อยากจะขอคำแนะนำแม่ๆ ในห้องชานเรือนหน่อยค่ะ ปัญหาของเราอาจจะยาวนิดนึงนะคะ
คือเราตอนนี้อายุ 26 ปีค่ะ เพิ่งแต่งงานได้ปีกว่าๆ กำลังวางแผนกับสามีว่าอีกซัก 2-3 ค่อยมีลูกกัน อยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคนซักพักก่อน
ทีนี้ปัญหาก็คือพ่อเราค่ะ เท้าความนิดนึงนะคะ ว่าพ่อเราหย่ากับแม่ตั้งแต่เราอายุได้ประมาณ 10 ขวบ แล้วแม่ก็เป็นคนเลี้ยงเรากับน้องสาวมาด้วยตัวคนเดียวตลอดตั้งแต่นั้น โดยที่พ่อเราก็มาเยี่ยมมาหาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่เคยส่งเสียหรือช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูใดๆ (มีให้คนละพันเวลาเจอกัน ประมาณปีละ 2-3 ครั้ง) ทั้งๆ ที่เงินเดือนพ่อเราเยอะกว่าแม่ตั้งสองเท่า
ต่อมา พอเราอายุได้ 21 ปี พ่อเราก็มีแฟนใหม่ซึ่งเป็นคนแรกที่พามาแนะนำให้เรารู้จัก ตอนที่แนะนำเราก็พอมองออกว่าเค้ากำลังท้องได้ 4-5 เดือนอยู่ แต่พ่อเราก็ไม่ได้พูดอะไร เราก็เลยทำเป็นเฉยๆ ไป จากนั้นมาเจอกันอีกทีก็ตอนที่น้องคลอดออกมาแล้ว เป็นผู้ชายค่ะ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกโกรธพ่อเราเลยนะ แต่กังวลใจว่าเค้าจะดูแลรับผิดชอบน้องได้ดีแค่ไหน เพราะเรารู้ว่าพ่อเรามีปัญหาเรื่องการใช้เงินมาตั้งนานแล้ว
และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน พอเราเรียนจบเพิ่งจะเริ่มทำงาน พ่อเราก็โทรศัพท์มาเพื่อขอยืมเงินเรา 30,000 บาท พ่อรู้ว่าเรามีบัญชีเงินเก็บที่ฝากไว้เดือนละ 2,000 บาทตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย (เราทำงานพิเศษสอนเปียโนเด็กค่ะ และเลิกขอเงินค่าขนมแม่ตั้งแต่อยู่ม.6) พ่อก็พยายามจะให้เราถอนเงินที่ฝากไว้ออกมาให้ได้ เราก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะครบกำหนดได้ดอกเบี้ยแล้ว พ่อเราก็เลยขอเงินยูโรที่เราเก็บไว้ตอนทำงานเป็นล่าม (ลูกค้าจ่ายมาเป็นยูโรค่ะ ตอนนั้นเรทไม่ค่อยดีเลยยังไม่อยากแลกเป็นเงินบาท) เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องให้เงินพ่อไปสี่ร้อยยูโร ตอนนั้นเราเสียใจมากที่พ่อทำกับเราแบบนี้ และเริ่มรู้สึกว่าต่อไปจะต้องมีปัญหาแน่ๆ
ประมาณ 2-3 ปีต่อมา ตอนก่อนเราจะแต่งงาน พ่อก็โทรศัพท์มาคุย บอกเราว่าถูกไล่ออกจากที่ทำงาน (ตอนหลังเรามารู้ว่ามีปัญหาเรื่องทุจริต แต่ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่ค่ะ) ก็ขอเงินเราอีก และขอมาเรื่อยๆ จนเราเริ่มเบื่อและไม่อยากคุยกับพ่อแล้ว ทุกครั้งพ่อก็บอกเราว่า พ่อจดไว้นะ จะใช้คืนให้ตอนพ่อมีเงิน แต่จริงๆ เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับเราหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องน้องชายคนละแม่ของเราต่างหาก
ในที่สุด วันนี้เราก็ตัดสินใจคุยกับพ่อ เค้าก็เล่าปัญหาชีวิตตอนนี้ให้ฟังว่าพยายามทำงาน (นายหน้า) แต่ไม่ได้เงินสักที อย่างนู้นอย่างนี้ แล้วก็เล่าเรื่องน้องซึ่งตอนนี้มาอยู่กับพ่อ ส่วนแฟนพ่อก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดซึ่งพ่อไม่อยากให้น้องไปอยู่ด้วย เพราะสภาพสังคมไม่ค่อยดี (มีหลานๆ แฟนเค้าติดยากันหลายคน) ก็เลยต้องให้น้องมาอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ พ่อจะออกไปทำงานประจำก็ลำบากเพราะต้องดูแลน้องด้วย
เราก็เลยตัดสินใจเสนอทางออกที่เราคิดอยู่สักพักแล้วล่ะ แต่ไม่เคยบอกใครเลย คือเสนอว่าจะรับเลี้ยงดูน้องเอง ให้น้องมาอยู่กับเรา (เราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ย้ายมาอยู่กับครอบครัวสามี) เพราะตอนนี้น้องเราก็อายุ 5 ขวบเต็มแล้ว กำลังโตเลย แต่พ่อเราไม่สามารถเลี้ยงดูเค้าอย่างดีได้ (แ่ค่เลี้ยงตัวเองก็จะไม่รอดอยู่แล้ว) แล้วเราก็ไม่รู้ว่าพ่อจะอบรมสั่งสอนน้องได้ดีแค่ไหน เพราะแค่เท่าที่ฟังๆ มาก็ดูเหมือนพ่อจะตามใจน้องมากพอสมควรเลย เราก็เลยคุยกับสามีค่ะ เค้าก็เห็นดีด้วย แต่ก็ต้องรอปรึกษาพ่อกับแม่สามีก่อนอีกที ซึ่งตอนนี้เค้าไม่อยู่ จะกลับมาอีกทีกลางเดือนหน้า เราก็กะว่ารอน้องเรียนจบเทอมนี้ก่อน แล้วปิดเทอม (ประมาณมีนาคมปีหน้า) ก็ค่อยรับมาอยู่ด้วยกัน
เรากับสามีก็คุยกันว่าจะเลี้ยงเค้าเหมือนเป็นลูกเลย อาจจะให้เรียกเราว่าพ่อกับแม่ด้วยซ้ำ เวลาไปเจอคนอื่นข้างนอกจะได้ไม่ต้องอธิบายกันยาว ตอนนี้สามีก็เริ่มพารานอยด์นิดๆ แล้วว่าเราสองคนจะดูแลเด็กได้ดีรึเปล่า เพราะต้องรับผิดชอบเค้าทั้งชีวิตเลย เค้าก็แอบรู้สึกยังไม่พร้อมนิดนึง เพราะนี่หมายถึงชีวิตส่วนตัวของเราทั้งคู่จะต้องหายไป
ก็เลยอยากจะขอคำปรึกษาในการเลี้ยงดูเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบค่ะ รวมทั้งจะพูดกับสามียังไงดีให้เค้าสบายใจขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะรับดูแลเด็กคนนี้น่ะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
ขอคำแนะนำค่ะ เมื่อเราต้องรับลูกของพ่อมาเลี้ยง (น้องชายต่างแม่)
คือเราตอนนี้อายุ 26 ปีค่ะ เพิ่งแต่งงานได้ปีกว่าๆ กำลังวางแผนกับสามีว่าอีกซัก 2-3 ค่อยมีลูกกัน อยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคนซักพักก่อน
ทีนี้ปัญหาก็คือพ่อเราค่ะ เท้าความนิดนึงนะคะ ว่าพ่อเราหย่ากับแม่ตั้งแต่เราอายุได้ประมาณ 10 ขวบ แล้วแม่ก็เป็นคนเลี้ยงเรากับน้องสาวมาด้วยตัวคนเดียวตลอดตั้งแต่นั้น โดยที่พ่อเราก็มาเยี่ยมมาหาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่เคยส่งเสียหรือช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูใดๆ (มีให้คนละพันเวลาเจอกัน ประมาณปีละ 2-3 ครั้ง) ทั้งๆ ที่เงินเดือนพ่อเราเยอะกว่าแม่ตั้งสองเท่า
ต่อมา พอเราอายุได้ 21 ปี พ่อเราก็มีแฟนใหม่ซึ่งเป็นคนแรกที่พามาแนะนำให้เรารู้จัก ตอนที่แนะนำเราก็พอมองออกว่าเค้ากำลังท้องได้ 4-5 เดือนอยู่ แต่พ่อเราก็ไม่ได้พูดอะไร เราก็เลยทำเป็นเฉยๆ ไป จากนั้นมาเจอกันอีกทีก็ตอนที่น้องคลอดออกมาแล้ว เป็นผู้ชายค่ะ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกโกรธพ่อเราเลยนะ แต่กังวลใจว่าเค้าจะดูแลรับผิดชอบน้องได้ดีแค่ไหน เพราะเรารู้ว่าพ่อเรามีปัญหาเรื่องการใช้เงินมาตั้งนานแล้ว
และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน พอเราเรียนจบเพิ่งจะเริ่มทำงาน พ่อเราก็โทรศัพท์มาเพื่อขอยืมเงินเรา 30,000 บาท พ่อรู้ว่าเรามีบัญชีเงินเก็บที่ฝากไว้เดือนละ 2,000 บาทตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย (เราทำงานพิเศษสอนเปียโนเด็กค่ะ และเลิกขอเงินค่าขนมแม่ตั้งแต่อยู่ม.6) พ่อก็พยายามจะให้เราถอนเงินที่ฝากไว้ออกมาให้ได้ เราก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะครบกำหนดได้ดอกเบี้ยแล้ว พ่อเราก็เลยขอเงินยูโรที่เราเก็บไว้ตอนทำงานเป็นล่าม (ลูกค้าจ่ายมาเป็นยูโรค่ะ ตอนนั้นเรทไม่ค่อยดีเลยยังไม่อยากแลกเป็นเงินบาท) เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องให้เงินพ่อไปสี่ร้อยยูโร ตอนนั้นเราเสียใจมากที่พ่อทำกับเราแบบนี้ และเริ่มรู้สึกว่าต่อไปจะต้องมีปัญหาแน่ๆ
ประมาณ 2-3 ปีต่อมา ตอนก่อนเราจะแต่งงาน พ่อก็โทรศัพท์มาคุย บอกเราว่าถูกไล่ออกจากที่ทำงาน (ตอนหลังเรามารู้ว่ามีปัญหาเรื่องทุจริต แต่ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่ค่ะ) ก็ขอเงินเราอีก และขอมาเรื่อยๆ จนเราเริ่มเบื่อและไม่อยากคุยกับพ่อแล้ว ทุกครั้งพ่อก็บอกเราว่า พ่อจดไว้นะ จะใช้คืนให้ตอนพ่อมีเงิน แต่จริงๆ เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับเราหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องน้องชายคนละแม่ของเราต่างหาก
ในที่สุด วันนี้เราก็ตัดสินใจคุยกับพ่อ เค้าก็เล่าปัญหาชีวิตตอนนี้ให้ฟังว่าพยายามทำงาน (นายหน้า) แต่ไม่ได้เงินสักที อย่างนู้นอย่างนี้ แล้วก็เล่าเรื่องน้องซึ่งตอนนี้มาอยู่กับพ่อ ส่วนแฟนพ่อก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดซึ่งพ่อไม่อยากให้น้องไปอยู่ด้วย เพราะสภาพสังคมไม่ค่อยดี (มีหลานๆ แฟนเค้าติดยากันหลายคน) ก็เลยต้องให้น้องมาอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ พ่อจะออกไปทำงานประจำก็ลำบากเพราะต้องดูแลน้องด้วย
เราก็เลยตัดสินใจเสนอทางออกที่เราคิดอยู่สักพักแล้วล่ะ แต่ไม่เคยบอกใครเลย คือเสนอว่าจะรับเลี้ยงดูน้องเอง ให้น้องมาอยู่กับเรา (เราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ย้ายมาอยู่กับครอบครัวสามี) เพราะตอนนี้น้องเราก็อายุ 5 ขวบเต็มแล้ว กำลังโตเลย แต่พ่อเราไม่สามารถเลี้ยงดูเค้าอย่างดีได้ (แ่ค่เลี้ยงตัวเองก็จะไม่รอดอยู่แล้ว) แล้วเราก็ไม่รู้ว่าพ่อจะอบรมสั่งสอนน้องได้ดีแค่ไหน เพราะแค่เท่าที่ฟังๆ มาก็ดูเหมือนพ่อจะตามใจน้องมากพอสมควรเลย เราก็เลยคุยกับสามีค่ะ เค้าก็เห็นดีด้วย แต่ก็ต้องรอปรึกษาพ่อกับแม่สามีก่อนอีกที ซึ่งตอนนี้เค้าไม่อยู่ จะกลับมาอีกทีกลางเดือนหน้า เราก็กะว่ารอน้องเรียนจบเทอมนี้ก่อน แล้วปิดเทอม (ประมาณมีนาคมปีหน้า) ก็ค่อยรับมาอยู่ด้วยกัน
เรากับสามีก็คุยกันว่าจะเลี้ยงเค้าเหมือนเป็นลูกเลย อาจจะให้เรียกเราว่าพ่อกับแม่ด้วยซ้ำ เวลาไปเจอคนอื่นข้างนอกจะได้ไม่ต้องอธิบายกันยาว ตอนนี้สามีก็เริ่มพารานอยด์นิดๆ แล้วว่าเราสองคนจะดูแลเด็กได้ดีรึเปล่า เพราะต้องรับผิดชอบเค้าทั้งชีวิตเลย เค้าก็แอบรู้สึกยังไม่พร้อมนิดนึง เพราะนี่หมายถึงชีวิตส่วนตัวของเราทั้งคู่จะต้องหายไป
ก็เลยอยากจะขอคำปรึกษาในการเลี้ยงดูเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบค่ะ รวมทั้งจะพูดกับสามียังไงดีให้เค้าสบายใจขึ้น และเตรียมพร้อมที่จะรับดูแลเด็กคนนี้น่ะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ