รู้เท่าทัน,,, ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน

ผมใช้เวลาชั่งใจนานมากกว่าจะเขียนบทความนี้ออกมา คือผมเรียนมาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถมยังทำงานสายอาหารเสริมและสมุนไพร ผมจึงมีโอกาสอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับยาและอาหารเสริมต่างๆ อยู่มาก แถมยังมีโอกาสได้เห็นโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนอยู่บ่อยๆ ซึ่งโฆษณาขายของกันอย่างผิดกฎหมายที่มีอยู่เต็มอินเทอร์เน็ททำให้ผมคิดถึงคนอ่านว่าจะเข้าใจเล่ห์กลของคนขายเหล่านั้นหรือเปล่า ตอนแรกผมก็คิดว่าโทษของยาลดความอ้วนก็มีบอกกันอยู่มากมายเต็มไปหมด ถ้าคนกินเขาตั้งใจหาข้อมูล คงจะหาคำตอบได้ไม่ยาก แต่คิดมาคิดไป หลายๆแหล่งข้อมูลก็บอกแต่โทษ แต่อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดถึงเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่ดี วันนี้ผมจึงถือโอกาสเข้ามาอธิบายอย่างละเอียด ด้วยหวังว่าหากมีใครสักคนหนึ่งที่คิดจะใช้ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนผ่านมาเจอบทความนี้เข้าเสียก่อน แล้วเขาหยุดคิดถึงผลเสียที่อาจจะตามมาจนตัดสินใจไม่ใช้หรือเลิกใช้ ซึ่งความคิดนั้นทำให้เขาปลอดภัยจากผลเสียต่างๆ จากผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ตัวผมเองก็สุขใจแล้วครับ


    ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนมีหลายรูปแบบครับ แบ่งหลักๆ ออกมาได้เป็น ยาลดความอ้วน อาหารเสริมลดความอ้วน และสมุนไพรลดความอ้วนครับ

1.    ยาลดความอ้วน : ชื่อของมันบอกอย่างชัดเจนครับว่าเป็นยา ดังนั้นฤทธิ์ของมันจะรุนแรงกว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่น แต่โทษของมันก็รุนแรงเป็นเงาตามตัวมาเช่นกัน คนส่วนใหญ่รู้ครับว่ายาลดความอ้วนมันไม่ดี แต่คนเหล่านั้นก็ชอบเล่นกับไฟครับ อย่าไว้วางใจยาลดความอ้วนเด็ดขาด ถึงแม้ว่ามันจะถูกจ่ายโดยแพทย์ก็ตาม ยาลดความอ้วนบางชนิดค่อนข้างปลอดภัย แต่บางชนิดอันตรายมาก ซึ่งผมจะเล่าต่อไปในส่วนถัดๆ ไปครับ

2.    อาหารเสริมลดความอ้วน : ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะหลีกเลี่ยงการใช้คำว่ายาครับ โดยหวังว่าจะหลอกให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่ามันปลอดภัยครับ โดยส่วนใหญ่แล้วอาหารเสริมลดความอ้วนนั้นจะไม่ค่อยอันตรายมาก แต่ก็จะเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจนครับ เมื่อไหร่ที่กินอาหารเสริมลดความอ้วนแล้วน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว พึงระวังไว้ได้เลยครับว่ามันถูกผสมยาลดความอ้วนปนมาด้วยแล้ว ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนในท้องตลาดทุกวันนี้ผสมยาลดความอ้วนเยอะมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะยามีโทษที่รุนแรง เมื่อไม่อยู่ในการควบคุมของแพทย์แล้ว อันตรายถามหากันได้ง่ายๆ ครับ

3.    สมุนไพรลดความอ้วน : ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะดึงจุดเด่นในแง่ของความเป็นธรรมชาติขึ้นมาครับ โฆษณาเกือบจะร้อยทั้งร้อยจะบอกว่าเป็นสารจากธรรมชาติ และไม่เป็นอันตราย ซึ่งแน่นอนว่าไม่จริงครับ ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ปลอดภัยสักอย่าง ขนาดน้ำเปล่าถ้าเรากินมากไปยังอันตรายได้ นับประสาอะไรกับต้นไม้ครับ จริงอยู่ที่อันตรายมันอาจจะน้อยแต่ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยนะครับ ผู้บริโภคต้องเรียนรู้ข้อเสียของมันด้วยอยู่ดี

        ยาชุดลดความอ้วนที่มีทั่วไปตามคลินิก(บางแห่ง) โรงพยาบาล(บางแห่ง) ร้านขายยา(บางแห่ง) และร้านค้าออนไลน์(มากมายจนนับไม่ถ้วน) ประกอบด้วยอะไรบ้าง ผมจะเล่าให้ฟังทีละตัวครับ

1.    ยากดความอยากอาหาร : ยาในกลุ่มนี้จะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทครับ มันจะทำให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาทที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มขึ้นมา คนที่กินยากลุ่มนี้วันๆ จะไม่อยากกินอะไรเลยครับ เห็นอาหารแล้วก็เบื่อไปหมด บางคนอยู่ได้ด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว แค่นี้ก็อันตรายจะแย่แล้วครับ ร่างกายต้องการพลังงานไปหล่อเลี้ยงให้มีชีวิต สมองต้องการน้ำตาล หัวใจต้องการไขมัน การอดอาหารก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายทางอ้อมครับ จริงอยู่ที่เราคงจะไม่ตายกันในวันนี้พรุ่งนี้หรอก แต่อวัยวะในร่างกายเราจะเสื่อมโทรมโดยที่เราไม่รู้สึกตัวครับ หนักที่สุดคงจะเป็นสมอง เพราะนอกจากสมองจะพังจากการขาดอาหารโดยตรงแล้ว สารต่างๆ ที่หลั่งออกมาจากการกระตุ้นของยาเหมือนกับผลจากการกินยาบ้าครับ คนกินจะฉุนเฉียว หงุดหงิด โมโหง่าย อารมณ์รุนแรง ซึ่งทั้งหลายทั้งแหล่นี้มีผลทำลายสมองโดยตรง หลายคนเป็นบ้า หลายคนฆ่าตัวตาย หลายคนคลุ้มคลั่ง นอกจากนี้การที่ร่างกายถูกกระตุ้นโดยยาอยู่ตลอดเวลา หัวใจจะต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดครับ มีคนไข้บางคนกินยาลดความอ้วนจนเป็นโรคหัวใจจนเสียชีวิต จนยาลดความอ้วนทุกชนิดถูกแบนจากท้องตลาดไปแล้ว นี่แค่พูดถึงอันตรายที่ถึงแก่ชีวิตนะครับ ถ้าเบาหน่อยก็คงเป็นสลบ หน้ามืดหัวฟาดพื้นไปแบบไม่รู้ตัว ร่างกายไม่มีพลังงานครับ เหมือนรถไม่ได้เติมน้ำมัน ฝืนวิ่งต่อไปไม่ไหวหรอกครับ บางคนโชคดีหน่อยอาจจะวูบตอนอยู่ในบ้าน แต่ลองคิดสภาพว่าเกิดถ้าไปวูบตอนขับรถอยู่ครับ คงไม่ต้องให้ผมอธิบาย

2.    ยาระบาย : ยากลุ่มนี้ก็เจอเยอะไม่แพ้กันครับ เรียกได้ว่าตีมาอย่างสูสีกับยากดความอยากอาหารเลยครับ ข้อดีของยากลุ่มนี้คือมันไม่มีผลต่อระบบประสาทครับ คนกินจะรู้สึกดีหน่อยว่าไม่มีอาการหน้ามืด ใจสั่นครับ แต่ข้อเสียอย่างแรกของมันคือมันลดความอ้วนได้น้อยมากจนแทบจะเรียกได้ว่าลดไม่ได้เลย น้ำหนักที่ลดลงเกิดจากการขับกากอาหารในลำไส้ทิ้งเท่านั้นครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไขมันตามพุงตามขาเลย และที่สำคัญการใช้ยาระบายในระยะยาว (เกิน 14 วัน) มันจะทำให้ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถขับถ่ายเองได้ครับ จากปรกติเม็ดเดียวคล่องปรื๋อ อนาคตกินยกกล่องก็ไม่ถ่ายครับ ชีวิตหลังจากนั้นของคุณจะตกอยู่ในนรก เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่ถ่ายเลย น้ำหนักก็ขึ้น เพราะระบายกากออกไปไม่ได้ครับ แถมการกินยาระบายในระยะยาวจะยิ่งทำให้สมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปรกติได้ครับ ซึ่งนั่นอาจจะนำมาซึ่งโรคหัวใจในอนาคตได้ครับผม

3.    ยาขับปัสสาวะ : ยากลุ่มนี้อาการหนักพอๆ กลับยาระบายครับ แต่ยาระบายอาจจะยังพอลดความอ้วนได้บ้าง แต่ยาขับปัสสาวะนี่ไม่ได้เลยครับ น้ำล้วนๆ ที่ลดลงไป คนกินยากลุ่มนี้ดูได้ไม่ยากครับ จะวิ่งฉี่กันทั้งวันทั้งคืน จนแทบจะนอนในห้องน้ำเลยทีเดียว ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดคือมันทำให้เกลือแร่ในร่างกายผิดปรกติครับ นานวันเข้าอาจจะเป็นสาเหตุของโรคหัวใจหรือกระดูกพรุนในอนาคต

4.    ยาไทรอยด์ : ยานี้ไม่มีฤทธิ์ลดความอ้วนโดยตรงครับ แต่ยามันจะมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานดีขึ้น กินไปแล้วจะรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ขยันโดยไม่มีสาเหตุ อยากทำโน่นทำนี่ ฟังแล้วดูดีนะครับ แต่การกินยาฮอร์โมนไทรอยด์ก็เหมือนกับคุณเป็นโรคไทรอยด์นั่นแหละครับ ผลเสียมีมากมายมหาศาล ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกว่าโรคให้หมอมานั่งรักษากันหรอครับ ที่แย่ที่สุดคงจะหนีไม่พ้นโรคหัวใจครับ คนที่มีระดับไทรอยด์ในร่างกายสูงอยู่นานๆ จะทำให้หัวใจโตได้ ซึ่งจะนำไปสู่โรคหัวใจล้มเหลวในอนาคตครับ

5.    ยาเบื่ออาหาร : ยากลุ่มนี้ไม่มีเฉพาะเจาะจงนะครับ แต่จะเป็นอารมณ์ของพวกหัวใสที่รู้จักยาดี และรู้ว่ายาตัวไหนกินแล้วมีผลข้างเคียงทำให้เบื่ออาหารก็จับมาให้คนไข้กินลดความอ้วน คือยาบางตัวกินแล้วลิ้นจะปร่ามาก เหมือนอมเหล็กอยู่ตลอดเวลา ใครยังสามารถไปตะลุยกินบุฟเฟ่ชาบูได้เหมือนก่อนนี่คือเทพมากครับ ข้อดีของมันก็คือมันไม่มีความรุนแรงเท่ายากดความอยากอาหารในกลุ่มแรก แต่มันก็มีข้อเสียครับ ข้อเสียของมันก็เป็นไปตามยาที่เลือกมาใช้ให้คนไข้กิน ยาบางตัวอาจจะทำให้ไตวาย ยาบางตัวทำให้เป็นผื่นแพ้แบบรุนแรง ยาบางตัวทำให้อวัยวะภายในล้มเหลว แหม่ ฟังแล้วน่ากินจังเลยครับ

6.    ยากดหัวใจ : ยานี้ไม่ได้ออกฤทธิ์ลดความอ้วนโดยตรง แต่มันส่งมาปราบอาการใจสั่นของยาลดความอยากอาหารโดยเฉพาะ คนกินจะรู้สึกว่ายาหมอนี้ปลอดภัยจัง กินแล้วไม่ใจสั่นเหมือนยาหมอที่แล้ว แต่จริงๆ มันก็คือๆ กันแหละครับ แต่หมอนี้ใส่ยากันใจสั่นมาให้ด้วย ฟังดูเหมือนดีนะครับ กินแล้วใจไม่สั่น แต่ยากดหัวใจมันก็มีผลเสียครับ เพราะใจมันไม่สั่นไงครับ คนกินเลยไม่รู้ว่าหัวใจพังไปมากแค่ไหน บางคนรู้ตัวอีกทีก็เป็นโรคหัวใจโตไปแล้ว นอกจากนี้มันยังมีข้อเสียอื่นอีกมาก ตั้งแต่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวาน ทำให้หลอดลมหดเกร็ง ทำให้อ้วน (แต่เอามาผสมอยู่ในยาชุดลดความอ้วน แหม่ ฉลาดจัง) รวมไปถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าครับ

7.    ยานอนหลับ : ตัวนี้ก็เป็นที่นิยมครับ มันลดความอ้วนไม่ได้ครับ แต่มันออกฤทธิ์คลายความกังวล และกล่อมให้คนกินหลับ คือต้องเข้าใจนะครับว่าคนลดน้ำหนักนี่เขาจะอยากให้แต่ละวันแต่ละคืนผ่านไปเร็วๆ เพราะอยากให้น้ำหนักลดลงแล้ว ใส่ยานอนหลับมันซะเลยครับ ง่ายดี หลับทั้งวันทั้งเลย เผลออีกทีผ่านไปห้าวัน น้ำหนักลดไปห้าโลแล้ว (น้ำกับกากอาหารล้วนๆ) ฟังเหมือนดีนะครับ แต่คิดสภาพเวลาขับรถ เวลาเรียน เวลาที่ต้องไปใช้ชีวิตสิครับ หลับตอนขับมอเตอร์ไซค์อยู่ ระทึกมากครับ

8.    ยารักษาโรคซึมเศร้า : ยาตัวนี้นี่ผมเห็นแล้วขัดใจมากครับ คนจ่ายนี่ก็ช่างตูดหมึกจริงๆ คือ คนลดความอ้วนจะมีแนวโน้มการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายครับ เพราะว่ายากดความอยากอาหารมันกระตุ้นสมองตลอดเวลา พอช่วงหยุดยาคนไข้จะเครียดง่ายมาก ซึมเศร้าเกือบทุกราย บางคนฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ คนขายเขาเลยแถมยานี้มาให้ นัยว่าจะช่วยรักษาได้ แต่ประโยชน์น้อยจนแทบไม่มีเลยครับ เพราะว่าการทำงานก็คล้ายกับยากดความอยากอาหารนั่นแหละ แถมข้อจำกัดการใช้ก็มาก การจ่ายมามั่วๆ แล้วหวังจะให้คนไข้หาย ก็เหมือนกับการโยนหินลงทะเลแล้วหวังจะให้โดนหัวปลาวาฬอะครับ โอกาสสำเร็จสูงมาก (ประชดนะครับ แหม่) แต่โทษนี่เยอะแยะอย่าบอกใคร ตั้งแต่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ คลื่นไส้อาเจียน ใจสั่น ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ มากมายจนขี้เกียจพิมพ์ครับผม


,,,มีต่อครับ

เจ้าคิกคักเจ้าคิกคักเจ้าคิกคัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่