คนเราเดี๋ยวนี้มองกันที่เปลือกจริงๆหรือค่ะ และรบกวนช่วยแนะนำเรื่องการแต่งตัวด้วยค่ะ

เรื่องนี้เริ่มจากสัปดาห์ก่อนเราไปเจอเพื่อนเก่ามาค่ะ ไปเจอกันสองคน
สิ่งที่เราเจอเราอึ้งมาก แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเรารู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ถึงไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนักแต่เราโทรคุยกันบ้าง  ประมาณอาทิตย์ละครั้ง หลังๆก็Facebookกับ Line
ครั้งนี้ในรอบ 4 ที่เราไม่ได้เจอกัน เจอกันครั้งล่าสุดตอนเรากลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่ต่างประเทศ ซึ่งพอรู้ว่าเรากลับมา เค้าก็มาเยี่ยมที่บ้าน
สิ่งที่ทำให้เราอึ้งคือ

เพื่อนเราแต่งตัวBrandname ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยคอ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า  (ก๊อปทั้งตัว ยกเว้นต่างหู cไขว้ค่ะ)
แถมยังมีการพูดกระแนะกระแหน เราอีกว่า เป็นถึงเจ้าของกิจการแต่งตัวแค่นี้เองหรือ เราถึงกับพูดไม่ออก เราใส่เสื้อโปโล ของBody Glove
ใส่กางเกงจากตลาดนัดเมืองทอง เป็นสกินนี่ ตัวละ800บาท  ใส่นาฬิกา Guess เรือนละไม่เกิน5000สะพายกระเป๋านารายา รองเท้า Fitflop
เราไปเจอกันที่ ห้างแห่งนึงแถวงามวงค์วานค่ะ

จริงตอนเราเจอกันก็ทักทายกันโดยไม่คิดอะไร จนเพื่ิอนเราพูดเรื่องการแต่งกายค่ะ ขึ้นมาค่ะ เค้าพูดทำนองว่าเราแต่งตัวแบบนี้ คนเค้าจะดูถูกเอาได้นะ
อย่างเวลาไปไหนคนก็ต้องเลือกบริการคนที่แต่งตัวดีกว่า  วัดกันที่ใครแต่งตัวดูดีมีราคา เราก็เถียงว่าจริงหรือ เถียงกันไปเรื่อยเปื่อย บลาๆๆ
และที่เรารู้สึกว่าเยอะไปคือมาวิจารณ์การแต่งตัวของเรา พูดประมาณว่าเดี๋ยวนี้ตกอับขนาดแต่งตัวแบบนี้แล้วหรือ เราก็บอกว่าเราปกติดีนี่ สบายดีไม่ได่เดือดร้อนอะไร
เพื่อนก็บอกว่า อ้าวแบบนี้ถ้าเกิดบังเอิญเจอลูกค้าล่ะ จะไม่อายหรือ เราก็บอกว่าเฉยๆนะ  ไม่ได้ใส่ชุดนอนมาเดินนี่ แล้วก็หัวเราะ

สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปค่ะ

แต่ที่เราไม่พอใจมาก เค้าเอาเราไปนินทากับเพื่อนสนิทขิงเราทั้งสองคนว่า เราคงจะตกอับไม่มีจะกิน ถึงขายกระเป๋าแบรนด์เนมกินหมดต้องมาหิ้วแค่กระเป๋าราคาถูก ตอนออกงานแต่งตัวดีแต่พอมาเจอกัน แต่งตัวได้ธรรมดามาก ดูแทบไม่ออกว่าเป็นเจ้าของกิจการ แบบนี้จะน่าเชื่อถือได้อย่างไร ใครจะอยากทำธุรกิจด้วย

ตอนแรกเราโกรธนะคะ จะโทรไปเคลียร์ เพื่อนที่มาเล่าให้ฟังก็ยุค่ะ ว่าพูดไปเลย ต่อไปจะได้ไม่กล้ามายืมเงินเราอีก แต่สามีเราบอกว่าปล่อยเค้าไปเถอะ โทรไปก็เปลืองความรู้สึกเปลืองค่าโทรศัพท์เปล่าๆลำพังดีๆกันเงินที่ยืมไปยังจะไม่ได้คืนเลย โทรไปอีกยิ่งหมดหวังได้คืน (เงินประมาณแปดหมื่นกว่าบาท)

เราเลยขอมาใช้พื้นที่ตรงนี้ระบายหน่อยค่ะ และอยากถามด้วยว่า เราแต่งตัวเหมาะสมมั้ย แค่ไปทานข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้าง ไม่ใช่ในโรงแรม เราใส่เสื้อผ้าแบบนี้ไม่ได้หรือ
กระเป๋านารายา ในสายตาคนอื่นมันเป็นยังไงค่ะ เพื่อนเราถึงเอาไปพูดแบบนี้   คนเราสมัยนี้วัดกันที่การแต่งตัวจริงหรือคะ จริงๆเราไม่ค่อยคิดนะคะ แต่พอมีคนพูดหลายๆคนเข้า เราก็เริ่มกลับมาคิดนะคะ.

สิ่งที่เราคิดตอนนี้นะคะ เราอยากใช้กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้าที่เราได้ใช้มันจริงๆมากกว่า เคยตัดใจซื้อกระเป๋าแพงมากๆในความรู้สึกเราใบนึง เราเก็บไว้แต่ในตู้ หาโอกาสใช้ได้น้อยมากสุดท้ายขายแบบอยากโล๊ะทิ้งมากกว่าค่ะ. ตอนนี้แพงที่สุดในตู้เราคือ Neverfull ค่ะ ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันเพราะส่วนใหญ่เราไปแต่ที่ทำงาน  สะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คก็ดูรกแล้ว ถ้าสะพายNeverfull คงดูเป็นบ้าหอบฟาง เราเลยไม่คิดจะซื้อกระเป๋าBrandอีกเลย
ส่วนเสื้อผ้า เรามีแพงที่สุดคือราคา. 4,000. ใส่ออกงานแค่ครั้งเดียว กำลังหาโอกาสใส่อีก จะได้คุ้มๆ ชุดที่ไปทำงานเราใส่เสื้อโปโล ติดโลโก้บริษัทค่ะ ใส่กับกางเกงทำงาน หรือบางครั้งก็ยีนส์ ถ้าวันไหนต้องเป็นทางการเราจะใส่ ชุดสูท ที่ซื้อมาจากร้านหลังการบินไทย ที่เป็นเสื้อสูทและกระโปรงเข้าชุดกัน ราคา1,500-2,000บาท
เราอยากรู้ว่าเราแต่งตัวเหมาะสมกับหน้าที่การงานมั้ยค่ะ ทัศนะคติของเราคือ เราชอบดูตัวเลขในบัญชี ใช้ต่อเมื่อจำเป็น มากกว่าซื้อของฟุ่มเฟือยแล้วไม่ได้ใช้ แต่เราก็แคร์คนรอบข้างนะคะ ไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ถ้าปรับได้แล้วไม่เยอะไรมาก เราก็อยากปรับนะคะ  เราอายุ 30 อาจจะคิดอะไรไม่ค่อยรอบด้านมากนักจึงอยากขอคำปรึกษา จากทุกท่านในที่นี้ค่ะ


ป.ล. เรามาลงรูปเพิ่มค่ะ คิดว่าทุกท่านคงจินตนาการเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้ม(กรมท่า)กับกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำออกค่ะ เลยเอาแค่นาฬิกากับกระเป๋ามาลงให้วิจารณ์ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่