กาลครั้งหนึ่งเมื่อวานนี้
กระทู้นี้ผมตั้งระบบกันปาดไว้แล้วครับ ใครคิดจะปาดขอบอกว่าไม่ทันละ ฮ่าๆๆ
ว่าแล้วก็ปาดตัวเองซะเลย ฮี่ๆๆ .
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยอยากออกไปเที่ยว อยากไปทะเล อยากไปภูเขา
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยอยากมีรถมอเตอร์ไซค์สักคัน
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยอยาก......อะไรต่างๆมากมาย
และนี่คือกาลครั้งหนึ่งที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ครับ
อย่างที่เคยบอกอยู่เสมอว่า เวลาว่างของผมไม่เหมือนใคร ถึงเหมือนก็ไม่ตรงกันอีก -*-
มีน้าๆ หลายๆท่านที่เป็นเพื่อนผมใน facebook เห็นผมไปนู่นนี่นั่นอยู่บ่อยครั้ง
หลายคนเกิดข้อสงสัยว่า ไม่ว่างยังไงของมานนนน
ผมตั้งข้อจำกัดให้ตัวเองง่ายๆว่า "อยากไปไหนก็จงไปซะ" เรื่องง่ายๆที่ไม่ง่ายเลย
กับข้อจำกัดหลายๆอย่างที่เป็นองค์ประกอบ เช่น ccของรถ เงิน เวลา และนานาสารพัน
แต่นั่นก็เป็นแค่องค์ประกอบภายนอกครับ ความอยากล้วนมาจากองค์ประกอบที่อยู่ภายในใจล้วนๆ
อยู่ที่เราจะสนองตัญหาได้หรือไม่
ว่าแล้วก็จับกล้วยหอมลูบคลึงเบาๆแล้วชวนกันออกจากรุงในช่วงบ่ายโมงครึ่ง
จริงๆแล้วสารภาพตรงนี้เลยครับว่าตั้งใจจะไปแค่สะพานเหล็ก แต่รู้ตัวอีกทีก็โผล่ทางไปสะพานมอญแหล่ว
ฟ้าเปิด ถนนโล่ง แดดร้อน อากาศเย็น เป็นอะไรที่ลงตัวแบบแปลกๆ
ซื้ดดดด น้ำมูกที่ไหลเปื้อนโม่งเป็นระยะ จอดพักทุกครั้งที่เติมน้ำมัน
สะพานมอญกลายเป็นจุดหมายปลายทาง ที่จริงๆแล้วไม่ได้สำคัญอะไรกับผมมากนัก
เพราะจริงๆแล้วผมตั้งใจไปเสพวิวเสพถนนมากกว่าครับ ความสุขเล็กๆที่หาได้จากระหว่างทาง
หมดเวลากับการขับขี่ไปเยอะครับ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมามากนัก
เวลาว่างของผมหมดไปเพราะความจิตไม่ว่างของตัวเอง
มาถึงสะพานมอญ เพียงให้ตัวเองได้มีกาลครั้งหนึ่งว่าเคยมาแล้ว ไม่ได้นอนพักที่นี่ครับ
มาเพื่อให้ถึง
มาเพื่อให้เห็น
มาเพื่อให้เห็น.....
แสงตะวันกำลังเจือจางลับขอบฟ้า ก็เป็นเวลาที่จะเอ่ยคำอำลากับสถานที่แห่งนี้
ผมเลือกเก็บภาพด้วยความทรงจำมากกว่าการกดชัตเตอร์ สาเหตุเพราะถ่ายไม่สวย แฮ่ๆ
สะพาน ชีวิต บางครั้งมันก็เหมือนแผ่นฟิล์มฉายหนัง ที่ค่อยๆถ่ายทอดเรื่องราวมากมาย
เหมือนจะจบ แต่ยังครับ มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
ผมตัดสินใจเดินทางกลับในตอนกลางคืน ทดสอบความใจเย็น และทดสอบความเย็นของขุนเขา ในยามวิกาล
ผ่านเส้นทางเดิม แต่เพิ่มความสยิวในการขับขี่มากขึ้นถึง 30%
ความมืดมาเยือนความเย็นมาเยี่ยม กล้วยหอมไม่เคยทำให้ผิดหวังครับ
เพราะไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรก อืมมมม
ขับมาได้สักระยะ แอบเหยียบตะปูเบาๆ พุทโธพุทถัง กะละมัง เมิงจะรั่วทางสว่างๆหน่อยก็ม่ายด้ายยยยย
มืดมน แต่ไม่จนหนทาง บดยางไปหลายกิโล
พึ่งมานึกได้ว่าพกทุกอย่างมาพร้อมครับ อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน แล้วก็ปะแล้วขับกันต่อไป
น้าๆก็อย่าลืมเตรียมกันนะครับ เวลาเดินทาง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เตรียมไปแล้วก็อย่าลืมว่าพกมาด้วย =_=
ขับฝ่าความหนาวเย็น ร่างกายไหว ตาไหว รถไหว แต่ใจไม่ไหวแล้วครับ
สุดท้ายตัดสินใจนอนพักเอาแรง ไม่เอาก็แรง ฮ่าๆ ในตัวเมืองกาญก่อนครับ ปล่อยให้เวลาของเมื่อวานหมดไปอย่างช้าๆ
แล้วสุดท้ายก็ตื่นมาพร้อมอากาศเย็นๆ เดินทางกลับมาทำงานกันต่อครับ
อย่าลืมใช้เวลาว่างให้ไม่ว่างกันนะครับ ^^
จะปล่อยให้เวลาว่างมันว่างไปเฉยๆ หรือจะทำเวลาว่างให้มันไม่ว่างแบบว่างๆก็ได้นะครับ แฮ่
ไว้เดินทางครั้งหน้าจะพยายามถ่ายรูป หาเรื่องราวมาให้ชมกันใหม่นะครับ ไว้พบกันระหว่างทางครับ ^^
จบแล้วครับ "กาลครั้งหนึ่งเมื่อวานนี้"
กาลครั้งหนึ่งเมื่อวานนี้
กระทู้นี้ผมตั้งระบบกันปาดไว้แล้วครับ ใครคิดจะปาดขอบอกว่าไม่ทันละ ฮ่าๆๆ
ว่าแล้วก็ปาดตัวเองซะเลย ฮี่ๆๆ .
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยอยากออกไปเที่ยว อยากไปทะเล อยากไปภูเขา
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยอยากมีรถมอเตอร์ไซค์สักคัน
กาลครั้งหนึ่ง ผมเคยอยาก......อะไรต่างๆมากมาย
และนี่คือกาลครั้งหนึ่งที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ครับ
อย่างที่เคยบอกอยู่เสมอว่า เวลาว่างของผมไม่เหมือนใคร ถึงเหมือนก็ไม่ตรงกันอีก -*-
มีน้าๆ หลายๆท่านที่เป็นเพื่อนผมใน facebook เห็นผมไปนู่นนี่นั่นอยู่บ่อยครั้ง
หลายคนเกิดข้อสงสัยว่า ไม่ว่างยังไงของมานนนน
ผมตั้งข้อจำกัดให้ตัวเองง่ายๆว่า "อยากไปไหนก็จงไปซะ" เรื่องง่ายๆที่ไม่ง่ายเลย
กับข้อจำกัดหลายๆอย่างที่เป็นองค์ประกอบ เช่น ccของรถ เงิน เวลา และนานาสารพัน
แต่นั่นก็เป็นแค่องค์ประกอบภายนอกครับ ความอยากล้วนมาจากองค์ประกอบที่อยู่ภายในใจล้วนๆ
อยู่ที่เราจะสนองตัญหาได้หรือไม่
ว่าแล้วก็จับกล้วยหอมลูบคลึงเบาๆแล้วชวนกันออกจากรุงในช่วงบ่ายโมงครึ่ง
จริงๆแล้วสารภาพตรงนี้เลยครับว่าตั้งใจจะไปแค่สะพานเหล็ก แต่รู้ตัวอีกทีก็โผล่ทางไปสะพานมอญแหล่ว
ฟ้าเปิด ถนนโล่ง แดดร้อน อากาศเย็น เป็นอะไรที่ลงตัวแบบแปลกๆ
ซื้ดดดด น้ำมูกที่ไหลเปื้อนโม่งเป็นระยะ จอดพักทุกครั้งที่เติมน้ำมัน
สะพานมอญกลายเป็นจุดหมายปลายทาง ที่จริงๆแล้วไม่ได้สำคัญอะไรกับผมมากนัก
เพราะจริงๆแล้วผมตั้งใจไปเสพวิวเสพถนนมากกว่าครับ ความสุขเล็กๆที่หาได้จากระหว่างทาง
หมดเวลากับการขับขี่ไปเยอะครับ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปอะไรมามากนัก
เวลาว่างของผมหมดไปเพราะความจิตไม่ว่างของตัวเอง
มาถึงสะพานมอญ เพียงให้ตัวเองได้มีกาลครั้งหนึ่งว่าเคยมาแล้ว ไม่ได้นอนพักที่นี่ครับ
มาเพื่อให้ถึง
มาเพื่อให้เห็น
มาเพื่อให้เห็น.....
แสงตะวันกำลังเจือจางลับขอบฟ้า ก็เป็นเวลาที่จะเอ่ยคำอำลากับสถานที่แห่งนี้
ผมเลือกเก็บภาพด้วยความทรงจำมากกว่าการกดชัตเตอร์ สาเหตุเพราะถ่ายไม่สวย แฮ่ๆ
สะพาน ชีวิต บางครั้งมันก็เหมือนแผ่นฟิล์มฉายหนัง ที่ค่อยๆถ่ายทอดเรื่องราวมากมาย
เหมือนจะจบ แต่ยังครับ มันยังไม่จบเพียงเท่านี้
ผมตัดสินใจเดินทางกลับในตอนกลางคืน ทดสอบความใจเย็น และทดสอบความเย็นของขุนเขา ในยามวิกาล
ผ่านเส้นทางเดิม แต่เพิ่มความสยิวในการขับขี่มากขึ้นถึง 30%
ความมืดมาเยือนความเย็นมาเยี่ยม กล้วยหอมไม่เคยทำให้ผิดหวังครับ
เพราะไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรก อืมมมม
ขับมาได้สักระยะ แอบเหยียบตะปูเบาๆ พุทโธพุทถัง กะละมัง เมิงจะรั่วทางสว่างๆหน่อยก็ม่ายด้ายยยยย
มืดมน แต่ไม่จนหนทาง บดยางไปหลายกิโล
พึ่งมานึกได้ว่าพกทุกอย่างมาพร้อมครับ อุปกรณ์ปะยางฉุกเฉิน แล้วก็ปะแล้วขับกันต่อไป
น้าๆก็อย่าลืมเตรียมกันนะครับ เวลาเดินทาง ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เตรียมไปแล้วก็อย่าลืมว่าพกมาด้วย =_=
ขับฝ่าความหนาวเย็น ร่างกายไหว ตาไหว รถไหว แต่ใจไม่ไหวแล้วครับ
สุดท้ายตัดสินใจนอนพักเอาแรง ไม่เอาก็แรง ฮ่าๆ ในตัวเมืองกาญก่อนครับ ปล่อยให้เวลาของเมื่อวานหมดไปอย่างช้าๆ
แล้วสุดท้ายก็ตื่นมาพร้อมอากาศเย็นๆ เดินทางกลับมาทำงานกันต่อครับ
อย่าลืมใช้เวลาว่างให้ไม่ว่างกันนะครับ ^^
จะปล่อยให้เวลาว่างมันว่างไปเฉยๆ หรือจะทำเวลาว่างให้มันไม่ว่างแบบว่างๆก็ได้นะครับ แฮ่
ไว้เดินทางครั้งหน้าจะพยายามถ่ายรูป หาเรื่องราวมาให้ชมกันใหม่นะครับ ไว้พบกันระหว่างทางครับ ^^
จบแล้วครับ "กาลครั้งหนึ่งเมื่อวานนี้"