น ผมซึ่งชอบขับมองกระจกหลังบ้าง กระจกข้างบ้างเพราะชอบระวังรถหรืออะไรรอบๆรถเรา ได้ขับอยู่เลนกลางของถนน และบังเอิญมองกระจกข้างขวาไปเห็นรถแคมรีคันนึงไม่ได้เปิดไฟ ต่อมเผือกเริ่มทำงานอีกครั้ง จังหวะที่รถแคมรี่คันนั้นวิ่งแซงไปทางขวาผมก็เปิดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเลนเข้าขวาตามหลังแคมรีทันที พยายามติ๊บไฟใส่แล้วก็เปิดปิดไฟเผื่อเค้าจะมองเห็นแบบคันแรก แต่ทำไปหลายครั้งก็ยังไม่สังเกตุเห็น จนกระทั่งรถจอดติดไฟแดงที่ชอบแดงประมาณ 5-10 นาที ใจหนึ่งอยากลงจากรถเดินไปบอกคนขับ แต่อีกใจหนึ่งก็กล้าๆกลัวๆ แต่ก็คิดได้ว่าขับรถกลางคืนไม่เปิดไฟมันอันตรายอาจะเกิดอุบัติเหตุได้ และเราไปช่วยเค้าอย่างน้อยก็ถือว่าเราทำดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ เลยจัดการลงจากรถเดินไปที่แคมรีคันข้างหน้าที่ฝั่งคนขับ โดยคนขับนั้นเป็นผู้หญิง ผมทำการเคาะกระจก คนขับมองมาแล้วทำหน้าตกใจ ผมเองก็ตกใจไปด้วย เพรากลัวเค้าจะคิดว่าเรามาร้าย แต่พอตั้งสติได้ก็ได้พยายามขยับปากพูดบอกว่า "คุณลืมเปิดไฟ" พร้อมกับทำมือประกอบ แต่คนขับก็ยังทำหน้างงๆ ก็เลยชี้ไปที่ไฟหน้ารถให้เค้าเห็น พอเค้าเห็นแล้วว่าลืมเปิดไฟก็ยกมือขอบคุณผม ผมคิดในใจ "เกือบเงิบแล้วกรู"
นี่เป็นสองครั้งที่ผมได้ไปเผือกกับคนเหล่านั้น
2. พวกไฟท้ายรถเสีย
- พวกไฟท้ายรถเสียจะเจอบ่อยและเจ้าของรถไม่รู้เลยเพราะไฟมันอยู่ข้างหลัง โดยส่วนมากที่ผมเจอและสังเกตุเห็นมักจะเป็นทางที่เป็นถนนใหญ่ 3-4 เลนอะไรแบบนี้ ซึ่งแน่นอนขับตามรถพวกนี้ก็อันตรายเพราะกว่าเราจะรู้ว่ารถข้างหน้าเบรคก็คือระยะระหว่างรถมันลดระยะเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดการเสยท้ายได้ ผมเองก็อยากเผือกคนพวกนี้แต่เนื่องจากจังหวะไม่ได้และมันอันตรายและบอกให้รู้จากสัญญาณไฟรถเราไม่ได้เลย จึงไม่มีโอกาส จนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาช่วงเช้าขณะขับรถไปทำงานตอน 6-7 โมง ได้เจอรถกระบะที่ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์คันหนึ่ง ไฟเบรคเสียและผมละกลัวจะมีคนเสยท้ายพี่แกจริงๆ ผมสังเกตุเห็นว่ารถคันนั้นติดป้ายโฆษณาของร้านซักอบรีดร้านหนึ่ง เบอร์ xxx และอีกป้ายหนึ่งเขียนว่า "ขับรถไม่สุภาพติดต่อ yyyy" เห็นดังนี้เลยรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะพิมพ์ SMS ไปบอกเจ้าของร้านหรือเจ้าของรถว่ารถไฟเบรคเสีย แต่ไม่รู้ว่ามีสองเบอร์จะเอาเบอร์ไหนดีเลยตัดสินใจเอาเบอร์ yyyy ละกัน ก็ทำการพิมพ์ไปบอก
"รถไฟเบรคเสีย ลองตรวจสอบด้วยนะครับ"......
หลังจากพิมพ์ไปก็หวังว่าเค้าคงจะรู้และไปซ่อมมันซะ ก็ขับไปเรื่อยๆจนถึงที่จอดรถ จอดได้สักแปปเบอร์ yyyy ก็โทรมา ผมก็เลยกดรับ ที่ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายลึกลับ : พอดีได้รับข้อความมาว่าไฟเบรถรถเสีย ไฟท้ายรถคันไหนเหรอครับ
ผม : รถกระบะอะครับที่ไฟเบรคเสีย
ผู้ชายลึกลับ : รถกระบะคันไหนครับ
ผม : คันที่มีป้ายเขียนว่าซักอบรีดครับ
ผู้ชายลึกลับ : เอ๊ะ ผมไม่มีรถคันนั้นนะครับ แล้วรถที่มีตอนนี้ทุกคันก็จอดอยู่ที่บ้าน
ผม : .....(คิดในใจ เงิบแล้วสิกรู)
ผม : อ้อ ขอโทดทีครับ พอดีผมเห็นเบอร์นี้ติดอยู่ที่รถ เลยคิดว่าเป็นเบอร์เจ้าของรถก็เลยอยากจะเตือนเค้าว่าไฟเบรคเสีย ขอโทษด้วยครับ
ผู้ชายลึกลับ : ครับๆ
จบบทสนทนาพร้อมกับความเงิบที่อยากจะเผือกช่วยแต่มันดันแปะเบอร์โทรใครไม่รู้ เผือกไม่สำเร็จ (แต่ครั้งหน้าถ้าเจอรถแบบนี้อีกก็จะเผือกอีกรอบ)
3. พวกที่ต้องการออกจากซอย
- กรณีนี้ผมเจอตอนเช้าที่ถนน 4 เลยคือแบ่งฝั่งละสองเลน ซึ่งสองเลนขาไปเนี่ยช่วง 7 โมงไปรถจะติดยาวมากกว่า 500 เมตรได้ ส่วนอีกฝั่งรถโล่งไม่มีเลย ซึ่งระหว่างที่รถกำลังขยับแบบหอยทากอยู่ ข้างหน้ารถหยุดเพราะไฟแดง ผมที่อยู่เลนขวาสุดก็หยุดตรงหน้าซอยและเว้นช่องให้รถเข้าออกซอยได้ เพราะผมไม่ชอบขับขวางไปปิดทางรถคนอื่นทั้งๆที่รถเราก็ติดไฟแดงไปไหนไม่ได้อยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าจะขยับไปอีก 2-3 เมตรเพื่อทำคนอื่น(คนที่จะเข้าออกซอย)ให้ลำบากกับเราทำไม (คันซ้ายก็คิดเหมือนกันก็เลยจอดเว้นช่องหน้าซอยด้วย) และก็ตามคาดมีรถออกจากซอย พยายามจะออกไปเลนที่ว่างอีกฝั่งแต่เนื่องจากรถที่ติดยาวเหยีดทำให้เจ้าของรถนั้นมองไม่เห็นว่ามีรถวิ่งมาอีกฝั่งหรือไม่ ผมเองซึ่งอยู่เลนขวาสุดซึ่งสามารถเอียงหัวดูได้อยู่แล้วว่ารถอีกฝั่งโล่งหรือไม่โล่ง ก็เลยผือกช่วยเค้าไปนิดๆด้วยการชะโงกมองรถให้ว่าโล่งและทำมือให้สัญญาณเค้าว่าออกมาจากซอยได้ คนขับรถคันนั้นเห็นก็พยักหัวพร้อมพูดขอบคุณและค่อยๆขับรถออกมาก นี่ถ้าเค้าไม่กล้าขับออกมาว่าจะลงจากรถไปช่วยโบกเลยนะเนี่ย
ไม่รุ้ทำไมผมชอบเผือกคนเหล่านี้จัง และก็คิดว่าถ้าเจอคนเดือดร้อนหรืออะไรแบบนี้อีกก็คิดจะยังเผือกต่อไป แม้จะเงิบบ้างก็ตาม (ฮา) ใครอยากเผือกก็สามารถลอกเลียนแบบได้ครับ ไม่หวงห้าม แต่ก็ดูสถานการณ์ด้วยว่าควรเผือกหรือไม่ เพราะถ้าอย่างไปเจอรถจอดข้างทางเปลี่ยวๆก็คงไม่ไปเผือกตัวต่อตัวเหมือนกันเพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ ยังไงก็ระมัดระวังตัวเองเป็นสำคัญก่อนถ้าคิดจะเผือกนะครับ ด้วยความหวังดีจากคนหนึ่งที่ชอบเผือก