ผมเพิ่งได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแถบคันไชช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ไปเที่ยวแบบลุยเดี่ยวคนเดียวครับ เน้นหาที่พักแบบราคาไม่แพง และทำเลดี ทริปนี้นอนที่เกียวโต 3 คืน โกเบ 1 คืน และ โอซาก้า 1 คืนครับ
เริ่มต้นที่เกียวโตกันก่อนเลยครับผม ส่วนในเมืองอื่นเดี๋ยวจะทยอยทำให้อีกทีครับ
Gojo Guest house (
http://www.gojo-guest-house.com/)
เป็นที่พักแบบโฮสเทลครับ ผมรู้จักที่นี่ครั้งแรกจากรีวิวของคุณ POGGHI เลยตามไปดูรายละเอียดในเว็บเห็นรูปในเว็บก็รู้สึกชอบทันทีเพราะเป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่น พื้นทางเดินปูด้วยไม้ นอนบนเสื่อทาทามิ และประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนมากเป็นฝรั่ง จีน เกาหลี ครับ มีผมเป็นคนไทยคนเดียว
ที่พักตั้งอยู่บริเวณเกียวโตฝั่งตะวันตก อยู่บนถนน Gojo (Gojo Dori) ห่างจากสถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo ประมาณ 300 เมตร และห่างจากป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดคือป้ายรถเมล์ Gojozaka ประมาณ 400 เมตร สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้ที่สุดคือวัดน้ำใส (Kiyomizudera) ซึ่งผมเดินไปเที่ยวสองรอบคือรอบค่ำกับรอบเช้า ก็เดินไปเพลินๆ ไม่ไกลมากนักครับ
1 สถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo
2 Gojo Guest house
3 ป้ายรถเมล์ Gojozaka
4 วัดน้ำใส (Kiyomizudera)
การเดินทางมาถึงที่พัก ทริปนี้ผมซื้อ kansai thru pass เลยไม่ได้ลงที่สถานี JR เกียวโตครับ ผมนั่งรถไฟออกจากสนามบินคันไซต่อรถไฟมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo แล้วเดินมาที่พัก แต่ถ้าใครมาด้วยรถไฟ JR หลังจากลงรถไฟที่สถานี JR เกียวโต ให้เดินมาขึ้นรถเมล์หมายเลข 206 ลงรถเมล์ที่ป้าย Gojozaka และเดินไปที่พักได้เหมือนกันครับ
หลังจากเปิดประตูแบบเลื่อนด้านหน้าก็จะเจอรีเซฟชั่น และที่นั่งรองรับแขกที่มาเช็คอินครับ ผมจองโดยตรงผ่านทางอีเมลล์ของที่นี่ก็ได้ปริ้นรายละเอียดในเมลล์มาเช็คอินได้เลย รอไม่นานก็ได้กุญแจล็อกเกอร์เก็บของ และพนักงานพาไปที่ห้องพัก พร้อมแนะนำที่พักตามจุดต่างๆ พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากครับ
หลังเช็คอิน พนักงานก็พามาห้องนอนซึ่งอยู่บนชั้นสองครับ หลังจากขึ้นมาถึงชั้นสองก็จะเจอระเบียงทางเดินปูด้วยไม้ ด้านซ้ายมือของทางเดินจะเป็นล็อกเกอร์เก็บของใช้ส่วนตัว โดยที่นี่จะให้ใช้คนละล็อกเกอร์ ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายครับ และมีตระกร้าผ้าไว้ใส่ผ้าปูที่นอนที่ใช้แล้ว
ส่วนด้านขวามือเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องนอนครับ โดยทริปนี้ผมจองที่พักแบบนอนรวมกันหลายคน ที่นี่ห้องนอนรวมจะแยกชายหญิงครับ อย่างห้องนี้ที่ผมพัก นอนได้ 6 คน ซึ่งช่วงที่ไปก็นอน 6 คนเต็มพื้นที่พอดี ผมไปถึงเตียงด้านในสุดว่างพอดี เลยได้ทำเลส่วนตัวกว่าตรงกลางนิดหน่อย นอนจากห้องนอนรวมแล้วที่นี่ก็มีห้องพักแบบ 2 คน และ 3-4 คน อีกอย่างละห้องครับ
จากห้องนอนกลับมาที่ระเบียงทางเดินชั้นสองถ้าเดินลึกเข้าไปอีกก็จะเป็นส่วนห้องครัว และที่ซักผ้าครับ
เดินเลยจากห้องครัวก็จะเป็นห้องน้ำ และห้องพักแบบพัก 2 คน และบันไดลงไปชั้นสองครับ งั้นลงบันไดตามผมลงมาชั้นล่างกันเลยครับ ชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และรีเซพชั่นครับ
ห้องอาบน้ำที่นี่จะกั้นเป็นห้องๆ ไม่ได้แยกชายหญิงครับ น้ำอุ่นแรงซะใจ มีครีมอาบน้ำและแชมพู พร้อมไดร์เป่าผมให้เรียบร้อย แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัวใช้ฟรีนะครับ ถ้าจะเช่าผ้าเช็ดตัวคิดผืนละ 100 เยนครับ ส่วนห้องอาบน้ำขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาลืมสนิท แหะๆ
ต่อไปก็เป็นห้องทานอาหาร จะสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มจากที่พักมาทาน หรือทำกินเองจากครัวชั้นสอง นำลงมาทานที่นี่ก็ได้ครับผม
ส่วนของที่นั่งเล่นมีหนังสืออ่านฟรี และใกล้ตรงนั้นก็มีห้องที่มีคอมพิวเตอร์ไว้บริการอินเตอร์เน็ตฟรีครับ แต่ถ้าใครพกสมาร์ทโฟน หรือโน๊ตบุ๊คมาด้วย ก็สามารถมานั่งเล่นเน็ตได้ เพราะที่นี่ free wifi ครับ
สุดท้ายมาดูสรุปข้อดีข้อเสียตามมุมมองของผม และเท่าที่นึกออกครับ
ข้อดี
1.ที่พักอยู่ในทำเลที่ดี เดินทางไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ง่าย เพราะไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ และสถานีรถไฟ
2.ราคาที่พักไม่แพง ราคาที่ผมได้แบบนอนห้องรวม คืนละ 2,500 เยน
3.พนักงานที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก แนะนำเรื่องการเที่ยวได้ดี และเฟรนลี่มากๆ ครับ
4.มี free wifi ให้เล่น และสามารถเล่นได้ทั้งที่ชั้นล่าง และห้องนอนชั้นสอง ความเร็วเน็ตดีมากครับ
5.แถมเครื่องดื่มฟรี 1 ดื่ม จะเลือกเป็น soft drink หรือ Beer แก้วโต 1 แก้วก็ได้ครับ ซึ่งแน่นอน ผมต้องเลือก Kirin Beer ซินะ อิอิ
6.ไม่ไกลจากที่พักมีร้านสะดวกซื้อทั้ง Lawson , Circle K , 7-11
ข้อเสีย
1.พื้นเป็นไม้ พอเดินแล้วมีเสียง ถ้าจะเดินไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน หรือกลับมาดึก ตื่นเช้า ต้องเดินแบบย่องมากๆ กลัวปลุกคนอื่น
2.ผนังกั้นห้องไม่เก็บเสียงได้ยินทุกสิ่งอย่างที่พูดคุยกัน ใครนอนหลับยากอาจจะลำบากหน่อย
3.ถ้าได้ห้องนอนที่ติดถนนใหญ่หน้าที่พักจะมีเสียงรถวิ่งไปมา อาจจะรบกวนการนอนได้ครับ
4.ห้องน้ำไม่แบ่งชายหญิง ถึงจะเป็นห้องอาบน้ำกั้นเป็นห้องๆ ก็ดูไม่ส่วนตัวเพราะจุดที่เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ได้กั้นเป็นห้อง คนที่มาอาบน้ำเลยต้องเดินเข้าห้องอาบน้ำแบบแต่งตัวค่อนข้างเต็มยศทีเดียว
รีวิวที่พักที่นี่ก็หมดแต่เพียงเท่านี้ครับ ใครมีอะไรสงสัยก็โพสถามได้ครับผม มีเวลาว่างจะทยอยทำรีวิวที่พักอีกสองที่คือที่ โกเบ และโอซาก้าต่อครับ และจากนั้นถึงเป็นรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นแบบจัดเต็มๆ อีกที
[CR] แนะนำที่พักเมืองเกียวโต (Kyoto) : Gojo Guesthouse
เริ่มต้นที่เกียวโตกันก่อนเลยครับผม ส่วนในเมืองอื่นเดี๋ยวจะทยอยทำให้อีกทีครับ
Gojo Guest house (http://www.gojo-guest-house.com/)
เป็นที่พักแบบโฮสเทลครับ ผมรู้จักที่นี่ครั้งแรกจากรีวิวของคุณ POGGHI เลยตามไปดูรายละเอียดในเว็บเห็นรูปในเว็บก็รู้สึกชอบทันทีเพราะเป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่น พื้นทางเดินปูด้วยไม้ นอนบนเสื่อทาทามิ และประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนมากเป็นฝรั่ง จีน เกาหลี ครับ มีผมเป็นคนไทยคนเดียว
ที่พักตั้งอยู่บริเวณเกียวโตฝั่งตะวันตก อยู่บนถนน Gojo (Gojo Dori) ห่างจากสถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo ประมาณ 300 เมตร และห่างจากป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดคือป้ายรถเมล์ Gojozaka ประมาณ 400 เมตร สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้ที่สุดคือวัดน้ำใส (Kiyomizudera) ซึ่งผมเดินไปเที่ยวสองรอบคือรอบค่ำกับรอบเช้า ก็เดินไปเพลินๆ ไม่ไกลมากนักครับ
1 สถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo
2 Gojo Guest house
3 ป้ายรถเมล์ Gojozaka
4 วัดน้ำใส (Kiyomizudera)
การเดินทางมาถึงที่พัก ทริปนี้ผมซื้อ kansai thru pass เลยไม่ได้ลงที่สถานี JR เกียวโตครับ ผมนั่งรถไฟออกจากสนามบินคันไซต่อรถไฟมาเรื่อยๆ จนถึงสถานีรถไฟ Kiyomizu Gojo แล้วเดินมาที่พัก แต่ถ้าใครมาด้วยรถไฟ JR หลังจากลงรถไฟที่สถานี JR เกียวโต ให้เดินมาขึ้นรถเมล์หมายเลข 206 ลงรถเมล์ที่ป้าย Gojozaka และเดินไปที่พักได้เหมือนกันครับ
หลังจากเปิดประตูแบบเลื่อนด้านหน้าก็จะเจอรีเซฟชั่น และที่นั่งรองรับแขกที่มาเช็คอินครับ ผมจองโดยตรงผ่านทางอีเมลล์ของที่นี่ก็ได้ปริ้นรายละเอียดในเมลล์มาเช็คอินได้เลย รอไม่นานก็ได้กุญแจล็อกเกอร์เก็บของ และพนักงานพาไปที่ห้องพัก พร้อมแนะนำที่พักตามจุดต่างๆ พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากครับ
หลังเช็คอิน พนักงานก็พามาห้องนอนซึ่งอยู่บนชั้นสองครับ หลังจากขึ้นมาถึงชั้นสองก็จะเจอระเบียงทางเดินปูด้วยไม้ ด้านซ้ายมือของทางเดินจะเป็นล็อกเกอร์เก็บของใช้ส่วนตัว โดยที่นี่จะให้ใช้คนละล็อกเกอร์ ฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายครับ และมีตระกร้าผ้าไว้ใส่ผ้าปูที่นอนที่ใช้แล้ว
ส่วนด้านขวามือเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องนอนครับ โดยทริปนี้ผมจองที่พักแบบนอนรวมกันหลายคน ที่นี่ห้องนอนรวมจะแยกชายหญิงครับ อย่างห้องนี้ที่ผมพัก นอนได้ 6 คน ซึ่งช่วงที่ไปก็นอน 6 คนเต็มพื้นที่พอดี ผมไปถึงเตียงด้านในสุดว่างพอดี เลยได้ทำเลส่วนตัวกว่าตรงกลางนิดหน่อย นอนจากห้องนอนรวมแล้วที่นี่ก็มีห้องพักแบบ 2 คน และ 3-4 คน อีกอย่างละห้องครับ
จากห้องนอนกลับมาที่ระเบียงทางเดินชั้นสองถ้าเดินลึกเข้าไปอีกก็จะเป็นส่วนห้องครัว และที่ซักผ้าครับ
เดินเลยจากห้องครัวก็จะเป็นห้องน้ำ และห้องพักแบบพัก 2 คน และบันไดลงไปชั้นสองครับ งั้นลงบันไดตามผมลงมาชั้นล่างกันเลยครับ ชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และรีเซพชั่นครับ
ห้องอาบน้ำที่นี่จะกั้นเป็นห้องๆ ไม่ได้แยกชายหญิงครับ น้ำอุ่นแรงซะใจ มีครีมอาบน้ำและแชมพู พร้อมไดร์เป่าผมให้เรียบร้อย แต่ไม่มีผ้าเช็ดตัวใช้ฟรีนะครับ ถ้าจะเช่าผ้าเช็ดตัวคิดผืนละ 100 เยนครับ ส่วนห้องอาบน้ำขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาลืมสนิท แหะๆ
ต่อไปก็เป็นห้องทานอาหาร จะสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มจากที่พักมาทาน หรือทำกินเองจากครัวชั้นสอง นำลงมาทานที่นี่ก็ได้ครับผม
ส่วนของที่นั่งเล่นมีหนังสืออ่านฟรี และใกล้ตรงนั้นก็มีห้องที่มีคอมพิวเตอร์ไว้บริการอินเตอร์เน็ตฟรีครับ แต่ถ้าใครพกสมาร์ทโฟน หรือโน๊ตบุ๊คมาด้วย ก็สามารถมานั่งเล่นเน็ตได้ เพราะที่นี่ free wifi ครับ
สุดท้ายมาดูสรุปข้อดีข้อเสียตามมุมมองของผม และเท่าที่นึกออกครับ
ข้อดี
1.ที่พักอยู่ในทำเลที่ดี เดินทางไปเที่ยวตามจุดต่างๆ ได้ง่าย เพราะไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ และสถานีรถไฟ
2.ราคาที่พักไม่แพง ราคาที่ผมได้แบบนอนห้องรวม คืนละ 2,500 เยน
3.พนักงานที่นี่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก แนะนำเรื่องการเที่ยวได้ดี และเฟรนลี่มากๆ ครับ
4.มี free wifi ให้เล่น และสามารถเล่นได้ทั้งที่ชั้นล่าง และห้องนอนชั้นสอง ความเร็วเน็ตดีมากครับ
5.แถมเครื่องดื่มฟรี 1 ดื่ม จะเลือกเป็น soft drink หรือ Beer แก้วโต 1 แก้วก็ได้ครับ ซึ่งแน่นอน ผมต้องเลือก Kirin Beer ซินะ อิอิ
6.ไม่ไกลจากที่พักมีร้านสะดวกซื้อทั้ง Lawson , Circle K , 7-11
ข้อเสีย
1.พื้นเป็นไม้ พอเดินแล้วมีเสียง ถ้าจะเดินไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน หรือกลับมาดึก ตื่นเช้า ต้องเดินแบบย่องมากๆ กลัวปลุกคนอื่น
2.ผนังกั้นห้องไม่เก็บเสียงได้ยินทุกสิ่งอย่างที่พูดคุยกัน ใครนอนหลับยากอาจจะลำบากหน่อย
3.ถ้าได้ห้องนอนที่ติดถนนใหญ่หน้าที่พักจะมีเสียงรถวิ่งไปมา อาจจะรบกวนการนอนได้ครับ
4.ห้องน้ำไม่แบ่งชายหญิง ถึงจะเป็นห้องอาบน้ำกั้นเป็นห้องๆ ก็ดูไม่ส่วนตัวเพราะจุดที่เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ได้กั้นเป็นห้อง คนที่มาอาบน้ำเลยต้องเดินเข้าห้องอาบน้ำแบบแต่งตัวค่อนข้างเต็มยศทีเดียว
รีวิวที่พักที่นี่ก็หมดแต่เพียงเท่านี้ครับ ใครมีอะไรสงสัยก็โพสถามได้ครับผม มีเวลาว่างจะทยอยทำรีวิวที่พักอีกสองที่คือที่ โกเบ และโอซาก้าต่อครับ และจากนั้นถึงเป็นรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นแบบจัดเต็มๆ อีกที
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น