เลอะเทอะ .... สะเปะสะปะ ... วนไปวนมา ... หลบๆเลี่ยง .... ซึ่งเนื้อหาและพฤติกรรมดูเหมือนคำว่า "ปฎิรูปการเมือง" เป็นการนำเสนอลัทธิใหม่ ที่เป็นการผสมพันธุ์ระหว่าง fascism กับ conservatism .... หรือเปล่า ???
การเป็นผู้นำเผด็จการฟาสซิสม์ ไม่ใช่เรื่องสนุกนะตาเทือก .... ตอนจบอาจจะถูกเค้ายิงทิ้งเหมือนตัวอะไรสักอย่าง แถมยังถูกประชาชนรุมกระทืบซะเละเทะอีกด้วย....
เอ้า ... เผื่อใครจะสงสัยว่า ฟาสซิสม์ หน้าตาเป็นอย่างไร ... เก็บมาให้ดูคร่าวๆครับ ...
คำว่า ฟาสซิสม์ (fascism) นั้นมาจากศัพท์ภาษาละตินว่า Fasces แปลว่า การผูกไว้ด้วยกัน ซึ่งมุสโสลินีให้ความหมายว่า คือการผูกมัดอำนาจรัฐ โดยมีแนวความคิดที่ว่า รัฐมีความสำคัญกว่าตัวบุคคล ซึ่งอยู่คนละขั้วกับเสรีนิยม เพราะเสรีนิยมมองว่าหน้าที่ของรัฐคือ การปฏิบัติต่อบุคคล แต่ฟาสซิสม์มองกลับกันคือ บุคคลจะต้องปฏิบัติรับใช้รัฐ ซึ่งรัฐจะเป็นผู้ชี้ขาดและมีอำนาจสูงสุดเป็นการแบ่งแยกชนชั้น ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง นอกจากนี้รัฐบาลของฟาสซิสม์ยังควบคุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การสื่อสาร และองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งนี้ ยังปลูกฝังให้ฝักใฝ่ความเป็นชาตินิยมโดยมุ่งเน้นความเป็นชาติที่มีความหมายถึงประชาชนที่มีเชื้อชาติเดียวกัน และฟาสซิสม์ยังต่อต้านรัฐที่เป็นเสรีนิยมไม่ว่าจะเป็นระบบการเมืองแบบรัฐสภา
นอกจากนี้ยังมีลักษณะเป็นลัทธิทหารนิยม ซึ่งถูกนำมาเพื่อสร้างอำนาจเด็ดขาดสำหรับผู้นำประเทศ ในกรณีนโยบายระหว่างประเทศลัทธิฟาสซิสม์มักจะรุกรานประเทศอื่นๆ เพื่อขยายดินแดนเพิ่มเติมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อิตาลีรุกรานเอธิโอเปีย เช่นเดียวกับฮิตเลอร์ที่ฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายและบุกประเทศโปแลนด์ในช่วงเดียวกัน ส่วนภายในประเทศลัทธิทหารนิยมก็จะถูกนำมาใช้ปราบปรามผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งกับผู้ปกครองประเทศ
และนี่คือจุดจบ The end of a great Dictator - Here Benito Mussolini lie beside his mistress in a morgue in Milan, Italy, after he was killed, hung by his feet and beaten by rabid Italians. May 1945
..... พฤติกรรมของเทือก ..... ไม่ใช่ประชาธิไตย !!! ....
การเป็นผู้นำเผด็จการฟาสซิสม์ ไม่ใช่เรื่องสนุกนะตาเทือก .... ตอนจบอาจจะถูกเค้ายิงทิ้งเหมือนตัวอะไรสักอย่าง แถมยังถูกประชาชนรุมกระทืบซะเละเทะอีกด้วย....
เอ้า ... เผื่อใครจะสงสัยว่า ฟาสซิสม์ หน้าตาเป็นอย่างไร ... เก็บมาให้ดูคร่าวๆครับ ...
คำว่า ฟาสซิสม์ (fascism) นั้นมาจากศัพท์ภาษาละตินว่า Fasces แปลว่า การผูกไว้ด้วยกัน ซึ่งมุสโสลินีให้ความหมายว่า คือการผูกมัดอำนาจรัฐ โดยมีแนวความคิดที่ว่า รัฐมีความสำคัญกว่าตัวบุคคล ซึ่งอยู่คนละขั้วกับเสรีนิยม เพราะเสรีนิยมมองว่าหน้าที่ของรัฐคือ การปฏิบัติต่อบุคคล แต่ฟาสซิสม์มองกลับกันคือ บุคคลจะต้องปฏิบัติรับใช้รัฐ ซึ่งรัฐจะเป็นผู้ชี้ขาดและมีอำนาจสูงสุดเป็นการแบ่งแยกชนชั้น ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง นอกจากนี้รัฐบาลของฟาสซิสม์ยังควบคุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การสื่อสาร และองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งนี้ ยังปลูกฝังให้ฝักใฝ่ความเป็นชาตินิยมโดยมุ่งเน้นความเป็นชาติที่มีความหมายถึงประชาชนที่มีเชื้อชาติเดียวกัน และฟาสซิสม์ยังต่อต้านรัฐที่เป็นเสรีนิยมไม่ว่าจะเป็นระบบการเมืองแบบรัฐสภา
นอกจากนี้ยังมีลักษณะเป็นลัทธิทหารนิยม ซึ่งถูกนำมาเพื่อสร้างอำนาจเด็ดขาดสำหรับผู้นำประเทศ ในกรณีนโยบายระหว่างประเทศลัทธิฟาสซิสม์มักจะรุกรานประเทศอื่นๆ เพื่อขยายดินแดนเพิ่มเติมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อิตาลีรุกรานเอธิโอเปีย เช่นเดียวกับฮิตเลอร์ที่ฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายและบุกประเทศโปแลนด์ในช่วงเดียวกัน ส่วนภายในประเทศลัทธิทหารนิยมก็จะถูกนำมาใช้ปราบปรามผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งกับผู้ปกครองประเทศ
และนี่คือจุดจบ The end of a great Dictator - Here Benito Mussolini lie beside his mistress in a morgue in Milan, Italy, after he was killed, hung by his feet and beaten by rabid Italians. May 1945