Bong Joon-ho นี่มัน Bong Joon-ho จริงๆ...
ตอนทำหนังสืบสวนสอบสวน (Memories of Murder, Mother) หรือหนังสัตว์ประหลาดบุกเมือง (The Host) ยังออกมาแนวเกินชาวบ้านชาวช่องได้เสียขนาดนั้น พอถึงคราวต้องหันมาจับงานหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ที่มีทีมนักแสดงเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวเสียเกินครึ่งก็ไม่ได้ทำให้อีตานี่สูญเสียความเป็นตัวเองไปเลยแม้แต่นิดเดียวเช่นกัน(ต่างจากเพื่อนร่วมวงการอย่าง Park Chan-wook หรือ Kim Jee-woon ที่พอโกอินเตอร์ไปทำหนังฮอลลีวู้ดแล้วเหมือนยอม Americanize ตัวเอง) แม้แต่พล็อตเรื่องแนวความขัดแย้งระหว่างชนชั้นที่ก็มีให้เห็นกันมาจนเกร่อแล้วในหนัง Sci-Fi โลกอนาคตจำพวกนี้(ล่าสุดก็ไม่ต้องไปมองหาที่ไหนไกล พวกหนังอย่าง The Hunger Games, Elysium นี่แหละใช่เลย)ก็ยังออกมาสดใหม่ไม่เหมือนใครได้เมื่อมาอยู่ในมือของเขา
โมเมนต์ WTF ของหนังเรื่องนี้มันเยอะมาก ยิ่งดูไปก็ยิ่งอึ้งกิมกี่กับลูกบ้า + อารมณ์ขันร้ายๆผิดมนุษย์มนาของหนัง แต่ในขณะเดียวกันมันก็เพราะโมเมนต์ WTF พวกนี้นี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้ผ่านมาตรฐาน ISO เป็นหนังของ Bong Joon-ho อย่างแท้จริง ฉากสวัสดีปีใหม่หรือฉากแดรกซูชิ(หรือเอาจริงๆคือทุกฉากที่มีเจ้าป้า Tilda Swinton อยู่ด้วย)นี่ก็ว่าเหวอแล้วนะ แต่พอมาเจอฉากที่ Chris Evans เล่าปูมหลังของตัวเองให้ Song Kang-ho ฟังตอนท้ายเรื่องเข้าไปนี่อ้าปากค้างเลย...
ใครที่ตีตั๋วเข้ามาดูหนังเรื่องนี้เพราะหวังว่าจะได้ดูหนังแอ็คชั่น Sci-Fi ระเบิดระเบ้อคงได้แต่เหวอแดรกกันไปตามๆกัน(เพราะงี้แหละมั้ง อีตา Harvey Weinstein ถึงได้อยากสั่งตัดหนังเรื่องนี้สำหรับเข้าฉายในอเมริกานัก) แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังของ Bong Joon-ho แล้วก็คงจะไม่มีผิดหวังเพราะเอกลักษณ์ความเป็นหนังของเจ้าตัวยังอยู่ครบ
8.5/10
ฝากเพจด้วยนะครับ
>>>
https://www.facebook.com/appleoneoone
[CR] Snowpiercer (2013) ...เมื่อ Bong Joon-ho (Memories of Murder, The Host) ทำหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์
Bong Joon-ho นี่มัน Bong Joon-ho จริงๆ...
ตอนทำหนังสืบสวนสอบสวน (Memories of Murder, Mother) หรือหนังสัตว์ประหลาดบุกเมือง (The Host) ยังออกมาแนวเกินชาวบ้านชาวช่องได้เสียขนาดนั้น พอถึงคราวต้องหันมาจับงานหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ที่มีทีมนักแสดงเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวเสียเกินครึ่งก็ไม่ได้ทำให้อีตานี่สูญเสียความเป็นตัวเองไปเลยแม้แต่นิดเดียวเช่นกัน(ต่างจากเพื่อนร่วมวงการอย่าง Park Chan-wook หรือ Kim Jee-woon ที่พอโกอินเตอร์ไปทำหนังฮอลลีวู้ดแล้วเหมือนยอม Americanize ตัวเอง) แม้แต่พล็อตเรื่องแนวความขัดแย้งระหว่างชนชั้นที่ก็มีให้เห็นกันมาจนเกร่อแล้วในหนัง Sci-Fi โลกอนาคตจำพวกนี้(ล่าสุดก็ไม่ต้องไปมองหาที่ไหนไกล พวกหนังอย่าง The Hunger Games, Elysium นี่แหละใช่เลย)ก็ยังออกมาสดใหม่ไม่เหมือนใครได้เมื่อมาอยู่ในมือของเขา
โมเมนต์ WTF ของหนังเรื่องนี้มันเยอะมาก ยิ่งดูไปก็ยิ่งอึ้งกิมกี่กับลูกบ้า + อารมณ์ขันร้ายๆผิดมนุษย์มนาของหนัง แต่ในขณะเดียวกันมันก็เพราะโมเมนต์ WTF พวกนี้นี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้ผ่านมาตรฐาน ISO เป็นหนังของ Bong Joon-ho อย่างแท้จริง ฉากสวัสดีปีใหม่หรือฉากแดรกซูชิ(หรือเอาจริงๆคือทุกฉากที่มีเจ้าป้า Tilda Swinton อยู่ด้วย)นี่ก็ว่าเหวอแล้วนะ แต่พอมาเจอฉากที่ Chris Evans เล่าปูมหลังของตัวเองให้ Song Kang-ho ฟังตอนท้ายเรื่องเข้าไปนี่อ้าปากค้างเลย...
ใครที่ตีตั๋วเข้ามาดูหนังเรื่องนี้เพราะหวังว่าจะได้ดูหนังแอ็คชั่น Sci-Fi ระเบิดระเบ้อคงได้แต่เหวอแดรกกันไปตามๆกัน(เพราะงี้แหละมั้ง อีตา Harvey Weinstein ถึงได้อยากสั่งตัดหนังเรื่องนี้สำหรับเข้าฉายในอเมริกานัก) แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังของ Bong Joon-ho แล้วก็คงจะไม่มีผิดหวังเพราะเอกลักษณ์ความเป็นหนังของเจ้าตัวยังอยู่ครบ
8.5/10
ฝากเพจด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/appleoneoone