พี่สาวมีอาการแบบว่า เหมือนมีคนคอยตาม มีเครื่องดักฟังติดอยู่ในบ้านและในรถ คิดว่าทุกคนพูดเรื่องเค้านินทาเค้า
ซึ่งอาการเหล่านี้เคยรักษาไปแล้วหนึ่งรอบจนหายไป แล้วพี่สาวก็บอกว่าหมอบอกว่าจบคอร์สการรักษาแล้ว ซึ่งไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนเพราะปกติแม่จะไปกับพี่สาวแต่ครั้งที่หมอบอกมาอย่างนี้ คุญแม่ป่วยหนักไปด้วยไม่ไหวแล้ว แต่ก็เห็นว่าเค้าอาการดีนะไม่เห็นมีอาการหลอนอีก
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาคุณแม่เสีย และช่วงกลางปีพี่สาวก็ไปรับปริญญาซึ่งการไปรับปริญญาเค้าเครียดมากเพราะเหมือนเค้ามีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ทำให้เค้าเล่าตลอดเวลาที่เค้าไปรับปริญญาว่าคนนู้นพูดถึงเค้าคนนี้พูดถึงเค้า จนทำให้อาการเค้ากำเริบอีกคือ มีเครื่องดักฟังในบ้าน มีคนมาค้นบ้าน โดยที่บ้านซึ่งเหลือแต่พ่อกับผมนั้นก็ใช้เวลาพูดกล่อมนานมากกว่าจะยอมไปรักษาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาการก็ดีมาเรื่อยๆตามลำดับเมื่อรักษาไปได้ระยะหนึ่ง
แต่แล้วเค้าก็กลับไม่ยอมไปรักษาต่อโดยเค้าอ้างว่าเค้าเชื่อว่าเค้าหายได้เอง ยาไม่ได้ช่วยให้เค้าหาย โดยตอนนี้ที่บ้านก็ไม่รู้ว่าเค้าหยุดยามานานเท่าไหร่แล้ว
ทำให้ตอนนี้เค้าเริ่มหวาดระแวงว่ามีคนตามและหนักสุดคือวันนี้ เค้าพูดในรถที่มีเราสามคนพ่อลูก พูดเหมือนมีเครื่องดักฟังในรถกับพูดใครก็ไม่รู้ บอกว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ แน่จริงส่งหมายศาลมาค้นที่บ้านเลย เราก็ถามเค้าว่าเค้าพูดกับใครเค้าก็ไม่ยอมบอก พอบอกเค้าว่าให้ไปรักษาอาการมันแย่ลงแล้วนะเค้าก็ไม่ฟัง และยังโมโหอีก
แต่เค้าก็เหมือนรู้ตัวนะว่าเค้าน่ะไม่ปกติมีอาการทางจิตแต่เค้าก็ไม่ยอมไปรักษา
ตอนนี้ก็สงสารแต่พ่อครับเพราะว่าอยู่กับเค้าทุกวัน ส่วนผมเรียนอยู่ตจวกลับบ้านอาทิตย์ละสองครั้ง ก็ไม่รู้จะพูดกล่อมยังไงให้เค้ายอมไปรักษาตัวอีก
อย่างนี้ถ้าปล่อยไว้เรื่อยๆไม่รักษานี่พี่สาวเค้าจะอาการถึงขั้นไหนครับ จะถึงขั้นคุยไม่รู้เรื่องเลยไหม
หรือว่ามีวิธีอะไรดีๆไหมครับที่จะให้เค้ายอมไปรักษา
แล้วโรงพยาบาลมนารมย์นี่ดีไหมครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบบนะครับ กลับบ้านทีไรก็เครียดทุกทีเพราะพี่สาวอาการแย่ลงทุกครั้งแต่ก็ไม่ยอมกลับไปรักษา
เรื่องแบบนี้จะพูดกับคนนอกก็ไม่ได้เพราะก็กลัวพี่สาวจะเสียชื่อเสียงอีก คุยกันในบ้านก็ไม่จบ
พี่สาวมีอาการทางจิตเภทไปรักษาจนดีขึ้น แล้วก็ไม่ยอมไปรักษาต่อ
ซึ่งอาการเหล่านี้เคยรักษาไปแล้วหนึ่งรอบจนหายไป แล้วพี่สาวก็บอกว่าหมอบอกว่าจบคอร์สการรักษาแล้ว ซึ่งไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนเพราะปกติแม่จะไปกับพี่สาวแต่ครั้งที่หมอบอกมาอย่างนี้ คุญแม่ป่วยหนักไปด้วยไม่ไหวแล้ว แต่ก็เห็นว่าเค้าอาการดีนะไม่เห็นมีอาการหลอนอีก
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาคุณแม่เสีย และช่วงกลางปีพี่สาวก็ไปรับปริญญาซึ่งการไปรับปริญญาเค้าเครียดมากเพราะเหมือนเค้ามีความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ทำให้เค้าเล่าตลอดเวลาที่เค้าไปรับปริญญาว่าคนนู้นพูดถึงเค้าคนนี้พูดถึงเค้า จนทำให้อาการเค้ากำเริบอีกคือ มีเครื่องดักฟังในบ้าน มีคนมาค้นบ้าน โดยที่บ้านซึ่งเหลือแต่พ่อกับผมนั้นก็ใช้เวลาพูดกล่อมนานมากกว่าจะยอมไปรักษาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาการก็ดีมาเรื่อยๆตามลำดับเมื่อรักษาไปได้ระยะหนึ่ง
แต่แล้วเค้าก็กลับไม่ยอมไปรักษาต่อโดยเค้าอ้างว่าเค้าเชื่อว่าเค้าหายได้เอง ยาไม่ได้ช่วยให้เค้าหาย โดยตอนนี้ที่บ้านก็ไม่รู้ว่าเค้าหยุดยามานานเท่าไหร่แล้ว
ทำให้ตอนนี้เค้าเริ่มหวาดระแวงว่ามีคนตามและหนักสุดคือวันนี้ เค้าพูดในรถที่มีเราสามคนพ่อลูก พูดเหมือนมีเครื่องดักฟังในรถกับพูดใครก็ไม่รู้ บอกว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ แน่จริงส่งหมายศาลมาค้นที่บ้านเลย เราก็ถามเค้าว่าเค้าพูดกับใครเค้าก็ไม่ยอมบอก พอบอกเค้าว่าให้ไปรักษาอาการมันแย่ลงแล้วนะเค้าก็ไม่ฟัง และยังโมโหอีก
แต่เค้าก็เหมือนรู้ตัวนะว่าเค้าน่ะไม่ปกติมีอาการทางจิตแต่เค้าก็ไม่ยอมไปรักษา
ตอนนี้ก็สงสารแต่พ่อครับเพราะว่าอยู่กับเค้าทุกวัน ส่วนผมเรียนอยู่ตจวกลับบ้านอาทิตย์ละสองครั้ง ก็ไม่รู้จะพูดกล่อมยังไงให้เค้ายอมไปรักษาตัวอีก
อย่างนี้ถ้าปล่อยไว้เรื่อยๆไม่รักษานี่พี่สาวเค้าจะอาการถึงขั้นไหนครับ จะถึงขั้นคุยไม่รู้เรื่องเลยไหม
หรือว่ามีวิธีอะไรดีๆไหมครับที่จะให้เค้ายอมไปรักษา
แล้วโรงพยาบาลมนารมย์นี่ดีไหมครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบบนะครับ กลับบ้านทีไรก็เครียดทุกทีเพราะพี่สาวอาการแย่ลงทุกครั้งแต่ก็ไม่ยอมกลับไปรักษา
เรื่องแบบนี้จะพูดกับคนนอกก็ไม่ได้เพราะก็กลัวพี่สาวจะเสียชื่อเสียงอีก คุยกันในบ้านก็ไม่จบ