ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรือ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน เปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และเป็นผู้ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย 3 สมัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ อีกหลายสมัย เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ประศาสน์การเพียงคนเดียวของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารชาติไทย (ปัจจุบัน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย) ท่านต้องยุติบทบาททางการเมืองหลังเหตุการณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลสวรรคต โดยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวจากการใส่ความของพรรคการเมืองเก่าแก่แต่ใช้วิธีสกปรก ปลุกปั่นประชาชนให้เกิดความเกลียดชัง เป็นเหตุให้ท่านต้องลี้ภัยการเมืองไปยังประเทศจีนและฝรั่งเศสรวมระยะเวลากว่า 30 ปี และไม่ได้กลับสู่ประเทศไทยอีกเลยจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2526
แต่ทำไมวันนี้ท่านปรีดี กลับเป็นที่เคารพของชาวธรรมศาสตร์ อีกทั้งในปี พ.ศ. 2542 ที่ประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 30 ขององค์การยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้มีมติประกาศให้ ปรีดี พนมยงค์ เป็น "บุคคลสำคัญของโลก" และได้ร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาลของเขา ระหว่าง พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2544 นอกจากนี้นิตยสารเอเชียวีกยังได้เสนอชื่อของเขาเข้าชิงตำแหน่ง "Asian Of The Century" อีกด้วย วันนี้เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็กลับมาหลอนประเทศไทยอีกครั้งจากพรรคการเมืองเดิมๆ แล้วคนไทยก็ยังเชื่อถืออีกทำไมไม่เอาอดีตเป็นครูบ้าง ไม่ได้บอกว่าพรรคไหนดีกว่ากัน แต่ขอให้แก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของประชาธิปไตยและกฎหมาย ไม่ใช่เอาตามใจฉันทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะผู้นำม๊อบที่ท่านชื่นชมกันอยู่ก็ไม่ได้แตกต่างกับคนที่ท่านกำลังไล่เขาเช่นกันหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ตั้งสติกันสักนิดนะครับคิดดีๆอย่าเป็นเครื่องมือของคนพวกนี้เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์กลับมาอีกครั้ง เด็กธรรมศาสตร์ควรจะเข้าใจนะครับถ้าท่านเป็นเสมือนลูกท่านปรีดี อย่าเอาอย่างพวกอธิการบดีของท่านนะครับ
ครั้งหนึ่งของท่านปรีดี พนมยงค์
แต่ทำไมวันนี้ท่านปรีดี กลับเป็นที่เคารพของชาวธรรมศาสตร์ อีกทั้งในปี พ.ศ. 2542 ที่ประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 30 ขององค์การยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้มีมติประกาศให้ ปรีดี พนมยงค์ เป็น "บุคคลสำคัญของโลก" และได้ร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาลของเขา ระหว่าง พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2544 นอกจากนี้นิตยสารเอเชียวีกยังได้เสนอชื่อของเขาเข้าชิงตำแหน่ง "Asian Of The Century" อีกด้วย วันนี้เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็กลับมาหลอนประเทศไทยอีกครั้งจากพรรคการเมืองเดิมๆ แล้วคนไทยก็ยังเชื่อถืออีกทำไมไม่เอาอดีตเป็นครูบ้าง ไม่ได้บอกว่าพรรคไหนดีกว่ากัน แต่ขอให้แก้ไขปัญหาบนพื้นฐานของประชาธิปไตยและกฎหมาย ไม่ใช่เอาตามใจฉันทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะผู้นำม๊อบที่ท่านชื่นชมกันอยู่ก็ไม่ได้แตกต่างกับคนที่ท่านกำลังไล่เขาเช่นกันหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ตั้งสติกันสักนิดนะครับคิดดีๆอย่าเป็นเครื่องมือของคนพวกนี้เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์กลับมาอีกครั้ง เด็กธรรมศาสตร์ควรจะเข้าใจนะครับถ้าท่านเป็นเสมือนลูกท่านปรีดี อย่าเอาอย่างพวกอธิการบดีของท่านนะครับ