ผมอ่านหนังสือ ‘การเยือนต่างประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม’ ที่พิมพ์โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อ่านแล้วเฉยไม่ได้ครับ เพราะนี่คือสิ่งที่เปิดฟ้าส่องโลกใฝ่ฝันปรารถนาและเขียนรับใช้มาตั้งแต่ พ.ศ.2540 เป็นเวลามากกว่า 16 ปี ที่เราอยากให้ผู้นำประเทศขยันเดินทางไปเยือนต่างประเทศ
ก่อนการบริหารประเทศของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นานาอารยประเทศไม่มั่นใจทิศทางของไทยเลย เพราะเราทะเลาะเบาะแว้งกันเลอะเทอะ ภาพลบของประเทศไทยกระจายไปให้ผู้คนทุกตรอกซอกมุมของโลกเห็น ภาพลบกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้าก็แย่ การลงทุนก็เสียหาย หลายประเทศเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับไทย พอนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปเยือน ท่านก็ทำหน้าที่ทั้งฟื้นฟูความสัมพันธ์ ไปสร้างความร่วมมือ ฯลฯ
ขอชมว่า คนเตรียมการให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปเยือนต่างประเทศนี่เก่งมากครับ เพราะไปแต่ละทีมีการกำหนดยุทธศาสตร์การเยือนไว้ชัด ว่าถ้าเป็นกลุ่มอาเซียนและเอเชีย ก็ไปสร้างความสัมพันธ์ให้เข้มแข็งและเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ถ้าไปเยือนพวกประเทศมหาอำนาจ ก็มียุทธศาสตร์ไปรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ส่วนทางยุโรป นายกฯ ของเราก็บินไปสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ไปสร้างความเข้าใจถึงการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของไทย
ยุทธศาสตร์การไปเยือนองค์การความร่วมมืออิสลามก็คือ ไปสร้างความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทย ไปส่งเสริมการค้า การลงทุน โดยเฉพาะทางด้านอาหารฮาลาล การไปเยือนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือที่เราเรียกว่ากลุ่ม GCC นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ไปเจรจาด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ท่านไปทวีปแอฟริกาก็เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยสามารถใช้ศักยภาพด้านการเกษตรและด้านอื่นของทวีปนี้ ฯลฯ
การไปเยือนต่างประเทศของผู้นำในโลกใบนี้มี 3 แบบ แบบแรกเรียกว่า
State Visit เยือนแบบนี้ถือว่าเป็นระดับสูงสุด ผู้เดินทางเยือนต้องเป็นประมุขของรัฐ หรือไม่ก็เป็นผู้นำของประเทศ การเยือนแบบ State Visit ที่ว่านี่ ต้องได้รับคำเชิญจากประมุขของรัฐนั้นๆ
แบบที่สองคือ
Official Visit อันนี้เป็นการต้อนรับระดับสูงสุดแก่หัวหน้ารัฐบาล มีการเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการจากประเทศเจ้าบ้าน ผู้ที่ให้การต้อนรับจะต้องเป็นผู้คนระดับสูงของรัฐบาลเจ้าภาพ จะต้องมีการจัดรัฐมนตรีเกียรติยศให้ประจำคณะ มากกว่า 90% ของการเดินทาง
ในห้วงช่วง 2 ปีของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นการเยือนแบบ Official Visit
แบบที่สาม เป็น
Working Visit เป็นการเยือนเพื่อหารือในประเด็นเฉพาะเจาะจง หรือเพื่อเข้าร่วมการประชุม
สิงหาคม พ.ศ.2554 จนถึงตุลาคม พ.ศ.2556 นายกฯ ยิ่งลักษณ์ขยันเดินทางไปเยือนมากถึง 36 ประเทศ และเป็นสถิติสูงสุดของประเทศไทย ที่ในห้วงช่วง 2 ปีที่ว่า มีผู้นำระดับประเทศมาเยือนประเทศไทยถึง 20 ประเทศ (ไม่รวมพวกรัฐมนตรีหรือผู้นำภาคเอกชนนะครับ) พวกผู้นำระดับเป้งๆของโลกมาหมด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ฝรั่งเศส เบลเยียม อินโดนีเซีย ศรีลังกา เวียดนาม กินี บรูไน เมียนมาร์ เกาหลีใต้ ฯลฯ
การไปเยือนต่างประเทศของคนระดับนายกรัฐมนตรีเป็นเสมือนการใช้กุ้งฝอยตกปลากะพง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เสียไปมีเพียงนิดน้อย เมื่อเทียบกับอภิพญามหาโอกาสที่ไทยได้รับ เพียงนายกรัฐมนตรีกระดิกพลิกตัวไป เราได้รับโอกาสทุกเรื่อง เป็นการยิงปืนนัดเดียว นกตกลงมาทั้งฝูง เ
อาแค่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น มีนักลงทุนญี่ปุ่นมายื่นขอรับการส่งเสริมและได้รับอนุมัติมากถึง 19 โครงการ เป็นเงิน 119,550.50 ล้านบาท ท่านดูเอาเองซีครับ นายกฯ ยิ่งลักษณ์เดินทางไปแว้บแปล๊บเดียว ทำเงินเข้าประเทศแสนกว่าล้าน นี่ผมยังไม่รวมถึงประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมที่ท่านไปเยือนจีน เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ฯลฯ นะครับ
ชาติบ้านเมืองไหนได้ผู้นำขยันขันแข็ง ยอมเดินทางให้ประเทศ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของประเทศนั้น ประเทศไหนได้ผู้นำขี้เกียจตัวขึ้นขน ก็ถือว่าเป็นโชคร้าย หลายประเทศได้ผู้นำเฒ่าชะแรแก่ชรา แก่ขนาดหน้าขึ้นรา หยากไย่ใยแมงมุมเต็มหูเต็มคอ ประเทศพวกนี้เสียโอกาสจริงๆ นะครับ บางประเทศ ผู้นำหน้าตาไม่สวยไม่หล่อ แถมยังไม่มีบุคลิกภาพ การแต่งเนื้อแต่งตัวแย่ ท่าเดินเหินเหมือนลิงป่วย ท่านั่งท่ากินเงอะงะเหมือนคนใกล้คลอด ประเทศที่มีผู้นำแบบนี้นี่น่าสงสาร
คงไม่ต้องอรรถาธิบายขยายความนะครับ ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ของไทยสง่าและเด่นมากเมื่อไปปรากฏกายในต่างประเทศ
ไม่เหมือนบรรดาผู้นำแย่ๆ ที่ผมรับใช้ไป.
อ้างอิง
http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/390299
ไทยมีนายกฯ ขยันไปเยือนต่างประเทศ.... (ไทยรัฐออนไลน์)
ก่อนการบริหารประเทศของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นานาอารยประเทศไม่มั่นใจทิศทางของไทยเลย เพราะเราทะเลาะเบาะแว้งกันเลอะเทอะ ภาพลบของประเทศไทยกระจายไปให้ผู้คนทุกตรอกซอกมุมของโลกเห็น ภาพลบกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้าก็แย่ การลงทุนก็เสียหาย หลายประเทศเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับไทย พอนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปเยือน ท่านก็ทำหน้าที่ทั้งฟื้นฟูความสัมพันธ์ ไปสร้างความร่วมมือ ฯลฯ
ขอชมว่า คนเตรียมการให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปเยือนต่างประเทศนี่เก่งมากครับ เพราะไปแต่ละทีมีการกำหนดยุทธศาสตร์การเยือนไว้ชัด ว่าถ้าเป็นกลุ่มอาเซียนและเอเชีย ก็ไปสร้างความสัมพันธ์ให้เข้มแข็งและเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ถ้าไปเยือนพวกประเทศมหาอำนาจ ก็มียุทธศาสตร์ไปรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ส่วนทางยุโรป นายกฯ ของเราก็บินไปสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ไปสร้างความเข้าใจถึงการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของไทย
ยุทธศาสตร์การไปเยือนองค์การความร่วมมืออิสลามก็คือ ไปสร้างความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทย ไปส่งเสริมการค้า การลงทุน โดยเฉพาะทางด้านอาหารฮาลาล การไปเยือนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือที่เราเรียกว่ากลุ่ม GCC นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ไปเจรจาด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ท่านไปทวีปแอฟริกาก็เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยสามารถใช้ศักยภาพด้านการเกษตรและด้านอื่นของทวีปนี้ ฯลฯ
การไปเยือนต่างประเทศของผู้นำในโลกใบนี้มี 3 แบบ แบบแรกเรียกว่า State Visit เยือนแบบนี้ถือว่าเป็นระดับสูงสุด ผู้เดินทางเยือนต้องเป็นประมุขของรัฐ หรือไม่ก็เป็นผู้นำของประเทศ การเยือนแบบ State Visit ที่ว่านี่ ต้องได้รับคำเชิญจากประมุขของรัฐนั้นๆ
แบบที่สองคือ Official Visit อันนี้เป็นการต้อนรับระดับสูงสุดแก่หัวหน้ารัฐบาล มีการเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการจากประเทศเจ้าบ้าน ผู้ที่ให้การต้อนรับจะต้องเป็นผู้คนระดับสูงของรัฐบาลเจ้าภาพ จะต้องมีการจัดรัฐมนตรีเกียรติยศให้ประจำคณะ มากกว่า 90% ของการเดินทางในห้วงช่วง 2 ปีของนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นการเยือนแบบ Official Visit
แบบที่สาม เป็น Working Visit เป็นการเยือนเพื่อหารือในประเด็นเฉพาะเจาะจง หรือเพื่อเข้าร่วมการประชุม
สิงหาคม พ.ศ.2554 จนถึงตุลาคม พ.ศ.2556 นายกฯ ยิ่งลักษณ์ขยันเดินทางไปเยือนมากถึง 36 ประเทศ และเป็นสถิติสูงสุดของประเทศไทย ที่ในห้วงช่วง 2 ปีที่ว่า มีผู้นำระดับประเทศมาเยือนประเทศไทยถึง 20 ประเทศ (ไม่รวมพวกรัฐมนตรีหรือผู้นำภาคเอกชนนะครับ) พวกผู้นำระดับเป้งๆของโลกมาหมด ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ฝรั่งเศส เบลเยียม อินโดนีเซีย ศรีลังกา เวียดนาม กินี บรูไน เมียนมาร์ เกาหลีใต้ ฯลฯ
การไปเยือนต่างประเทศของคนระดับนายกรัฐมนตรีเป็นเสมือนการใช้กุ้งฝอยตกปลากะพง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เสียไปมีเพียงนิดน้อย เมื่อเทียบกับอภิพญามหาโอกาสที่ไทยได้รับ เพียงนายกรัฐมนตรีกระดิกพลิกตัวไป เราได้รับโอกาสทุกเรื่อง เป็นการยิงปืนนัดเดียว นกตกลงมาทั้งฝูง เอาแค่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่น มีนักลงทุนญี่ปุ่นมายื่นขอรับการส่งเสริมและได้รับอนุมัติมากถึง 19 โครงการ เป็นเงิน 119,550.50 ล้านบาท ท่านดูเอาเองซีครับ นายกฯ ยิ่งลักษณ์เดินทางไปแว้บแปล๊บเดียว ทำเงินเข้าประเทศแสนกว่าล้าน นี่ผมยังไม่รวมถึงประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมที่ท่านไปเยือนจีน เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส ฯลฯ นะครับ
ชาติบ้านเมืองไหนได้ผู้นำขยันขันแข็ง ยอมเดินทางให้ประเทศ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของประเทศนั้น ประเทศไหนได้ผู้นำขี้เกียจตัวขึ้นขน ก็ถือว่าเป็นโชคร้าย หลายประเทศได้ผู้นำเฒ่าชะแรแก่ชรา แก่ขนาดหน้าขึ้นรา หยากไย่ใยแมงมุมเต็มหูเต็มคอ ประเทศพวกนี้เสียโอกาสจริงๆ นะครับ บางประเทศ ผู้นำหน้าตาไม่สวยไม่หล่อ แถมยังไม่มีบุคลิกภาพ การแต่งเนื้อแต่งตัวแย่ ท่าเดินเหินเหมือนลิงป่วย ท่านั่งท่ากินเงอะงะเหมือนคนใกล้คลอด ประเทศที่มีผู้นำแบบนี้นี่น่าสงสาร
คงไม่ต้องอรรถาธิบายขยายความนะครับ ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ของไทยสง่าและเด่นมากเมื่อไปปรากฏกายในต่างประเทศ
ไม่เหมือนบรรดาผู้นำแย่ๆ ที่ผมรับใช้ไป.
อ้างอิง http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/390299