...........กดดัน

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรื่องมีอยู่ว่า :

...........ดิฉันแจ้งอาจารย์ล่วงหน้า ๑ เดือน ก่อนการลาออก จะเป็นการลาออกครั้งที่ ๓ หรือที่ ๔
ดิฉันก็ไม่แน่ใจนะคะ

            " เธอจะออกไปทำอะไรอธิ " อาจารย์ถาม

            " จะเปิดร้านตัดเสื้อผ้าค่ะ "

            " เธอทำไปไม่รอดหรอกอธิ.... มาลองดูกันไหมล่ะ เจ้าพี ( ลูกชายอาจารย์ ) จะแต่งงานเดือนหน้า
ให้เธอตัดชุดที่จะใส่ในงาน ให้พวกพนักงาน และคนงาน พวกนี้ล่ะ จะเป็นไม้แขวนเสื้อโชว์ชุดของเธอ
ถ้าเธอตัดมาไม่ดี มันก็จะประจานให้เห็น ว่าไงล่ะ หึ หึ "  อาจารย์ท้าทาย

           " ได้ค่ะ " ดิฉันยิ้มรับ แล้วเราต่างก็หันหลังเดินกันไปคนละทาง

            ดิฉันต้องตัด ชุดกลางวัน งานกลางวันรดน้ำที่เรือนไทย  

             ชุดกลางคืน ฉลองสมรสที่โอเรียลเต็ล

             ผ้าที่ให้ตัดให้พนักงานเป็นผ้าไหมค่ะ ชุดกลางวันดิฉันประยุกต์มาจากชุดไทยลานนา
ชุดกลางคืน ทางเจ้าสาวส่งแบบชุดเพื่อนเจ้าสาวมาให้ ตัดตามแบบค่ะ

             คนงานเรามีน่าจะประมาณ ๘ คน ชุดคนงานตัดให้คนละชุด เป็นผ้าถุงสำเร็จ
เสื้อเข้ารูปสีขาวคอบัวใช้ผ้าฝ้าย  ในส่วนชุดคนงานดิฉันให้แพรดาวเพื่อนรักเป็นคนตัดให้

              จากการประเมิน เฉพาะชุดพนักงาน ดิฉันทำทัน ถ้ารวมชุดคนงานด้วยไม่ทันแน่
ด้วยเวลาจำกัด ดิฉันมีเวลาตัดเย็บช่วงหลังเลิกงาน และวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น.

              ดิฉันวางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้งานเป็นไปตามที่กำหนด

..............คุณแพน ( น้องสาวคุณพี ) จะต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว ในวันพระราชทานน้ำสังข์
งานนี้ดร.ไวท์ เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เห็นว่าต้องมีการไปซ้อมด้วยนะคะ.

              คุณแพนขอให้ดิฉันตัดชุดไทยให้ เรื่องคุณแพนนี่ไม่เกี่ยวกับอาจารย์นะคะ
ไม่ใช่เรื่องการท้าทาย คุณแพนเธอไว้ใจดิฉัน ทั้งนี้เพราะก็เคยใช้บริการกันมา
              ดิฉันรับตัดให้ค่ะ ที่รับเพราะความไว้วางใจของเธอค่ะ.
เธอเลือกซื้อผ้าไหมมาให้ งานของดิฉันเพิ่มขึ้น เวลาเท่าเดิม มือก็ยังคงมีเพียง ๒ มือเหมือนเดิม.

              ชุดพนักงานไม่มีปัญหาดอกค่ะ ไม่ว่าจะชุดกลางวันหรือกลางคืน ตัดให้คนไหนเสร็จแล้วก็เอามาให้
ลองที่ละคน เจ้ามานะนี่ทำงานได้ดีมากเลยนะคะ ทุกชุดพอดีไม่มีต้องได้แก้ไขเลย.

              ดิฉันเองก็แปลกใจ ปกติต้องมีแก้กันบ้างล่ะ ต่อให้ตัดที่ร้านมีชื่อเสียงขนาดไหนก็เถอะ

              แต่ชุดคุณแพนมีปัญหาค่ะ พอให้เธอลอง เธอว่าสีเสื้อใส่แล้วดูแก่ ขอตัดใหม่นะพี่อธิ
เธอซื้อผ้ามาให้ใหม่ ดิฉันมีเวลาแค่ ๒ วัน ไม่ใช่ทั้งวันนะคะ เพราะดิฉันต้องทำงานด้วย จะตัด
ได้หลังเลิกงาน และกลับถึงบ้านจะเริ่มงานได้ก็ประมาณ  ๑ ทุ่ม

            วันแรกหมดไปกับการอบผ้าไหม ผ้าไหมก่อนตัดต้องอบก่อนค่ะ เหลือเวลาอีกแค่วันเดียว
หรือจะพูดให้ถูก มีเวลาคือ จาก ๑ ทุ่ม ถึงประมาณเที่ยงคืนเท่านั้น สำหรับการตัดเย็บเสื้อ ๑ ตัว
ดูแล้วกระชั้นเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด

            ดิฉันโทรหาแพรดาว บอกเธอไปว่ามีปัญหาอย่างนี้ๆ ก็ตกลงกันว่า ให้ดิฉันเดินทางมาเย็บ
ที่บ้านของเธอ

            " เราช่วยกัน ๓ คนนะอธิ น้องนีกุ๊นรังดุม และเข้าแขนสวย เสื้อเสร็จแน่ " แพรดาวบอก

             น้องนีเป็นคุณนายนายทหาร บ้านอยู่ตรงข้ามกับแพรดาว น้องนีเคยเป็นช่างเย็บมาก่อน
เธอจะเย็บได้สวยกว่าดิฉันและแพรดาว

             แพรดาวเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัย หลังแต่งงาน เธอออกมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว
ว่างก็เรียนเย็บเสื้อผ้าเอง ตัดเย็บออกมาไม่สวย แต่ก็ยังใจกล้าลงผ้าแพงอีกนะ
ดิฉันเห็นชิ้นงานแล้วทนไม่ได้ ก็ช่วยสอนแพทเทิร์นให้ เย็บออกมาค่อยดูดีหน่อย.

            วันหนึ่งดิฉันไปเยี่ยมคุณครูสอนสีน้ำ บ้านที่อยู่ตรงข้ามคุณครูรับตัดเย็บเสื้อผ้า งานสวยมากค่ะ
ความว่าเป็นช่างแพทเทิร์นจากร้านชื่อดังที่สุขุมวิท ออกมาทำเอง

             เสื้อสวยสอนได้ไหมคะ ดิฉันขอร้อง
รับสอนค่ะ แต่จะสอนเฉพาะคนที่ตัดเย็บเป็นแล้วนะ มาเรียนทำแพทเทิร์นกัน

             ดีแพรดาวจะได้ตัดเสื้อได้สวยๆ  แพรดาวชวนน้องนีมาเรียนด้วยค่ะ
ดิฉันก็ร่วมเรียนด้วยในครั้งนั้น.

............ดิฉันตัดผ้าเตรียมไปช่วยกันประกอบที่บ้านแพรดาว หอบจักรเย็บผ้าขึ้นรถไปด้วย
ถึงบ้านแพรดาวประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง ตั้งจักร์เตรียมทำงานที่ห้องนั่งเล่น
แบ่งชิ้นงานแยกกันไปประกอบ

            เกือบ ๓ ทุ่ม โกเพื่อนเขย สามีแพรดาวกลับมา มาถึงก็มานั่งที่ห้องนั่งเล่น นั่งที่มุม
หนึ่งอยู่เฉียงกับดิฉัน ซึ่งก็ง่วนอยู่กับการประกอบชิ้นงานอยู่

           แพรดาวเสริฟเบียร์พร้อมกับแกล้มให้สามี แล้วก็เดินไปรีดชิ้นงานในส่วนที่ตนรับผิดชอบ
ดิฉันมองไปที่โก พบว่าโกก็มองมาที่ดิฉัน สายตาเราปะทะกันอย่างจัง

            สายตาของโกทำเอาดิฉันตกใจ
ที่มองมานั้นมันบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ความรังเกียจอย่างโจ่งแจ้ง ชัดเลย

            มันจะโจ่งแจ้งมากเกินไปไหม !!!

            ดิฉันมองตอบด้วยสายตาบ่งบอกถึงการลุแก่ขอโทษ มันจำเป็นจริงๆ นะ
ไม่ได้ว่าจะอยากมารบกวนเลยขอเถอะนะ สายตาที่มองกลับมา ยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
และรังเกียจเหมือนเดิม    เอาละสิงานนี้ !!!

            ดิฉันมองไปที่โกที่ไร ก็พบว่าโกมองดิฉันอยู่ด้วยสายตาเหมือนเดิม.เฮ้อนะ

            ดิฉันแอบมองไปที่แพรดาว พบว่าแพรดาวมองโกอยู่ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ

            ดิฉันสังเกตว่าแพรดาวนิ่งๆ สงบ แต่ในใจจะอย่างไรไม่ทราบได้
ส่วนท่าทางดิฉันเป็นอย่างไรหรือ ก็ดูเหมือนนิ่งๆ เงียบๆ ทำงานไปนั่นแหละ.

...........และแล้ว น้องนีเดินสีหน้าไม่ดีเข้ามา ส่งชิ้นงานที่กุ๊นรังดุมมาให้ พี่อธิ นีขอโทษ นีทำไม่ได้
แพรดาวรีบเดินมาดูชิ้นงานด้วยทันที มันใช้ไม่ได้ค่ะ มันใช้ไม่ได้ ไม่ผ่าน !!!

           " คงเพราะนีไม่ได้เย็บมานานแล้วพี่ " ท่าทางน้องนีรู้สึกผิด และร้อนใจ

ดิฉันยิ้มและบอกน้องนีว่า

           " ไม่เป็นไรเดียวพี่กลิ้งชิ้นใหม่ แล้วจะกุ๊นเอง น้องนี้ไปประกอบแขนเสื้อรอเถอะนะคะ "

             ดีนะว่าเอาผ้าที่เหลือมาด้วย ดิฉันรีบกลิ้งตัดชิ้นงานใหม่ทันที ไม่มีเวลาแล้ว
น้องนีทำพลาดทำให้งานเสร็จช้าหนักเข้าไปอีก

            ได้ชิ้นงานแล้วดิฉันจะกุ๊น มองไปที่โก เจอสายตาจองล้าง จ้องมาอีก มือดิฉันเริ่มสั่น

             แย่แล้ว อาการแบบนี้ ดิฉันกุ๊นไม่ได้แน่ จะทำยังไงดี งานไม่เสร็จแล้ว ส่งงานไม่ทัน
คุณแพนจะทำอย่างไร จะให้คุณแพนใส่เสื้อสีแก่ๆ กับครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างนั้นหรือ

โอยยย ดิฉันรับไม่ได้ จะกลับก็กลับไม่ได้ ถ้ากลับมีหวังแพรดาวทะเลาะกับโกอย่างหนักแน่

             เพื่อไม่ให้เพื่อนสังเกตเห็นอาการ ดิฉันก้มหน้า ทำทีเหมือนทำงานอยู่
พังๆ พัง หมดแล้วงานไม่เสร็จแน่แล้ว จะทำยังไงดี

             ดิฉันหมดอาลัยตายอยาก มันเป็นภาวะที่กดดันยากที่จะทน
ไม่อยากให้มีพรุ่งนี้เลย จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้อีก จะทำอย่างไรดี

             ดิฉันสังเกตว่าใจของดิฉันเต้นเร็ว มือสั่น ทุกข์ ทุกข์ มากเลย ดิฉันจะต้องทนอยู่ในสภาพนี้หรือ

             เอาล่ะๆไหนๆ งานมันก็ไม่เสร็จแล้ว ไม่เสร็จก็ไม่เสร็จจะทำไงได้ ในเมื่อกลับบ้านตอนนี้เลยยังไม่ได้
ก็ทำต่อไป ไม่เสร็จก็ไม่เสร็จ ทำเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน ถือว่าได้พยายามแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจเลย

             ดิฉันหายใจเข้าออกลึกๆ เริ่มกุ๊นรังดุม ใจจดจ่ออยู่กับงานไม่ได้สนใจโก ไม่ได้สนใจแพรดาว
ไม่ได้สนใจว่าคุณแพนจะทำยังไง ทำไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไรว่าจะกุ๊นสวยหรือไม่สวย
ไม่ได้สนใจศักดิ์ศรี อัตตาที่ใหญ่คับบ้านของตนเอง.

              ดิฉันสลัดทุกอย่างออกไป

             ช่วงที่กำลังทำงานนั้น ใจมันเริ่มเบา สบาย ทั้งกายและใจมันอ่อน มันควรแก่งาน

             ด้วยสภาวะนี้ดิฉันกุ๊นรังดุมเสร็จ ดูแล้วใช้เวลาไม่นานเลย งานออกมาผ่านค่ะ ผ่านด้วยดี เป็นการกุ๊นรังดุม
ที่ดีกว่าทุกครั้งที่ดิฉันเคยทำมา  

             แพรดาวส่งชิ้นงานในส่วนของเธอมาให้ดิฉันประกอบ เสร็จแล้วส่งให้น้องนีประกอบแขนเสื้อ
ที่ทำรอไว้อยู่แล้ว เสื้อเสร็จก่อนเวลาที่ดิฉันกำหนดไว้เสียอีกค่ะ

              แปลกว่าดิฉันไม่ได้ดีใจที่เสื้อเสร็จ แต่ออกไปทางโล่งใจ

              ขอบคุณโกที่ส่งสายตาอย่างนั้นมา

              ขอบคุณน้องนีที่ทำงานผิดพลาด

              ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ให้ดิฉันได้เจอสภาพนี้

              เพราะมันทำให้ดิฉันเข้าใจสภาวะหนึ่ง สภาวะนั้นมันช่วยให้พ้นจากความกดดัน
คำว่าปล่อยวาง พูดก็ง่ายนะ แต่จะปล่อยยังไงจะวางยังไงล่ะ ดิฉันเริ่มเข้าใจบ้างแล้ว

              ดิฉันมองย้อนกลับไป เวลาดิฉันทำงานถ้าตั้งใจว่างานชิ้นนี้ต้องออกมาดี ยิ่ง
คาดหวังมาก ก็ยิ่งทำได้ยาก เพราะมันกดดัน แค่ขีดเส้นตรงยังยาก แต่ปกติไม่คาดหวัง
ขีดยังไงก็ตรง

              เวลางานเร่งใจเราเร่งตาม งานนั้นมักจะผิดพลาดและต้องแก้ไข ทำให้เสียเวลามาก
กว่าเดิม แต่ถ้าเราทำไปเรื่อยๆ กลับเสร็จเร็ว อืมมม..ที่ผ่านมามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

...............ที่ว่าอย่าอยากคืออะไร ดิฉันเริ่มเข้าใจแล้ว
              
              ในการปฏิบัติธรรม มีคำว่าอย่าอยาก

              ต่อมาเมื่อดิฉันเผชิญปัญหา ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน ก็วางลงได้เร็ว ก็แค่อยู่กับปัจจุปัน ทำปัจจุปัน
ให้ดีที่สุดก็เท่านั้น.

...............ยิ้ม ดิฉันควรเรียกจิต หรือสภาวะที่พ้นจากวามกดดันนั้นว่าอย่างไร ?

แล้วดิฉันจะกลับมาเล่าต่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่