"ราม" รามเป็นหนุ่มหล่อ พ่อรวยมากๆในจังหวัด หนุ่มที่ฮอตมากๆในโรงเรียนตั้งแต่ประถม ไปจนถึงมัธยม ด้วยความเรียนเก่ง หน้าตาดี ชีวิตสมบูรณ์แบบ (ทั้งๆที่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ เป็นความจริงที่โหดร้ายที่สุด) เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีคนเข้าหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือผู้หญิง แต่เขาก็เลือกที่จะมอบหัวใจให้ผู้หญิงเพียงคนเดียว คือ "ฝน" เด็กหนุ่มหน้าตาดีคบกับเด็กสาวสวยน่ารักที่มีหนุ่มๆ หมายปอง ช่างเหมาะสมกันนัก ทั้งสองคนคบกันต่างเป็นทั้งที่อิจฉาและที่ชื่นชมของคนทั่วไป รามเป็นเด็กเรียนดีบ้านมีเงิน เมื่อเรียนจบ ม.6 ก็ได้ไปเรียนต่อเมืองนอก ฝนเป็นคนสวย บ้านมีฐานะปานกลาง เมื่อเรียนจบก็เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ รามจากฝนไปพร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าจะรักจะรอและซื่อสัตย์ต่อกัน ในช่วงเวลาที่ไม่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างทุกวันนี้ จดหมายคือสิ่งเดียวที่พวกเขาใช้ติดต่อกัน ก่อนจะพัฒนามาถึงโปรแกรมแชทอย่าง msn ทั้งสองก็ยังคงพยายามติดต่อสานสัมพันธ์แห่งรักมาโดยตลอด รามยังคงมั่งคง ซื่อสัตย์ต่อผู้หญิงที่เขารักเสมอ ไม่เคยนอกใจเลยแม้สักนิด เขาไม่ได้กลับเมืองไทยเลยในช่วงเวลาที่เรียนอยู่ที่นั่น เพื่อที่จะพยายามเรียนให้จบเร็ว ๆ จะได้รีบกลับมาเมืองไทย เขาไปเรียนเกือบ 6 ปี แต่ได้ปริญญาโทกลับมาประดับบ้านให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ ...
หลังจากกลับมากราบเท้าพ่อแม่ และแปะใบปริญญาในกรอบทองบนฝาผนังบ้านแล้ว รามก็ได้ขออนุญาตพ่อแม่เพื่อไปพบกับแฟนสาวที่จากกันไปหลายปีด้วยความคิดถึง เพียงแค่ต้องการไปเซอร์ไพรส์ให้เธอรู้สึกตกใจปนดีใจเล่น วาดหวังให้เธอยกมือปิดหน้าร้องไห้ ก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดเขาดังเช่นในหนัง แล้วเขาก็จะขอเธอ "แต่งงาน" โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าฝ่ายที่จะตกใจคือตัวเขาเอง ...
ในคืนนั้น เขาเห็นเธอแล้ว... เธอสวมกอดกับผู้ชายคนอื่น หัวเราะกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ดูมีความสุข อยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆในร้านอาหาร เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่นิ่งเงียบ ความจริงที่ไม่มีใครเคยบอก ความจริงที่เขาไม่เคยรู้ เริ่มพรั่งพรูออกมาจากปากของเพื่อนที่ช่วยขับรถมา สมองเริ่มทำการประมวลผล เขาเริ่มรับรู้ถึงปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งก่อนหน้าที่จะกลับมาเมืองไทย และระหว่างทางที่ขับรถมา... นี่เพราะความห่างไกลหรือห่างใจ??? ความพยายามของเขาคือการละเลยใช่หรือไม่? คำถามหลายๆคำถามเกิดขึ้นในจิตใจ ความเพียรพยายามที่จะเรียนให้จบเร็วๆ เพื่อที่จะมาพบหน้าหญิงผู้เป็นที่รัก เพื่ออนาคตที่ตั้งไว้ เพื่อหน้าที่การงานที่ดี เพื่อครอบครัวที่มีเธอเป็นส่วนหนึ่งในนั้น หัวใจของเขาค่อยๆแตกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน ...เขาลืมที่จะเรียนรัก เขาไม่พร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์นี้ เท้าที่ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงค่อยๆ ก้าวออกไป กระจกที่กั้นไว้เหมือนกั้นเขาออกสู่โลกอีกใบที่ขนานไปกับโลกของเธอ ... เธอทำแบบนั้นได้อย่างไร ทำไมยังคุยกันอยู่แทบจะทุกวันโดยที่เขาไม่เคยระแคะระคายเลย "ฝนกำลังจะแต่งงาน" ทำไม? ในเมื่อฐานะทางบ้านเขาก็ดี การศึกษาเขาก็มีเพียบพร้อม เพราะอะไร? เธอถึงทิ้งเขาไปกับผู้ชายคนอื่น
เขากลับมาที่บ้านในรูปแบบมนุษย์ที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว เพื่อนๆได้แต่แวะเวียนมาหาเพราะอาการของเขาซึมเศร้าและไม่รับรู้อะไร แต่เขารู้สึกเจ็บ รู้สึกปวด ความรู้สึกนั้นมันมาจากภายในจิตใจ พ่อแม่ พี่สาว ญาติๆและเพื่อนๆ ทำทุกวิถีทางให้รามกลับคืนมาสู่โลกอันสดใส แต่ไม่เกิดผลอะไร เขาเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว ความเจ็บปวดนั้นมันฝังลึกลงไปทุกทีๆ น้ำตาของเขาไหลมาเป็นสาย ร้องจนมันเหือดแห้งหายไปกับนิทรา ตื่นมาน้ำตาไหลอีกครั้งให้กับความชอกช้ำในใจ เขาเฝ้าถามตัวเองว่าทำผิดอะไร ... น่าเสียดาย ชายหนุ่มผู้ไม่เคยเรียนรู้จักคำว่ารัก บางที "ความซื่อสัตย์" ก็ทำร้ายหรือทำลายใจคนได้ไม่แพ้ "ความทรยศ" ฝนรับรู้เรื่องราวของเขาจากเพื่อนเก่าๆแล้ว และเธอก็ไม่กล้าติดต่อมาหาเขา ได้แต่ฝากเพื่อนมาขอโทษโดยไร้ซึ่งคำอธิบาย และเขาคงไม่ได้ยินคำอธิบายใดๆในเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ใจของเขาถูกปิดลงแล้ว
บางวันเขาขอร้องให้ที่บ้านช่วยขับรถพาไปหาฝนที่บ้านของเขา ทั้งๆที่รู้ว่าฝนอยู่กรุงเทพฯ แค่ไปเห็นบ้าน ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้มาส่งฝนบ่อยๆ บางครั้งก็มานั่งอ่านหนังสือในสวนเล็กๆนั่น มางานวันเกิด งานปีใหม่ หรือจะมาทานข้าวกับครอบครัวของเธอ จนพักหลังทางบ้านปฏิเสธที่จะพาเขาไป เพียงเพราะไม่อยากให้เขาตอกย้ำความเจ็บปวดลงมากกว่าเดิม พ่อแม่พยายามให้รามไปพบจิตแพทย์ เพื่อเยียวยาอาการของลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา แต่รามก็มักจะอาละวาดทุกครั้ง เขาเดินเท้าไปบ้านหลังนั้นแทบจะทุกวันที่ไปได้ด้วยตัวเอง เขาแค่อยากจะเห็น อยากจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากจะมีเธอคนนั้นกลับมาเดินเคียงข้างอีกครั้ง ความจริงที่เจ็บปวดทำร้ายเขามากเกินไป
พ่อเริ่มกักบริเวณเขา เพราะบ่อยครั้งที่มีคนเห็นเขานั่งร้องไห้ที่ข้างฟุตบาท บางครั้งแทบจะเรียกได้ว่าข้างกองขยะ เขาทั้งอายทั้งสงสารลูกจับใจ น้ำตาของพ่อหลั่งรินกอดลูกชายสุดที่รักไว้ด้วยหัวใจที่แตกสลายไม่ต่างกัน รามเริ่มใช้มีดกรีดตามร่างกายตัวเอง เพื่อลบความเจ็บปวดในใจ เขาพยายามที่จะหลอกตัวเองว่าร่างกายต่างหากที่เจ็บ ไม่ใช่หัวใจ เมื่อแม่มาเห็นก็ช็อคหมดสติไป หลังจากวันนั่นมา ในห้องของเขาจึงว่างเปล่า มีแต่ที่นอนที่ไม่มีแม้แต่ผ้าปูเพราะกลัวว่าเขาจะคิดสั้น เขาถูกขัง... เขาเริ่มอาละวาด ทุบประตู จากที่ไม่ค่อยแตะอาหาร ตอนนี้เขาไม่แตะอะไรทั้งนั้น พ่อสงสารเขามาก เคยให้เขาลงมานั่งข้างล่างและล่ามโซ่เขาไว้ เพราะกลัวเขาจะออกเดินไปที่บ้านหลังนั้นอีก ทุกครั้งที่เขาถูกปลดโซ่จากความเห็นใจของแม่ เขาก็จะเดินออกมาตามทางที่เคยเดิน ทางไปบ้านหลังนั้น แม่จะเดินตามหลังเขาเสมอ คอยมองหลังของลูกที่ค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ ด้วยความผ่ายผอม และจะคอยบอกให้เขาหยุดยืนมองบ้านหลังนั้นไกลๆ น้ำเสียงแห่งความรักและอาทรมักจะได้ผลเสมอ และแม่ก็จะพาเขาเดินกลับ แม่ยอมเหนื่อยเพียงเพื่อความสุขเล็กๆของลูก ลูกกลัวการขึ้นรถเพราะกลัวที่ถูกจับไปโรงพยาบาล... ไม่เป็นไร แม่จะเดินเป็นเพื่อนลูกเอง ...
จนกระทั่งแม่ตรอมใจล้มป่วยลง พ่อเองต้องดูแลแม่ และเขาก็ยังคงดึงดันที่จะไปบ้านหลังนั้น หลังจากที่ทั้งพี่สาวและญาติๆ ช่วยกันยื้อรามไว้ ทุกคนลงความเห็นว่าเขาเกินที่จะเยียวยา การล่ามโซ่เขาไว้กลับไม่เป็นเรื่องที่ถูกต้องสำหรับคนที่ผ่านไม่มาโดยไม่ทราบเรื่องราว และเมื่อเขาถูกขังไว้ในห้องก็มักจะอาละวาด โดยการเอาหัวกระแทกที่ประตู พ่อจึงจำตองปล่อยเขาเป็นอิสระ
ตอนนี้เขาเดินอยู่ตามถนน ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกปวดอีกแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหิวหรือเปล่า รู้แค่ว่าถ้าไม่กินก็ไม่มีแรงเดิน บ่อยครั้งที่พ่อซื้อข้าวไปให้เขานั่งกินข้างถนน แรกๆ พ่อก็นังกินข้าวกล่อนที่ข้างทางกับเขา พอหลังๆ พ่อเอาแต่นั่งร้องไห้ข้างๆ เป็นที่เวทนาของผู้คนที่ผ่านไปมา รามเริ่มไม่กินข้าวกล่อง ไม่รับของจากใคร ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ เขาไม่รับข้าวกล่องอาจจะเพราะไม่อยากเห็นพ่อนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ หรืออาจจะเพราะเขาบ้าไปแล้วจริงๆ เท้าที่พ่อเคยเอารองเท้าไปใส่ให้ ตอนนี้ว่างเปล่า พ่อได้แต่มองเท้าแตกๆ มีเลือดซึมคู่นั้นจากการเดินบนถนนอันร้อนระอุ เดินผ่านหน้าบ้านไปบ่อยครั้ง แม่ของเขาไม่ยอมออกมาจากบ้านอีกเลย เพราะรับไม่ได้ที่จะเห็นสภาพของลูกชาย
รามเดินวนอยู่ระหว่างทางไปบ้านเธอคนนั้นและบ้านของเขามาอย่างนี้จนกระทั่งแม่เขาตายจากไป เท้าที่แตกจนมีลือดซึมออกมาตอนนี้เป็นรอยแตกด้านๆ รอยเลือดเปลี่ยนเป็นสีดำสกปรกๆ ครอบครัวได้แต่มองดูและคอยเอาข้าวของไปวางไว้บ้างเพื่อเขาจะหยิบมัน เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป เขาเป็นอิสระจากความรู้สึกต่างๆ ทั้งมวลในโลก เขาจะไม่แม้แต่จะทรมานกับทุกเรื่องราว เขาถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ
... คนที่เจ็บปวด คนที่หัวใจแตกสลาย คือ คนที่ได้แต่มองลูกชายอันเป็นที่รัก ที่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เดนผ่านหน้าบ้านด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ เดินด้วยเท้าที่เปล่าเปลือย เต็มไปด้วยรอยแตกที่ปูดโปน เหยียบย่างไปบนความเจ็บปวดอย่างไม่รู้สึกรู้สา น้ำตาที่เคยหลั่นรินทุกวันของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่งเหือดหายไป เหลือไว้แต่น้ำตาของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูกชาย มันยังคงไหลอยู่ทุกวันๆไม่มีคำว่าชินชา ลูกจะรู้หรือไม่ ว่าหัวใจของพ่อแม่ มันสลายไปพร้อมๆกับวันที่ลูกกลับมาโดยไม่มีหัวใจกลับมาด้วย เมื่อลูกร้อง พ่อกับแม่ก็ร้อง เมื่อลูกเจ็บปวด พ่อกับแม่เจ็บปวดยิ่งกว่า ... พ่อยังคงทุกข์ทรมานต่อการที่ยังต้องมาเห็นลูกในสภาพแบบนี้
เสียดายนัก ที่ใบปริญญานี้ ไม่มีความหมายต่อชีวิต หากแต่เพียงเขาได้ใกล้ชิดลูกมากกว่านี้ ได้สอนให้ลูกรู้จักกับความรักมากกว่านี้ คงจะดีไม่น้อย ชีวิตของเขาคงไม่จมอยู่กับน้ำตา ใบปริญญานั่น มันไม่ได้อยู่ที่กำแพงบ้านอีกต่อไปแล้ว ...
คนบ้า
หลังจากกลับมากราบเท้าพ่อแม่ และแปะใบปริญญาในกรอบทองบนฝาผนังบ้านแล้ว รามก็ได้ขออนุญาตพ่อแม่เพื่อไปพบกับแฟนสาวที่จากกันไปหลายปีด้วยความคิดถึง เพียงแค่ต้องการไปเซอร์ไพรส์ให้เธอรู้สึกตกใจปนดีใจเล่น วาดหวังให้เธอยกมือปิดหน้าร้องไห้ ก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดเขาดังเช่นในหนัง แล้วเขาก็จะขอเธอ "แต่งงาน" โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าฝ่ายที่จะตกใจคือตัวเขาเอง ...
ในคืนนั้น เขาเห็นเธอแล้ว... เธอสวมกอดกับผู้ชายคนอื่น หัวเราะกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ดูมีความสุข อยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆในร้านอาหาร เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่นิ่งเงียบ ความจริงที่ไม่มีใครเคยบอก ความจริงที่เขาไม่เคยรู้ เริ่มพรั่งพรูออกมาจากปากของเพื่อนที่ช่วยขับรถมา สมองเริ่มทำการประมวลผล เขาเริ่มรับรู้ถึงปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งก่อนหน้าที่จะกลับมาเมืองไทย และระหว่างทางที่ขับรถมา... นี่เพราะความห่างไกลหรือห่างใจ??? ความพยายามของเขาคือการละเลยใช่หรือไม่? คำถามหลายๆคำถามเกิดขึ้นในจิตใจ ความเพียรพยายามที่จะเรียนให้จบเร็วๆ เพื่อที่จะมาพบหน้าหญิงผู้เป็นที่รัก เพื่ออนาคตที่ตั้งไว้ เพื่อหน้าที่การงานที่ดี เพื่อครอบครัวที่มีเธอเป็นส่วนหนึ่งในนั้น หัวใจของเขาค่อยๆแตกสลาย น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน ...เขาลืมที่จะเรียนรัก เขาไม่พร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์นี้ เท้าที่ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงค่อยๆ ก้าวออกไป กระจกที่กั้นไว้เหมือนกั้นเขาออกสู่โลกอีกใบที่ขนานไปกับโลกของเธอ ... เธอทำแบบนั้นได้อย่างไร ทำไมยังคุยกันอยู่แทบจะทุกวันโดยที่เขาไม่เคยระแคะระคายเลย "ฝนกำลังจะแต่งงาน" ทำไม? ในเมื่อฐานะทางบ้านเขาก็ดี การศึกษาเขาก็มีเพียบพร้อม เพราะอะไร? เธอถึงทิ้งเขาไปกับผู้ชายคนอื่น
เขากลับมาที่บ้านในรูปแบบมนุษย์ที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว เพื่อนๆได้แต่แวะเวียนมาหาเพราะอาการของเขาซึมเศร้าและไม่รับรู้อะไร แต่เขารู้สึกเจ็บ รู้สึกปวด ความรู้สึกนั้นมันมาจากภายในจิตใจ พ่อแม่ พี่สาว ญาติๆและเพื่อนๆ ทำทุกวิถีทางให้รามกลับคืนมาสู่โลกอันสดใส แต่ไม่เกิดผลอะไร เขาเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว ความเจ็บปวดนั้นมันฝังลึกลงไปทุกทีๆ น้ำตาของเขาไหลมาเป็นสาย ร้องจนมันเหือดแห้งหายไปกับนิทรา ตื่นมาน้ำตาไหลอีกครั้งให้กับความชอกช้ำในใจ เขาเฝ้าถามตัวเองว่าทำผิดอะไร ... น่าเสียดาย ชายหนุ่มผู้ไม่เคยเรียนรู้จักคำว่ารัก บางที "ความซื่อสัตย์" ก็ทำร้ายหรือทำลายใจคนได้ไม่แพ้ "ความทรยศ" ฝนรับรู้เรื่องราวของเขาจากเพื่อนเก่าๆแล้ว และเธอก็ไม่กล้าติดต่อมาหาเขา ได้แต่ฝากเพื่อนมาขอโทษโดยไร้ซึ่งคำอธิบาย และเขาคงไม่ได้ยินคำอธิบายใดๆในเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ใจของเขาถูกปิดลงแล้ว
บางวันเขาขอร้องให้ที่บ้านช่วยขับรถพาไปหาฝนที่บ้านของเขา ทั้งๆที่รู้ว่าฝนอยู่กรุงเทพฯ แค่ไปเห็นบ้าน ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้มาส่งฝนบ่อยๆ บางครั้งก็มานั่งอ่านหนังสือในสวนเล็กๆนั่น มางานวันเกิด งานปีใหม่ หรือจะมาทานข้าวกับครอบครัวของเธอ จนพักหลังทางบ้านปฏิเสธที่จะพาเขาไป เพียงเพราะไม่อยากให้เขาตอกย้ำความเจ็บปวดลงมากกว่าเดิม พ่อแม่พยายามให้รามไปพบจิตแพทย์ เพื่อเยียวยาอาการของลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา แต่รามก็มักจะอาละวาดทุกครั้ง เขาเดินเท้าไปบ้านหลังนั้นแทบจะทุกวันที่ไปได้ด้วยตัวเอง เขาแค่อยากจะเห็น อยากจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากจะมีเธอคนนั้นกลับมาเดินเคียงข้างอีกครั้ง ความจริงที่เจ็บปวดทำร้ายเขามากเกินไป
พ่อเริ่มกักบริเวณเขา เพราะบ่อยครั้งที่มีคนเห็นเขานั่งร้องไห้ที่ข้างฟุตบาท บางครั้งแทบจะเรียกได้ว่าข้างกองขยะ เขาทั้งอายทั้งสงสารลูกจับใจ น้ำตาของพ่อหลั่งรินกอดลูกชายสุดที่รักไว้ด้วยหัวใจที่แตกสลายไม่ต่างกัน รามเริ่มใช้มีดกรีดตามร่างกายตัวเอง เพื่อลบความเจ็บปวดในใจ เขาพยายามที่จะหลอกตัวเองว่าร่างกายต่างหากที่เจ็บ ไม่ใช่หัวใจ เมื่อแม่มาเห็นก็ช็อคหมดสติไป หลังจากวันนั่นมา ในห้องของเขาจึงว่างเปล่า มีแต่ที่นอนที่ไม่มีแม้แต่ผ้าปูเพราะกลัวว่าเขาจะคิดสั้น เขาถูกขัง... เขาเริ่มอาละวาด ทุบประตู จากที่ไม่ค่อยแตะอาหาร ตอนนี้เขาไม่แตะอะไรทั้งนั้น พ่อสงสารเขามาก เคยให้เขาลงมานั่งข้างล่างและล่ามโซ่เขาไว้ เพราะกลัวเขาจะออกเดินไปที่บ้านหลังนั้นอีก ทุกครั้งที่เขาถูกปลดโซ่จากความเห็นใจของแม่ เขาก็จะเดินออกมาตามทางที่เคยเดิน ทางไปบ้านหลังนั้น แม่จะเดินตามหลังเขาเสมอ คอยมองหลังของลูกที่ค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ ด้วยความผ่ายผอม และจะคอยบอกให้เขาหยุดยืนมองบ้านหลังนั้นไกลๆ น้ำเสียงแห่งความรักและอาทรมักจะได้ผลเสมอ และแม่ก็จะพาเขาเดินกลับ แม่ยอมเหนื่อยเพียงเพื่อความสุขเล็กๆของลูก ลูกกลัวการขึ้นรถเพราะกลัวที่ถูกจับไปโรงพยาบาล... ไม่เป็นไร แม่จะเดินเป็นเพื่อนลูกเอง ...
จนกระทั่งแม่ตรอมใจล้มป่วยลง พ่อเองต้องดูแลแม่ และเขาก็ยังคงดึงดันที่จะไปบ้านหลังนั้น หลังจากที่ทั้งพี่สาวและญาติๆ ช่วยกันยื้อรามไว้ ทุกคนลงความเห็นว่าเขาเกินที่จะเยียวยา การล่ามโซ่เขาไว้กลับไม่เป็นเรื่องที่ถูกต้องสำหรับคนที่ผ่านไม่มาโดยไม่ทราบเรื่องราว และเมื่อเขาถูกขังไว้ในห้องก็มักจะอาละวาด โดยการเอาหัวกระแทกที่ประตู พ่อจึงจำตองปล่อยเขาเป็นอิสระ
ตอนนี้เขาเดินอยู่ตามถนน ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกปวดอีกแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหิวหรือเปล่า รู้แค่ว่าถ้าไม่กินก็ไม่มีแรงเดิน บ่อยครั้งที่พ่อซื้อข้าวไปให้เขานั่งกินข้างถนน แรกๆ พ่อก็นังกินข้าวกล่อนที่ข้างทางกับเขา พอหลังๆ พ่อเอาแต่นั่งร้องไห้ข้างๆ เป็นที่เวทนาของผู้คนที่ผ่านไปมา รามเริ่มไม่กินข้าวกล่อง ไม่รับของจากใคร ไม่มีใครรู้ว่าเขารู้ตัวหรือไม่ เขาไม่รับข้าวกล่องอาจจะเพราะไม่อยากเห็นพ่อนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ หรืออาจจะเพราะเขาบ้าไปแล้วจริงๆ เท้าที่พ่อเคยเอารองเท้าไปใส่ให้ ตอนนี้ว่างเปล่า พ่อได้แต่มองเท้าแตกๆ มีเลือดซึมคู่นั้นจากการเดินบนถนนอันร้อนระอุ เดินผ่านหน้าบ้านไปบ่อยครั้ง แม่ของเขาไม่ยอมออกมาจากบ้านอีกเลย เพราะรับไม่ได้ที่จะเห็นสภาพของลูกชาย
รามเดินวนอยู่ระหว่างทางไปบ้านเธอคนนั้นและบ้านของเขามาอย่างนี้จนกระทั่งแม่เขาตายจากไป เท้าที่แตกจนมีลือดซึมออกมาตอนนี้เป็นรอยแตกด้านๆ รอยเลือดเปลี่ยนเป็นสีดำสกปรกๆ ครอบครัวได้แต่มองดูและคอยเอาข้าวของไปวางไว้บ้างเพื่อเขาจะหยิบมัน เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป เขาเป็นอิสระจากความรู้สึกต่างๆ ทั้งมวลในโลก เขาจะไม่แม้แต่จะทรมานกับทุกเรื่องราว เขาถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ
... คนที่เจ็บปวด คนที่หัวใจแตกสลาย คือ คนที่ได้แต่มองลูกชายอันเป็นที่รัก ที่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เดนผ่านหน้าบ้านด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ เดินด้วยเท้าที่เปล่าเปลือย เต็มไปด้วยรอยแตกที่ปูดโปน เหยียบย่างไปบนความเจ็บปวดอย่างไม่รู้สึกรู้สา น้ำตาที่เคยหลั่นรินทุกวันของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่งเหือดหายไป เหลือไว้แต่น้ำตาของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูกชาย มันยังคงไหลอยู่ทุกวันๆไม่มีคำว่าชินชา ลูกจะรู้หรือไม่ ว่าหัวใจของพ่อแม่ มันสลายไปพร้อมๆกับวันที่ลูกกลับมาโดยไม่มีหัวใจกลับมาด้วย เมื่อลูกร้อง พ่อกับแม่ก็ร้อง เมื่อลูกเจ็บปวด พ่อกับแม่เจ็บปวดยิ่งกว่า ... พ่อยังคงทุกข์ทรมานต่อการที่ยังต้องมาเห็นลูกในสภาพแบบนี้
เสียดายนัก ที่ใบปริญญานี้ ไม่มีความหมายต่อชีวิต หากแต่เพียงเขาได้ใกล้ชิดลูกมากกว่านี้ ได้สอนให้ลูกรู้จักกับความรักมากกว่านี้ คงจะดีไม่น้อย ชีวิตของเขาคงไม่จมอยู่กับน้ำตา ใบปริญญานั่น มันไม่ได้อยู่ที่กำแพงบ้านอีกต่อไปแล้ว ...